หลินเป้ยพยายามหลบเขา พยายามอยู่ให้ไกลจากเขามากที่สุด ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ความเป็นไปได้เดียวที่หลินเป้ยจะหลับแม้มีเขาอยู่ข้างๆ ได้ก็คือเธอจะต้องเหนื่อยมากๆ
ทำไมเธอถึงเหนื่อยได้ขนาดนี้
ช่วงนี้เธอทำอะไรมาถึงทำให้ตัวเองเหนื่อยได้ขนาดนี้
“ช่วงนี้เขาไปทำอะไรมา” ถังหลินลุกพรวดขึ้น แล้วหันไปมองเมิ่งหลิน น้ำเสียงที่เขาเอ่ยมาเย็นชามาก แต่เขาก็ยังพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เอ่อ หา อะไรนะครับ ใคร?” เดิมทีเมิ่งหลินก็งุนงงจากการถูกถังหลินปฏิเสธอยู่แล้ว ตอนนี้พอได้ยินถังหลินกล่าวถามขึ้นมาลอยๆ แบบนี้อีก เขาก็ไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปอย่างไรเพราะไม่เข้าใจความหมายของถังหลิน
ถังหลินขมวดคิ้ว “ช่วงนี้เจ้าชายน้อยไปทำอะไรมา”
ถังหลินกล่าวออกไปอย่างแผ่วเบาลงอีก เขาหันไปมองหลินเป้ยอีกครั้ง ยังคงเห็นหลินเป้ยไร้ปฏิกิริยาใดๆ จึงแน่ใจว่าเธอหลับไปแล้วจริงๆ และไม่เพียงแค่หลับไปเท่านั้น แต่ยังหลับลึกมากด้วย
“เอ๊ะ?” เมิ่งหลินยิ่งงุนงงเข้าไปอีก ทำไมจู่ๆ ถึงพูดถึงเจ้าชายน้อยขึ้นมาอีก แต่เมิ่งหลินก็ยังดึงสติของตัวเองกลับมาได้อย่างรวดเร็ว “ช่วงนี้เจ้าชายน้อยไม่ค่อยปรากฏตัวเท่าไหร่นัก ก่อนหน้านี้ไปปรากฏตัวที่งานเลี้ยง แต่ตอนนั้นเจ้าชายน้อยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อารมณ์ก็ไม่ดี……”
“รู้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” แววตาของถังหลินเต็มไปด้วยความครุ่นคิด เรื่องอะไรกันที่ทำให้เธอเหนื่อยขนาดนี้
ตอนที่เห็นหน้าเธอด้านนอก เขาก็เห็นแล้วว่าใบหน้าของเธอซีดขาวมาก ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพราะแสงไฟด้านนอก แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอคงไม่สบายจริงๆ
“เรื่องนี้ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ เพราะฐานะอย่างเจ้าชายน้อยไม่ใช่คนที่เราจะสามารถสืบข้อมูลได้ง่ายๆ อีกอย่างเจ้าชายน้อยก็ไม่ได้รับการนับหน้าถือตานัก ไม่มีคนคอยติดตาม แถมยังได้ยินว่าไม่มีคนรับใช้เลยสักคน ดังนั้นการจะจัดคนเข้าไปสอดแนมเรื่องราวของเจ้าชายน้อยจึงทำได้ยาก หากเจ้าชายน้อยไม่ปรากฏตัว ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องราวของเขา งานเลี้ยงคราวก่อน พวกเราก็ไม่ได้รับคำเชิญ ผมเองก็ไม่ได้เข้าร่วม ผมได้ยินข่าวพวกนี้มาจากปากของคนอื่นทั้งนั้น” เมิ่งหลินไม่เข้าใจว่าทำไมคุณชายถังต้องใส่ใจเรื่องราวของเจ้าชายน้อยมากนัก หากต้องการสร้างสัมพันธ์กับญี่ปุ่นจริง เข้าหาแค่เจ้าชายใหญ่ก็น่าจะพอแล้ว
เขาอยู่ที่ญี่ปุ่นมาเนิ่นนาน จึงรู้ดีว่าเจ้าชายน้อยไม่ได้รับการยอมรับจากเจ้าเมือง เขาเลยคิดว่าการให้ความสนใจกับเจ้าชายน้อยไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก
“คุณชายถัง วันนี้เจ้าชายใหญ่จะมาต้อนรับคุณชายด้วยตัวเอง ผมว่าควรพุ่งความสนใจไปที่เจ้าชายใหญ่จะดีกว่า” เมิ่งหลินคิดทบทวนจึงอดไม่ได้ที่จะเสนอความเห็นออกไป ความหมายในคำพูดของเมิ่งหลินนี้ค่อนข้างชัดเจนมากทีเดียว
ถังหลินมองไปที่เมิ่งหลิน ด้วยสายตาแปลกประหลาด ให้เขาพุ่งความสนใจไปที่เจ้าชายใหญ่?
