ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – บทที่ 1342 ความโกรธกริ้วของคุณชายสามเย่ (4)

บทที่ 1342 ความโกรธกริ้วของคุณชายสามเย่ (4)

ถึงแม้โจ๋วอันหนานจะไม่เหลือเยื่อใยต่อเขาเลยสักนิด ไม่สนใจความเป็นความตายของน้องชายอย่างเขาคนนี้ แต่อย่างไรเสียโจ๋วอันหนานก็เป็นพี่สาวของเขา ดังนั้นตอนนี้โจ๋วชิงจึงรู้สึกผิดต่อทุกคนเป็นอย่างยิ่ง

“ฉันจะพาทุกคนไปส่งโรงพยาบาลก่อน” เย่ซือเฉินเข้าใจความรู้สึกของเขาดี อันที่จริงเรื่องนี้จะโทษโจ๋วชิงก็คงไม่ได้ สิ่งที่โจ๋วอันหนานเขา เขาจะต้องคิดบัญชีกับโจ๋วอันหนานอย่างแน่นอน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับโจ๋วชิงเลยสักนิด

โจ๋วชิงยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้น ไม่ขยับเขยื้อน เขาค่อย ๆ ปิดตาทั้งสองข้างลง เพื่อปกปิดความรู้สึกของเขาที่เกิดขึ้นในเวลานี้

“จริงสิ หยวนหยูฟื้นแล้วนะ” เย่ซือเฉินหันมองเขา จากนั้นจึงรีบพูดเสริมขึ้นมา

โจ๋วชิงลืมตาขึ้นทันที จากนั้นเขาจึงพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาทั้งคู่ของเขาเป็นประกาย : “จริงหรือ เธอฟื้นแล้วจริง ๆ หรือ”

“นายคิดว่าฉันจะเอาเรื่องแบบนี้มาพูดล้อเล่นหรืออย่างไร ?” เย่ซือเฉินเหลือบมองเขาทันที เมื่อเห็นท่าทางของโจ๋วชิง เย่ซือเฉินก็รู้สึกโล่งใจลงไม่น้อย โชคยังดีที่หยวนหยูฟื้นขึ้นมาแล้ว

“รีบไปโรงพยาบาลเร็วเข้าเถอะ มิฉะนั้นหากนายสูญเสียเลือดจนตาย แม้แต่หน้าก็จะไม่มีวันได้เห็นอีก” คุณชายสามเย่สามารถพูดโน้มน้าวใจคนได้อย่างยอดเยี่ยม การโน้มน้าวใจคนระดับนี้ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว

“ฉันจะห้ามเลือดไว้ก่อน และจะช่วยกู้หวูกับไอ้หัวโตห้ามเลือดเอาไว้ก่อนด้วย จากนั้นค่อยไปโรงพยาบาลกัน” ตอนนี้พละกำลังของคุณชายสองโจ๋วฟื้นฟูกลับมา ในที่สุดเขาก็นึกถึงการห้ามเลือดขึ้นมาได้ หยวนหยูฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด

เวินลั่วฉิงเห็นท่าทางของคุณชายสองโจ๋วในตอนนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ดีจริง ๆ การมีชีวิตรอดเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ ท่าทีที่ดูมีพละกำลังช่างเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ

“พ่อของหยวนหยูล่ะ ? ปลอดภัยดีใช่ไหม ?” โจ๋วชิงรีบห้ามเลือดให้กับทุกคน จากนั้นจึงนึกถึงพ่อของหยวนหยูที่ถูกพวกเขาพาตัวออกมาก่อนหน้านี้

“ยังหมดสติอยู่” กู้หวูหันมองชายที่นอนนิ่งอยู่ตรงที่ไกล ๆ โชคยังดีที่เป้าหมายของชายคนนั้นคือพวกเขา ดังนั้นจึงไม่ได้หันไปโจมตีพ่อของหยวนหยู ดังนั้นพ่อของหยวนหยูจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ

และโชคยังดีที่พ่อของหยวนหยูยังคงหมดสติอยู่ ยังไม่ฟื้นขึ้นมา มิเช่นนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ อาจทำให้รับตกใจจนโรคหัวใจกำเริบได้

“พาคนขึ้นรถไปโรงพยาบาลก่อน” ตอนนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้บาดเจ็บ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือไปโรงพยาบาล

เพราะพวกของกู้หวูและโจ๋วชิงต่างก็ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเย่ซือเฉินจึงคิดที่จะไปแบกพ่อของหยวนหยูขึ้นรถ

