ตอนนี้ได้ยินคำถามของหัวหน้าแล้ว ผู้ดูแลจ้งก็รีบไปหารายละเอียดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็พบชื่อหนึ่ง เป็นชื่อที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจและตกตะลึงมาก ผู้ดูแลจ้งอดแม้กระทั่งจะส่งเสียงออกมาเบาๆไม่ได้ : “เย่โป๋เหวิน!”
ซ่างกวนหงที่เดิมทีไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่นั้นจู่ๆก็หันมามองยังผู้ดูแลจ้ง
“ตอนนั้นถังฉิ้นเอ๋อไปหาเย่โป๋เหวินครับ” ผู้ดูแลจ้งอธิบายออกมาติดๆ ในข้อมูลนั้นพูดถึงชื่อของเย่โป๋เหวินเพียงครั้งเดียว ก่อนหน้านี้ผู้ดูแลจ้งไม่ได้สังเกตเห็นเลย
“ถังฉิ้นเอ๋อทำไมต้องตามหาเย่โป๋เหวิน?” สำหรับคำถามนี้ ผู้ดูแลจ้งก็มีความสงสัยมากอย่างเห็นได้ชัด : “ถังฉิ้นเอ๋อกับเย่โป๋เหวินเกี่ยวข้องอะไรกันครับ?”
ซ่างกวนหงมองผู้ดูแลจ้ง : “นายเป็นคนหาแต่นายถามฉันเนี่ยนะ?”
เสียงของซ่างกวนหงดูนิ่งเฉย แต่มีความรู้สึกและอารมณ์มากกว่าปกติ อีกทั้งถ้าหากเป็นปกติซ่างกวนหงจะไม่พูดแบบนี้ด้วย
ผู้ดูแลจ้งดึงสติกลิบมา แล้วมองหัวหน้าของตัวเองด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ คำพูดเมื่อครู่นี้หัวหน้าพูดออกมาอย่างนั้นหรือ? เขาติดตามหัวหน้ามาหลายปีขนาดนี้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าหัวหน้าจะพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้เป็นด้วย
โดยเฉพาะในช่วงที่ตามหาคุณนายไม่กี่ปีนี้ ปกติแล้วหัวหน้าเป็นคนพูดน้อยมาก และจะไม่พูดคำพูดแบบนี้อีกด้วย
จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าหัวหน้าของเขาในที่สุดก็ดูเหมือนกับหล่นลงมาจากเมฆที่อยู่สูง มีความโมโหเหมือนกับคนทั่วๆไปขึ้นมานิดนึงแล้ว
การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ของหัวหน้า ทำให้ผู้ดูแลจ้งทั้งรู้สึกประหลาดใจและรู้สึกดีใจมากจริงๆ!!
จริงๆแล้วเขากล้าถามหัวหน้าเสียที่ไหนกัน คำพูดเมื่อครู่นี้เขากำลังถามตัวเองต่างหาก
“หัวหน้า ผมจะไปสืบเดี๋ยวนี้เลยครับ!!” เวลานี้ผู้ดูแลจ้งไม่ได้เอ่ยพูดอะไรทั้งนั้น เนื่องจากว่าไม่มีหลักฐาน เรื่องอื่นนั้นก็ล้วนแต่เป็นคำพูดเหลวไหลด้วยกันทั้งสิ้น เขาไม่กล้าพูดเหลวไหลต่อหน้าหัวหน้าอยู่แล้ว
ผู้ดูแลจ้งกำลังจะออกไป แต่ลุงเหลียงกลับรีบเข้ามา
ผู้ดูแลจ้งเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด ช่วงนี้อะเหลียงขยันมาหาหัวหน้า แต่ถ้าหากอะเหลียงไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษก็คงจะไม่มา
ดังนั้นผู้ดูแลจ้งจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะไป หยุดชะงักเท้าเอาไว้
“หัวหน้า เฉิงโหรวโหรวไปที่ตระกูลเย่อีกแล้วครับ” ตอนที่ลุงเหลียงเอ่ยพูดออกมาใบหน้าที่เย็นชามาโดยตลอดนั้นก็ปรากฏความไม่ยอมขึ้นมาด้วย
ใบหน้าของซ่างกวนหงไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ เขาเพียงแค่เหลือบมองไปยังลุงเหลียงนิ่งๆ เหมือนกับกำลังถามว่าปัญหาแบบนี้จำเป็นที่จะต้องมารายงานเขาด้วยอย่างนั้นหรือ?!