ทำไมเขาต้องพุ่งความสนใจไปที่เจ้าชายใหญ่ด้วย
เมิ่งหลินเห็นถังหลินมองมาที่ตนอย่างประหลาดใจ เมิ่งหลินจึงคิดว่าถังหลินคงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่ประเทศญี่ปุ่นเท่าไหร่ พอคิดเช่นนี้จึงอธิบายออกไปอีก “เจ้าชายน้อยคนนี้เพิ่งจะกลับเข้าราชวงศ์ในตอนหลัง จึงไม่ได้รับการยอมรับจากเจ้าเมือง คนในราชวงศ์เองก็ไม่ได้สนใจเขา หากพวกเราต้องการได้รับความช่วยเหลือจากราชวงศ์ การทำความรู้จักกับเจ้าชายน้อยคงจะไม่มีประโยชน์อะไร”
คราวนี้เมิ่งหลินตัดสินพูดออกมาตามตรง
เมิ่งหลินไม่รู้เรื่องที่หลินเป้ยช่วยถังหลินเอาไว้ที่ประเทศจีน ที่ญี่ปุ่นเองก็ไม่มีข่าวเรื่องนี้แต่อย่างใด ดังนั้นคนที่นี่จึงรู้เรื่องนี้น้อยมาก
แน่นอนว่าต่อให้เมิ่งหลินรู้เรื่องที่เจ้าชายน้อยช่วยถังหลินเอาไว้ เมิ่งหลินก็คงจะแนะนำคุณชายถังให้ไม่ต้องสนใจเจ้าชายน้อยมากนัก เพราะเขาคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรจริงๆ
ถังหลินหันกลับมามองหลินเป้ย หลินเป้ยยังคงหลับสนิท ไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน ริมฝีปากของถังหลินจึงหยักยิ้มขึ้นอีก
เรื่องราวของหลินเป้ยที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างไร ถังหลินย่อมรู้ดีที่สุด สถานการณ์ของเธอในราชวงศ์ยากลำบากแถมเธอยังเป็นผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นชายอีก
หากราชวงศ์รู้เรื่องที่เธอเป็นผู้หญิงเข้า ถึงตอนนั้นก็ยากจะคาดเดาว่าคนในราชวงศ์จะปฏิบัติต่อเธออย่างไร
คราวที่แล้วจึงว่าเธอไม่ได้ที่จะกลัวขนาดนั้น และรีบร้อนที่จะตัดสัมพันธ์กับเขา
ตอนนี้เขาเข้าใจความยากลำบากของเธอแล้ว
แต่สถานะที่เธอปกปิดเอาไว้ตอนนี้ เธอต้องการจะปกปิดมันเอาไว้ถึงเมื่อไหร่กัน
ในวังทุกที่มีแต่อันตราย และนับวันหลินเป้ยก็ยิ่งได้รับความเชื่อใจจากเจ้าชายใหญ่ จะต้องมีคนจำนวนไม่น้อยที่จับดูเธออยู่ ฐานะของเธอจึงพร้อมที่จะระเบิดได้ตลอดเวลา เธออาจจะถูกคนจับได้เมื่อไหร่ก็ได้ ถึงตอนนั้นเธอคง……
แถมตอนนี้เธอยังเหนื่อยล้าเช่นนี้ มีความเป็นไปได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องการปกปิดฐานะของเธอ
มีคนสงสัยเธอหรือ หรือว่ามีคนจับจุดอ่อนอะไรได้ คนใจเย็นและหลักแหลมอย่างเธอ หากไม่เผชิญกับเรื่องที่ยากลำบากมาก เธอไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้
และสถานการณ์เดียวที่ถังหลินพอจะจินตนาการได้เกี่ยวกับหลินเป้ยที่น่าจะร้ายแรงที่สุดคือฐานะของเธอถูกเปิดเผย
หากฐานะของหลินเป้ยถูกเปิดเผยขึ้นมา จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างมาก
เมื่อถังหลินคิดถึงตรงนี้ สายตาของเขาจึงหรี่ลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากปล่อยให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
แม้ว่าเธอจะบอกว่าเรื่องราวคืนนั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุ แม้ว่าเธอจะขับไล่เขา ไม่ยอมแต่งงานกับเขา แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เธอตกอยู่ในอันตรายได้
ถังหลินมองหลินเป้ยพลางถอนใจ ในเมื่ออันตรายขนาดนี้แล้วทำไมเธอถึงต้องฝืนเป็นเจ้าชายน้อยต่อไปอีก
ไปอยู่กับเขาไม่ดีตรงไหน
ในเมื่อคนในราชวงศ์ไม่มีใครใส่ใจเธอ ทำให้เธอต้องอยู่อย่างต้อยต่ำและอันตราย ยังมีอะไรให้เธอต้องอาลัยอาวรณ์อีก
“เมื่อกี้คุณบอกว่าเจ้าชายน้อยไม่มีคนรับใช้เลยสักคนหรือ หมายความว่าเธออยู่คนเดียว?” ไม่รู้ว่าถังหลินคิดอะไรขึ้นมาถึงถามต่ออีกประโยค เขาเม้มริมฝีปากแน่นด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
“เจ้าชายน้อยยังมีแม่อยู่อีกคน เขาอาศัยอยู่กับแม่ แต่ที่พักของเจ้าชายน้อยไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย” เมิ่งหลินไม่แน่ใจนักว่าทำไมถังหลินถึงถามเรื่องนี้ ทว่าสำหรับเขาเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สืบได้ไม่ยากนัก เพราะเขาอยู่ที่ญี่ปุ่นมานานจึงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าชายน้อยคนนี้ “ตอนนั้นแม่ของเจ้าชายน้อยเป็นคนพาเธอกลับเข้ามาสู่ราชวงศ์ ทว่าท่านเจ้าเมืองไม่ได้พาแม่ของเจ้าชายน้อยกลับไป เธอจึงอยู่กับเจ้าชายน้อยมาจนถึงตอนนี้”
ดวงตาที่หรี่เล็กของถังหลินเป็นประกายวับไหว แม่ของเธอ?
ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เธอเป็นห่วงมากที่สุดก็คือแม่ของเธองั้นสิ
“คุณชายถัง เจ้าชายน้อยไม่มี……” เมิ่งหลินคิดจะแนะนำต่อ แต่เมื่อเห็นสายตาเยือกเย็นของเขาจึงปิดปากเงียบ
คนขับรถขับรถอย่างเงียบๆ มาตลอดทาง ทว่าจู่ๆ กลับมีรถคันหนึ่งวิ่งมาตัดหน้าจากด้านข้าง คนขับตกใจจึงเหยียบเบรกกะทันหัน
หลินเป้ยที่หลับสนิทอยู่ด้านหลังไม่ได้สติ ตัวของเธอจึงพุ่งไปข้างหน้า
ถังหลินรีบยื่นมือออกไปโอบเธอเอาไว้ตรงอก มืออีกข้างหนึ่งของถังหลินยันเก้าอี้ด้านหน้าเอาไว้ เพื่อรับแรงกระแทกทั้งหมดแทนเธอ
แรงกระแทกทำให้หลินเป้ยตื่นขึ้น เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่ถังหลิน
เมื่อถังหลินเห็นเธอลืมตาตื่นจากแรงกระแทก คิ้วของเขาจึงเริ่มขมวด ถังหลินคิดว่าพอเธอตื่นแล้วจะต้องดิ้นออกไปจากอกของเขาอย่างแน่นอน
ถังหลินรู้อยู่แก่ใจว่าเธอรังเกียจเขาขนาดไหน และรู้อยู่แก่ใจว่าเธออยากจะอยู่ให้ห่างจากเขาเอาไว้
ก่อนหน้านี้ถ้าเขาไม่เอาเจ้าชายใหญ่มาข่มขู่เธอ เธอคงไม่มีทางสนใจเขา
หลินเป้ยลืมตาขึ้นมองถังหลิน เธอกะพริบตาปริบๆ จากนั้นจึงมองถังหลินต่อไป
ริมฝีปากของถังหลินปรากฏรอยยิ้มขึ้นอีก ท่าทางของเธอตอนนี้น่ารักมากๆ แต่ตอนนี้ถังหลินกำลังรอปฏิกิริยาหลังจากเธอตั้งสติได้แล้ว เขาแน่ใจว่าหลังจากเธอตื่นเต็มที่แล้วจะต้องผลักเขาออกอย่างไม่ลังเล และอาจจะตบหน้าเขาอีกสักที
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ตรงนี้ ริมฝีปากของถังหลินก็เริ่มกระตุก ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจจะโดนเธอตบหน้า เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเธอและโอบเธอไว้แบบนั้น
ถังหลินคิดว่าบางทีตัวเองอาจจะเป็นพวกชอบความรุนแรงก็ได้
เฮ้อ ต่อให้โดนเธอตบจริงๆ ก็ยอม
ได้กอดเธอแบบนี้รู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่ม ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ มาจากตัวเธอ จนเขาไม่อยากปล่อยมือ
แต่การรอของทั้งหลิงไม่ทำให้เขาโดนตบ อีกทั้งหลินเป้ยยังไม่ผลักเขาออกอีกด้วย
ในทางตรงกันข้าม เมื่อหลินเป้ยลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาแล้ว กลับหลับตาลงอีกครั้ง เธอต้องการจะนอนต่อแบบนั้น
ไม่เพียงเท่านั้น หลินเป้ยยังซุกเข้าไปในอกของเขา พยายามหาท่าทางที่สบายมากที่สุด จากนั้นจึงซุกเข้าไปที่หน้าอกของเขาก่อนจะหลับตาลงแล้วนอนต่อ
ท่าทางแบบนั้นราวกับลูกแมวขี้เซาที่ซุกอยู่ตรงอกของเขา
ถังหลินตัวแข็งทื่อขึ้น เขาทำอะไรไม่ถูก นี่มันเกิดอะไรขึ้น
สวมกอดที่อก
เธอเป็นฝ่ายสวมกอดที่อกของเขา?
นี่มันเกิดอะไรขึ้น มันนี้จะพายุฝนถล่มลงมาไหม
ไม่สิ ต่อให้พายุฝนถล่มลงมาวันนี้ ถังหลินก็ยังไม่รู้สึกประหลาดใจเท่าหลินเป้ยเป็นฝ่ายสวมกอดที่อกเขา