“พี่ใหญ่ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะครับ” กู้หวูกลับรีบเดินนำขึ้นไปเสียก่อน เรื่องเช่นนี้จะปล่อยให้พี่ใหญ๋เป็นคนทำได้อย่างไร

“บาดแผลของนาย……” เย่ซือเฉินถูกห้ามเอาไว้ เขามองดูบาดแผลบนร่างกายของกู้หวูอย่างไม่สบายใจนัก

“บาดแผลแค่นี้เล็กน้อย ไม่เป็นไรหรอกครับ” กู้หวูรีบเดินเข้าไปจนถึงจุดที่พ่อของหยวนหยูนอนอยู่ จากนั้นจึงแบกพ่อของหยวนหยูขึ้นไว้บนหลัง แล้วเดินตรงไปยังรถของเย่ซือเฉิน

โจ๋วชิงเองก็ลุกยืนขึ้น ถึงแม้เขาจะถูกยิงหลายนัด แต่โชคยังดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ เพียงแค่เมื่อครู่เสียเลือดไปมาก จึงรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย แต่เขาก็ยังพอทนไหว เขาจะต้องอดทนเพื่อไปพบกับหยวนหยูให้ได้

“พี่สอง ฉันไม่มีวันปล่อยโจ๋วอันหนานไปเด็ดขาด” ในขณะที่โจ๋วชิงกำลังเดินอยู่นั้น เย่ซือเฉินก็โพล่งคำพูดประโยคนี้ออกมา

เพราะโจ๋วอันหนานเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของโจ๋วชิง ดังนั้นเย่ซือเฉินจึงต้องการพูดกับโจ๋วชิงให้ชัดเจน สิ่งที่โจ๋วอันหนานทำยากที่จะให้อภัยได้ เย่ซือเฉินไม่อาจละเว้นเธอเพียงเพราะเห็นแก่โจ๋วชิงได้

โจ๋วชิงหยุดฝีเท้าลง แววตาของเขาหมองหม่นลงเล็กน้อย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่หลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ แสยะยิ้มออกมา : “นายคิดจะทำอะไรก็ทำเถอะ ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่ฉัน”

คำพูดนี้ของโจ๋วชิงเป็นคำพูดที่มาจากใจจริง และไม่รู้สึกลังเลเลยสักนิด

“ตั้งแต่ที่เธอคิดจะฆ่าพวกเรา ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอก็จบสิ้นลงแล้ว” โจ๋วชิงค่อย ๆ พูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค เขาเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่น่าเสียดายที่โจ๋วอันหนันกลับไม่สนใจ

ก่อนหน้านี้ ตอนที่โจ๋วอันหนานทำให้เขาและหยวนยหูต้องแยกจากกัน เขาก็ไม่อาจให้อภัยได้ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่รู้สึกโกรธแค้นเช่นนี้ ทว่าตั้งแต่ที่โจ๋วอันหนานคิดที่จะฆ่าพวกเขา เขาก็รู้สึกโกรธแค้นโจ๋วอันหนานขึ้นจริง ๆ โกรธแค้นในความโหดเหี้ยมของโจ๋วอันหนาน โกรธแค้นในความอำมหิตของโจ๋วอันหนาน

เขาไม่รีบตรงไปฆ่าโจ๋วอันหนานในทันทีก็นับว่าดีมากแล้ว แล้วเขาจะคิดขัดขวางซือเฉินได้อย่างไร

“อืม ฉันเข้าใจแล้ว” เย่ซือเฉินแอบโล่งใจ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของโจ๋วอันหนาน ไม่ว่าจะทำอะไรก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

โจ๋วชิงเดินมุ่งหน้าต่อไปยังรถ ส่วนเย่ซือเฉินก็อุ้มเวินลั่วฉิงขึ้นมา

“ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ ฉันเดินเองได้ค่ะ” เวินลั่วชิงผงะไป ถึงแม้จะเอ่ยปฏิเสธ แต่มือทั้งสองข้างของเธอกลับคล้องไปที่คอของเขาอย่างรวดเร็ว

“ผมอยากอุ้มคุณ” เย่ซือเฉินหัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงของเขาฟังดูอบอุ่น เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาระหว่างความเป็นความตายมา ทำให้ช่วงเวลานี้ช่างเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง

“ไอ้บ้านั่นตายเป็นอย่างไรบ้าง ตายหรือยัง ?” กู้หวูอุ้มพ่อของหยวนหยูขึ้นรถ แล้วนึกถึงผู้ชายที่จะฆ่าพวกเขาขึ้นมาได้ แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ดังนั้นจึงเดินไปที่เนินเขา แล้วมองลงไปด้านล่าง

จากนั้น จึงมองเห็นรถที่หล่นลงไปจนพังย่อยยับไม่มีชิ้นดี แล้วเห็นชายคนนั้นกระเด็นออกมาอยู่ด้านนอกตัวรถ และนอนอยู่บนโขดหิน ในสภาพที่เนื้อสมองไหลออกมา จึงเห็นได้ชัดเจนว่าเสียชีวิตอย่าแน่นอน

กู้หวูจึงรู้สึกวางใจ

ในตอนนี้ อีกทางด้านหนึ่ง โจ๋วอันหนานกำลังรอฟังข่าวอยู่ เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ เธอยังไม่ได้รับการแจ้งข่าวใด ๆ จึงรู้สึกร้อนใจมากยิ่งขึ้น เมื่อลองคำนวณเวลาก็พบว่าสถานการณ์สมควรที่จะสิ้นสุดลงแล้ว ทำไมตอนนี้กลับยังไม่มีการแจ้งข่าวมา

โจ๋วอันหนานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วต่อสายไปยังโทรศัพท์ของชายคนนั้น แต่กลับโทรไม่ติด รถทะยานลงเนินเขาจนบุบสลายไม่มีชิ้นดีเช่นนั้น แน่นอนว่าโทรศัพท์ก็พังไปด้วยเช่นกัน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? ทำไมโทรศัพท์ถึงโทรไม่ติด ?” สีหน้าของโจ๋วอันหนานเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาและหงุดหงิด

โทรศัพท์โทรไม่ติด จึงไม่สามารถรับรู้ข่าวสารจากอีกฝ่ายได้ เป็นเพราะคฤหาสน์ถูกระเบิดไปแล้ว โทรศัพท์ของเธอที่เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดภายในคฤหาสน์จึงโทรไม่ติดเช่นเดียวกัน วิธีเดียวที่จะทำให้เธอติดต่อได้ก็คือการโทรศัพท์หาผู้ชายคนนั้น

ทว่าตอนนี้โทรศัพท์กลับโทรไม่ติด โจ๋วอันหนานจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนใจ ตอนนี้เธออยากจะไปถึงที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง เพื่อดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

แต่เธอกลัวว่าหากเธอไปตอนนี้อาจดูน่าสงสัย เพราะพวกของถังหลินเองก็สงสัยในตัวเธอแล้ว

หรือจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ?

ไม่ เป็นไปไม่ได้ ความสามารถของผู้ชายคนนั้นเธอรู้ดี อีกทั้งเธอเองก็รู้ว่าบนรถของผู้ชายคนนั้นมีปืน และไม่ได้มีแค่ปืนเพียงชนิดเดียวเท่านั้น ดังนั้น ขอแค่ชายคนนั้นเดินทางไปยังคฤหาสน์จริง และทำตามคำสั่งของเธอจริง ไม่มีทางที่จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นแน่นอน

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นที่นั่นกันแน่ ?

ถึงแม้โจ๋วอันหนันจะรู้สึกว่าชายคนนั้นไม่มีทางทำงานพลาดแน่นอน แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ถ้าหากชายคนนั้นไม่สามารถฆ่าพวกของเวินลั่วฉิงได้สำเร็จ ถึงตอนนั้นเธอคง……”

โจ๋วอันหนันคิดปึงก่อนหน้านี้ที่ชายคนนั้นสั่งให้เธอหลบซ่อนตัว เช่นนั้นตอนนี้เธอควรจะหลบซ่อนตัวจริง ๆ หรือไม่

แต่เธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ยังไม่รู้ว่าเวินลั่วฉิงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แล้วจะให้เฮหลบซ่อนตัวได้อย่างไร อีกทั้งความหยิ่งทะนงของเธอก็ทำให้เธอตัดสินใจที่จะไม่หลบซ่อนตัวและอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปตลอดชีวิต

โจ๋วอันหนันจ้องมองโทรศัพท์ของตัวเอง ดวงตาของเธอเป็นประกายอย่างรวดเร็ว เธอรู้ดีว่าโจ๋วชิงอยู่กับเวินลั่วฉิง เช่นนั้นเธอก็สามารถโทรศัพท์หาโจ๋วชิงได้ เมื่อรู้สถานการณ์ของโจ๋วชิง เธอก็จะรู้สถานการณ์ของเวินลั่วฉิงด้วยเช่นกัน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจ๋วอันหนานจึงรีบต่อสายโทรศัพท์หาโจ๋วชิง