“หลังจากที่เฉิงโหรวโหรวออกมาจากตระกูลเย่แล้วก็ติดต่อกับเจ้าเก้า เฉิงโหรวโหรวบอกว่าอยากจะพบหัวหน้า อยากจะขอความเมตตาแทนเย่ซือเฉิน” ลุงเหลียงเล่าต่อความหมายของเฉิงโหรวโหรวเมื่อครู่นี้
ใบหน้าของผู้ดูแลจ้งมีความสงสัย ไม่เข้าใจความหมายนี้เลย!!
ดวงตาของซ่างกวนหงก็มีความงุนงงเพิ่มเข้ามาด้วยเช่นกัน : “พบฉัน? ขอความเมตตาแทนเย่ซือเฉิน?”
“ใช่ครับ เฉิงโหรวโหรวคิดว่าเรื่องของประเทศRเป็นความคิดของหัวหน้า เธอคิดว่าหัวหน้ากำลังจัดการกับเย่ซือเฉิน แก้แค้นแทนเธอ เธอไปที่ตระกูลเย่ก็คงจะรับปากอะไรกับตระกูลเย่ไว้ ดังนั้นหลังจากที่ออกมาจากตระกูลเย่แล้วก็รีบมาต้องการจะพบกับหัวหน้า”
“เหอ…..” ผู้ดูแลจ้งส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา : “เธอนี่ไม่รู้จักข้อบกพร่องของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ”
“อะไรที่ทำให้เธอเกิดความเข้าใจผิดแบบนี้?” ผู้ดูแลจ้งคิดไม่ออกจริงๆว่าทำไมเฉิงโหรวโหรวถึงได้มีความคิดแบบนั้น ทัศนคติที่หัวหน้ามีต่อเฉิงโหรวโหรว ตอนนี้เธอยังไม่รับรู้ถึงปัญหาอีกอย่างนั้นหรือ?
หัวหน้าไม่ได้ถามไม่ได้ได้สนใจเฉิงโหรวโหรวเลยเสียด้วยซ้ำ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะแก้แค้นแทนเฉิงโหรวโหรว?
คาดไม่ถึงว่าเฉิงโหรวโหรวจะไปรับปากตระกูลเย่ไว้? บ้าไปแล้วจริงๆ!!
“ฉันว่าเรื่องนี้นายจำเป็นต้องวิ่งมาบอกกับหัวหน้าโดยเฉพาะขนาดนี้ไหม? นายไม่ต้องไปสนใจเธอเลย หรือคิดว่าหัวหน้ายังต้องการจะเรียกพบเธออย่างนั้นรึไง?” ผู้ดูแลจ้งรู้สึกว่าลุงเหลียงไม่จำเป็นที่จะต้องวิ่งมาหาเพราะเรื่องนี้เลย
“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว……” คำพูดของลุงเหลียงหยุดไป หลังจากนั้นถึงได้เอ่ยพูดต่อ : “ตอนนั้นอะหานให้เจ้าเก้าบอกกับเฉิงโหรวโหรวไปว่าหัวหน้าไปที่ประเทศRเองแล้ว”
“หืม?” ผู้ดูแลจ้งเลิกหางคิ้วขึ้น หัวหน้าจะไปที่ประเทศRเองเพื่อเรื่องเล็กๆแบบนั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?
แต่เห็นได้ชัดว่าผู้ดูแลจ้งก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่านี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ลุงเหลียงต้องการจะสื่อถึง : “หลังจากนั้นล่ะ?”
“เจ้าเก้าบอกว่าถ้าหากเฉิงโหรวโหรวอยากจะพบหัวหน้าจริงๆก็สามารถไปหาหัวหน้าที่ประเทศRได้ เฉิงโหรวโหรวบอกว่าที่ประเทศRวุ่นวายและอันตรายเกินไป…….” คำพูดของลุงเหลียงหยุดไป ไม่ได้เอ่ยพูดต่อ ที่อยู่ตรงนั้นล้วนแต่เป็นคนฉลาด ล้วนเข้าใจความหมายของลุงเหลียงอยู่แล้ว
“เหอะ…..” ผู้ดูแลจ้องส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้มีความเยือกเย็นเพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด : “ถ้าหากเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้า ฉันยอมให้เอาหัวฉันมาเป็นลูกบอลให้เตะกันเลย”
หลักฐานการตรวจดีเอ็นเอสองครั้ง อีกทั้งมีครั้งหนึ่งที่หัวหน้าเป็นคนมาถึงที่ด้วยตัวเอง สถานการณ์แบบนั้นได้รับผลออกมาแล้ว ก็มีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว ตอนนั้นทุกคนเห็นผลตรวจดีเอ็นเอแล้ว ก็ยังรู้สึกเชื่ออยู่จริงๆ
ถึงอย่างไรอยู่ตรงหน้าหัวหน้า อยู่ต่อหน้าพวกเขาที่คนมากมายขนาดนั้น การตรวจเลือดเพื่อตรวจดีเอ็นเอก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะเป็นของปลอมอยู่แล้ว!!
เพียงแต่ต่อมาหัวหน้าก็ไม่ได้สนใจเฉิงโหรวโหรวมาโดยตลอด หัวหน้าไม่เชื่อว่าเฉิงโหรวโหรวนั้นคือลูกสาวของเขา
ความจริงแล้วตอนแรกเริ่มผู้ดูแลจ้งเองก็เชื่อว่าเฉิงโหรวโหรวคือลูกสาวของหัวหน้า เพียงแต่หัวหน้าไม่ยอมรับ เขาก็ต้องฟังความคิดเห็นของหัวหน้าอยู่แล้ว
ต่อมาเรื่องบางเรื่องที่เฉิงโหรวโหรวทำนั้นนับวันก็ยิ่งทำให้ผู้ดูแลจ้งรู้สึกผิดหวัง และในตอนนั้นเองผู้ดูแลจ้งก็คิดว่า ลูกสาวของหัวหน้าไม่ควรจะเป็นแบบนี้
แต่แม้ว่าเฉิงโหรวโหรวทำเกินไปในหลายๆเรื่อง ผู้ดูแลจ้งก็ไม่ได้ปฏิเสธในสถานะของเฉิงโหรวโหรวไปโดยตรง
ครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้ดูแลจ้งโมโหเข้าจริงๆแล้ว
ฐานะทางสังคมของเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ที่ชอบแสวงหา อยากจะใช้ผลประโยชน์จากหัวหน้า ชิบ อันนั้นก็ไม่ชอบอันนี้ก็ไม่เอา ไม่คิดที่จะทุ่มเทเลยแม้แต่นิดเดียว
ผู้ดูแลจ้งรู้สึกโมโหก็ส่วนโมโห แต่กลับนึกถึงสิ่งที่สำคัญขึ้นมาได้ในทันที : “เฉิงโหรวโหรวรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวของหัวหน้า”
ตอนที่ผู้ดูแลจ้งเอ่ยพูดออกมานั้นน้ำเสียงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก ถ้าหากเฉิงโหรวโหรวคือลูกสาวของหัวหน้าจริงๆ ลูกที่ไหนเมื่อรู้ว่าพ่อของตัวเองตกอยู่ในอันตรายแล้วจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวแบบนี้?
“ใช่ครับ” ลุงเหลียงพยักหน้า และนี่ถึงเป็นจุดประสงค์ที่เขามาในวันนี้
ตอนที่ตรวจดีเอ็นเอครั้งที่แล้ว เฉิงโหรวโหรวจะต้องยังไม่รู้เรื่องราวอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นแล้วแผนการของเฉิงโหรวโหรวไม่มีทางที่จะปกปิดหัวหน้าไปได้เลย
เป็นเพราะว่าตอนที่ตรวจดีเอ็นเอนั้น การแสดงออกของเฉิงโหรวโหรวนั้นมองไม่เห็นถึงความผิดปกติใดๆ ทุกคนเห็นผลการตรวจดีเอ็นเอแล้วถึงยิ่งเชื่อมั่นในสถานะของเฉิงโหรวโหรว
แต่ตอนนี้เฉิงโหรวโหรวจะต้องรู้แล้วอย่างแน่นอน!!
“เหอะ……”ผู้ดูแลจ้งส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้เหลือเพียงแค่การเหน็บแนมเพียงเท่านั้น : “เธอโง่เสียจนไม่มียารักษาช่วยได้แล้วจริงๆ แสดงละครไม่เป็นเอาเสียเลย”
ถ้าหากหลังจากที่เฉิงโหรวโหรวรู้ว่าหัวหน้าอยู่ที่ประเทศRแล้ว ไปยังประเทศRจริงๆ ก็จะทำให้เธอดูเป็นที่เคารพมากขึ้น ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นจะสามารถได้รับความรู้สึกดีๆมาได้ไม่น้อยเลย น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนั้นโง่เกินไปจริงๆ ไม่สิ ที่สำคัญเลยก็คือผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีใจเลยอยู่แล้วต่างหาก!!
“ยังทำการแก้ไขอยู่บ้าง บอกว่ากลัวจะทำความยุ่งยากให้กับหัวหน้า กลัวว่าหัวหน้าจะต้องมาแบ่งความสนใจเพื่อมาดูแลเธอด้วย” ตอนที่ลุงเหลียงพูดออกมานั้นสีหน้าท่าทางเย็นชามาก : “คงจะมีคนสอนอยู่ข้างๆ สมองอย่างเธอเกรงว่าจะคิดเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอกครับ”
“หัวหน้า ในเมื่อตอนนี้เฉิงโหรวโหรวรู้ความจริงแล้ว ให้ผมไปถามเสียหน่อยไหมครับ” ผู้ดูแลจ้งเอ่ยพูดถึงเฉิงโหรวโหรวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นงานเป็นการ
“ไม่จำเป็น” ซ่างกวนหงได้ยินเรื่องของเฉิงโหรวโหรว ใบหน้าไม่ได้มีความผิดปกติใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคนๆนั้นไม่ใช่ลูกสาวของเขา ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นมาได้ยินคำตอบนี้ในวันนี้แล้ว เขาเองก็ไม่มีความคิดใดๆด้วยเช่นกัน
แล้วก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องไปหาข้อพิสูจน์อะไรกับเฉิงโหรวโหรว
ในเมื่อหัวหน้าบอกว่าไม่จำเป็น ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงอีกแล้ว!!
“คงจะเป็นท่านยิงที่แอบวางแผน หัวหน้าน้อยตรวจสอบเรื่องราวบ้างแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องผลตรวจดีเอ็นเอว่าสรุปแล้วเป็นอย่างไรกันแน่ครับ” ลุงเหลียงเองก็เปลี่ยนประเด็นการสนทนาไปด้วยเช่นกัน
“ในเมื่อรู้ว่าใครที่แอบวางแผนอยู่เบื้องหลัง เรื่องหลังจากนี้ก็ตรวจสอบได้ไม่ยากแล้ว เพียงแต่ปัญหาก็คือเวลา” ผู้ดูแลจ้งมั่นใจกับความสามารถของหัวหน้าน้อย แน่นอนว่าเพื่อไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ทางหัวหน้าทางนี้ลงมือโดยตรงไม่ได้
ในขณะเดียวกัน เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความสงสัย เฉิงโหรวโหรวทางนั้นก็ไม่เหมาะที่จะทำอะไรเป็นการชั่วคราว ให้เฉิงโหรวโหรวได้เป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรซิตี้อีกซักสองสามวัน
เพราะถึงอย่างไรแล้วนอกจากเจิ้งฉงทางนั้นก็ไม่มีใครสนใจเฉิงโหรวโหรวอยู่แล้ว
ความจริงแล้วเฉิงโหรวโหรวไม่ได้เสพสุขของเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ในฐานะทางสังคมที่ควรมีเสียด้วยซ้ำ เจ้าหญิงแห่งองค์กรซิตี้ของพวกเขา จะไม่มีทางเป็นแบบนี้โดยเด็ดขาด!!
ผู้ดูแลจ้งคิดแม้กระทั่งว่า ถ้าหากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ นั่นจะมีฐานะทางสังคมอย่างไร?
จะต้องมีแต่คนกรูกันเข้ามาหา และผู้คนก็จะให้ความเคารพเป็นสิ่งล้ำค่า!!
ผู้ดูแลจ้งราวกับนึกไปถึงสถานการณ์เช่นนั้น
ซ่างกวนหงมองไปยังผู้ดูแลจ้งที่เหม่อลอยไม่ไหวติง : “นายยังจะเหม่อตรงนี้ทำอะไรอีก?”
คนๆนี้ยังจะไม่รีบไปจัดการอีก มาเหม่อลอยอะไรตรงนี้?!