โจ๋วชิงเพิ่งจะก้าวขึ้นรถ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อโจ๋วชิงนึกไปถึงว่าหยวนหยูฟื้นแล้ว จึงคิดว่าหยวนหยูเป็นคนโทรศัพท์มา เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แต่เมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ เขาก็หรี่ตาลงในทันที มุมปากของเขาแสยะยิ้มออกมาด้วยความเย้ยหยัน : “เหอะ เธอยังกล้าโทรศัพท์หาฉันอีกหรือ ?”

“ใครหรือ ?” กู้หวูซึ่งเป็นคนขี้สงสัยโดยปกติอยู่แล้ว เมื่อได้ยินน้ำเสียงของโจ๋วชิง เขาจึงรีบชะโงกหน้าไปมอง กู้หวูเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของคุณชายสองโจ๋ว ปรากฏชื่อสามพยางค์ของโจ๋วอันหนาน ก็ผงะไปทันที : “ให้ตายเถอะ เป็นโจ๋วอันหนานนี่เอง ผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ? เธอโทรหานายตอนนี้มีจุดประสงค์อะไรกัน ? อยากจะถามว่านายตายแล้วหรือยังอย่างนั้นหรือ ?”

กู้หวูรู้สึกประหลาดใจมากจริง ๆ เขาดูแลองค์กรยมบาลมาหลายปี เจอคนมามากมายหลายแบบ แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับคนประเภทนี้

แรกเริ่มคิดที่จะระเบิดน้องชายแท้ ๆ ของตัวเองให้ตายอยู่ในคฤหาสน์ หลังจากที่ทำไม่สำเร็จก็ส่งคนมาฆ่าน้องชายแท้ ๆ ของตัวเอง แล้วตอนนี้ยังกล้าบากหน้าโทรศัพท์มาหาอีก ?

เช่นนี้ต้องไร้ยางอายขนาดไหนกัน ?

“รับสิ” เย่ซือเฉินหรี่ตาลอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงของเขาเย็นชาจนน่าตกใจ

“ได้” โจ๋วชิงไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินกำลังคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินต้องการจะทำอะไร แต่โจ๋วชิงก็กดรับสายโดยไม่ลังเล อันที่จริงแล้วเขารู้ดีว่าโจ๋วอันหนานโทรศัพท์หาเขาด้วยจุดประสงค์อะไร และเขาอยากรู้ยิ่งขึ้นว่า หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์มากมายเหล่านี้แล้ว โจ๋วอันหนานยังจะพูดอะไรกับเขาได้อีก

“โจ๋วชิง ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ? เกิดอะไรขึ้น ? นายไปเตรียมยาให้หยวนหยูไม่ใช่หรือ ? แล้วทำไมไปแล้วถึงไม่กลับมาอีก หยวนหยูฟื้นแล้วนายรู้หรือยัง ?” ทันทีที่รับสาย เสียงของโจ๋วอันหนานที่ดังขึ้น กลับเป็นธรรมชาติอย่างมาก ! !

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Status: Ongoing

มองที่เด็กๆ ที่มีหน้าตาเหมือนกับตัวเอง สมองเขาว่างเปล่า ชั่วคราว”แม่เราก็คือภรรยาของคุณนะคะ ทำไม ภรรยาของ คุณมีลูกสองคน คุณไม่รู้หรอ”เด็กๆ จ้องมองเขา เตือนเขา อย่าง”มีน้ำใจ” เขาชะงักไปสองวินาที สีหน้าเปลี่ยนหลาย แบบ”ที่รัก อยู่ไหน” วินาทีต่อไป เขาโทรหาเวินลั่วฉิง “ได้ รอ ฉันสักครู่ ฉันจะไปที่ที่อยู่ทันที จะมีSurpriseให้นะ”ดี ดีจัง เขาอยากจะดูว่าเธอยังมีเรื่องอะไรที่ปิดบังเขาไว้ จะคิดบัญชี อย่างจริงจังแล้วนะ”นี่มันร้ายใจเกินไปมั่ง”เด็กสองคนนี้ตะลึง Surpriseนี่มันใหญ่จัง ดูเหมือนว่า คนนั้นจะซวยค่ะ! ! !

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท