แต่ว่า ไม่ชัดเจน แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่เห็น
“ไปเถอะ กลับบ้านด้วยกัน”ถังหลินที่ถูกจ้องไม่โกรธสักนิด อารมณ์กลับดีเป็นพิเศษ
“ถังหลิน คุณหน้าด้านขนาดนี้เลยเหรอ”หลินเป้ยอดไม่ได้ที่จะด่าออกไป แต่ในน้ำเสียงนั้นไม่ได้โกรธมากนัก
“ทำไม?คุณเพิ่งรู้เหรอ?”หางคิ้วของถังหลินยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มที่ใบหน้าไม่หยุดยกขึ้น เพื่อจีบภรรยาแล้ว เขาคิดว่ายังหน้าด้านได้อีก!!
หลินเป้ยถอนหายใจอย่างหมดหนทาง เธอรู้มาตลอดว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังหลิน ไม่สามารถเอาชนะด้วยกำลังได้ สู้กับปากก็สู้ไม่ได้ ดังนั้นสุดท้ายเธอจึงได้แต่ประนีประนอม
“ฉันส่งคุณกลับโรงแรมเอง”เธอไม่สามารถพาถังหลินไปที่พักของเธอได้ ถ้ามีคนเห็น ก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเอาไปพูดอย่างไร
ถึงตอนนี้เธอจะเป็น‘ผู้ชาย’แต่ตัวตนของถังหลินนั้นพิเศษ และบางคนก็คาดหวังว่าให้โลกวุ่นวายเพื่อบรรลุผลของตัวเอง
“ไม่ได้ไปที่พักคุณเหรอ?ผมอยากไปมาก……”ถังหลินดูผิดหวังเล็กน้อย ตอนพูดยังถอนหายใจอย่างเสียดายเบาๆด้วย
“คุณฝันไปเถอะ”หลินเป้ยคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรที่จะช่วยได้อีกแล้ว
“กลับโรงแรม”หลินเป้ยมองไปที่ถังหลิน ตั้งใจพูดเน้น
“โอเค มีคุณอยู่ข้างๆ ไปไหนก็เหมือนกัน”ถังหลินยิ้มบางๆ พูดจาคำหวานๆออกมา ก็แค่ปกติแล้วคุณชายถังดูเย็นชา แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณชายถังจะจีบสาวไม่เป็น
หลินเป้ยอึ้งไป ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอยังจะพูดอะไรได้อีก เธอไม่สนถังหลินอีก หันกลับแล้วเดินออกไปข้างนอก ก็แค่ หลังจากเธอหันไป มุมปากของเธอกลับยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
รถของถังหลินอยู่ข้างนอก และยังเป็นคนขับรถคนนั้นที่ก่อนหน้านี้พาเขาไปเจอคารู เมิ่งหลินกลับไปแล้ว ถังหลินฆ่าคารู แล้วใช้อำนาจกดองค์กรโกสต์ซิตี้ให้ยอมจำนนขนาดนี้ เมิ่งหลินรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแล้ว แค่คุณชายถังลงมือก็จัดการเรื่องราวได้
ดังนั้นเมิ่งหลินก็ไม่กังวล กลับบ้านไปนอนเลย เมื่อคืนวานเมิ่งหลินรับถังหลินกลับมาแล้วก็ตีสามกว่า เพราะว่าในใจกังวลเรื่องขององค์กรโกสต์ซิตี้ บวกกับเรื่องที่ถังหลินยังกอดผู้ชายคนนี้กลับห้อง เมิ่งหลินก็กังวลจนไม่ได้นอน
ตอนนี้เรื่องขององค์กรโกสต์ซิตี้จัดการไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นในเมื่อคืนวานดูเหมือนว่าจะหายไป ในที่สุดเมิ่งหลินก็วางใจ
หลินเป้ยกับถังหลินต่างนั่งอยู่ที่นั่งแถวหลัง หลินเป้ยนั่งอยู่ในสุด พยายามห่างเขาให้มากที่สุด ถังหลินมองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นยื่นมือดึงเธอมา เอาเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน
หลินเป้ยตกใจ เกือบจะร้องออกมา ก็แค่ตอนที่เห็นคนขับรถตรงหน้าก็ได้แต่ทนไว้อย่างไม่เต็มใจ
แต่ว่า เมื่อกี๊คนขับรถเห็นจากกระจกมองหลังแล้ว คนขับรถตกใจอย่างชัดเจน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแป๊บหนึ่ง!!
เมื่อคืน เขาเห็นกับตาว่าคุณชายถังอุ้มเขาเข้าห้อง ดังนั้นวันนี้ก็ไม่แปลกอะไร ก็แค่ก่อนหน้านี้ประธานเมิ่งยังบอกว่าคนอ่อนต่อโลกที่ยั่วยวนหายไป คิดไม่ถึงว่าคนอ่อนต่อโลกจะมาร่วมงานเลี้ยงกับคุณชายถังได้
และดูจากสถานการณ์นี้แล้ว คืนนี้ยังต้องกลับไปโรงแรมด้วยกัน
คนขับรถไม่ใช่เมิ่งหลิน รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรสนใจ ดังนั้นคนขับรถเลยแกล้งเป็นไม่เห็น
“ถังหลิน ปล่อยฉัน”สีหน้าของหลินเป้ยเปลี่ยนไป เธอพูดเสียงทุ้มต่ำ อยากจะออกจากพันธนาการของถังหลิน แต่ก็พบว่าไร้ประโยชน์
“อย่าขยับ ถ้าคุณขยับอีกผมไม่รับประกันนะว่าต่อไปจะเรื่องเกิดอื่นขึ้นไหม”เสียงของถังหลินแหบหน่อยๆ เธอดิ้นรน ถูไถแนบชิดอยู่ในอ้อมแขนของเขา ทำให้เขาใกล้จะทนไม่ไหว
หลินเป้ยตะลึง พอเข้าใจความหมายของเขาแล้วก็ไม่กล้าขยับมั่วอีกทันที
มุมปากของถังหลินยกขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้ม เขาเข้าใกล้หูของเธอ กระซิบเสียงเบา:“เด็กดีมาก”
ตอนนี้อยู่บนรถ ถังหลินทำอะไรเธอไม่ได้ เมื่อกี๊เขาเห็นเธอจงใจเว้นระยะห่างกับเขา ในใจก็ไม่สบายใจอย่างมาก ดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะดึงเธอเข้ามา
เขาสามารถทนต่อสิ่งอื่นๆของเธอได้หมด แต่ไม่สามารถทนต่อการที่เธอหลีกเลี่ยงเขาได้
ในใจหลินเป้ยแอบโมโห หูอดไม่ได้ที่จะแดง ติ่งหูที่อิ่มเอิบเหมือนชุ่มไปด้วยเลือด แดงจัด
สายตาของถังหลินหม่นลง เดิมทีไม่คิดจะทำอะไรเธอ แต่ตอนนี้ทนไม่ไหวเสียแล้ว จึงจับติ่งหูสีแดงของเธอไปโดยตรงแล้วดูดเบาๆ
ร่างของหลินเป้ยแข็งทื่อทันที แดงตั้งแต่หูไปยันคอไปยันหน้า คนๆนี้ทำแบบนี้ได้ไง?
หลินเป้ยรู้สึกว่าร่างที่แข็งเหมือนสั่นเล็กน้อย ตอนนี้หัวใจดูเต้นเร็วเป็นพิเศษ แบบที่ว่ายังไงก็ควบคุมไม่อยู่
เธอโตมาขนาดนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีความรู้สึกแบบนี้
ครั้งที่แล้วตอนอยู่ในโรงแรม ตอนนั้นถังหลินถูกคนวางยา ตอนนั้นเธอถูกถังหลินข่มขืน ก็แค่ติดอยู่ที่ตัวตนของตัวเองจะเปิดเผยไม่ได้ ตอนนั้นเธอกล้าร้องขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่า จากแรงของเธอแล้วสู้ถังหลินไม่ได้เลย
ดังนั้น ที่จริงตอนนั้นเธอโกรธเล็กน้อย น้อยใจเล็กน้อย
แต่สถานการณ์เช่นนั้นในตอนนั้น เธอโกรธแค่ไหน น้อยใจแค่ไหนก็ได้แต่ทน ไม่กล้าพูดออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะว่าต่อมาผู้หญิงคนนั้นโวยวายซะใหญ่โต เรื่องในคืนนั้นเธอก็ไม่ยอมรับหรอก
คืนนั้น เธอจำได้แค่ว่าตัวเองเจ็บมาก เจ็บสุดๆ ต่อมาก็มีความรู้สึกแปลกๆ แต่กลับไม่มีหัวใจที่เต้นเร็วแบบนี้ในตอนนี้เลย ร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่น ยอดหัวใจก็รู้สึกชา
หลินเป้ยไม่รู้ว่าตัวเองจะมีความรู้สึกแบบนี้ แต่เธอรู้ว่าพวกนี้ล้วนเป็นถังหลินที่ทำ
ที่จริงไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้กับผู้ชาย ยังไงเธอก็ปลอมเป็นผู้ชาย ดังนั้นคนอื่นเห็นเธอเป็นผู้ชาย
บางครั้งเลี่ยงการสัมผัสปกติไม่ได้ บางครั้งก็ต้องมีสถานการณ์โอบกอดกันอย่างชิดใกล้ แต่ตอนนั้นเธอแค่รู้สึกรังเกียจ อยากจะหลบ
ถังหลินกลับต่างกัน อย่างคืนนั้น ตอนนั้นทั้งๆที่เธอถูกข่มขืน ตอนนั้นเธอโกรธ น้อยใจ แต่กลับไม่รังเกียจ
และทุกครั้งตอนที่ถังหลินกอดเธอ เธอก็ไม่เคยรู้สึกรังเกียจ
การสัมผัสของชายคนอื่นทำให้เธอรังเกียจ รวมทั้งบางครั้งที่สัมผัสกับเจ้าชายใหญ่เธอก็ปฏิเสธ แต่แค่กับถังหลินที่ไม่ทำ
หลินเป้ยคิดถึงตรงนี้ ร่างก็แข็งทื่อ ทำไมกัน?
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
ทำไมถึงไม่ขับไล่ ไม่รังเกียจถังหลิน?!!!
เธอ เธอคงไม่……
หลินเป้ยแอบถอนหายใจ จู่ๆก็รู้สึกว่า ใจเต้นแรงมาก
แต่ดีที่ถังหลินไม่ได้ทำอะไรอีก
พอถึงโรงแรม หลังจากลงจากรถ จู่ๆโทรศัพท์ของหลินเป้ยก็ดังขึ้นมา
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา ตอนเห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอโทรศัพท์ คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย:“ฉันรับสายก่อนนะ”
หลินเป้ยพูดกับถังหลิน จากนั้นเดินไปรับโทรศัพท์
“แม่”กดรับโทรศัพท์ เสียงของหลินเป้ยล่องลอยหน่อยๆ ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่จากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
“เป้ย ลูกอยู่ไหน?คืนนี้กลับมานี่ไหม?”เสียงคุณแม่หลินที่ปลายสายดูร้อนรน ชัดเจนว่ามีอะไรผิดปกติ
“ทำไมเหรอ?”หลินเป้ยไวต่อความรู้สึกเสมอ ฟังความผิดปกติออก ในขณะที่หลินเป้ยพูดก็เดินหน้าเข้าไปด้วย จงใจเว้นระยะห่างกับถังหลิน เธอไม่อยากให้ถังหลินได้ยินการสนทนาของเธอกับแม่
ถังหลินมองเห็นการกระทำของเธอ คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย แต่ไม่กวนเธออีก เมื่อกี๊เขาเห็นสายที่โทรมา เลยรู้ว่านั่นคือสายของแม่ของหลินเป้ย
“สองสามวันนี้ลูกเป็นไงบ้าง ไม่เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?”คุณแม่หลินนิ่งไป ตอนพูดอีกครั้งเสียงก็กังวลขึ้นเยอะ
“ไม่ค่ะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หลินเป้ยไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่หลินมาถามแบบนี้ แต่ตอนนี้จู่ๆหลินเป้ยก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี
“วันนี้ตอนบ่าย แม่ถูกคนของพระราชินีเรียกไป ตอนแม่ไป พวกเขากำลังจัดการคนหนึ่งอยู่ พวกเขาตัดขาของคนๆนั้น ตัดหูด้วย ตาก็ถูกควัก……”ตอนนี้เสียงของคุณแม่หลินสั่นอย่างชัดเจน ตกใจมากอย่างเห็นได้ชัด
สีหน้าหลินเป้ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในใจนั้นหดหู่ เธอรู้ว่า ถ้าแค่นี้แม่ไม่โทรมาถามเธอแน่ จะต้องมีเรื่องอื่นแน่
หลินเป้ยยังตกใจเล็กน้อย ลงโทษคนทำผิดในราชวงศ์เห็นได้บ่อย แต่วิธีการโหดร้ายแบบนี้กลับเห็นได้น้อยมาก
และถึงมี ก็ต้องแอบคนทำในที่ลับๆส่วนตัว คนระมัดระวังอย่างพระราชินีไม่มีทางที่จะให้คนเห็นง่ายๆแน่
ดังนั้นพระราชินีต้องจงใจแน่ จงใจให้แม่ของเธอเจอ
แต่ทำไมกัน?
ทำไมพระราชินีต้องทำแบบนี้?!
มือหลินเป้ยที่จับโทรศัพท์ไว้ก็กำแน่นอย่างไม่รู้ตัว เธอรู้สึกเหมือนว่าหัวใจหยุดเต้นไปแป๊บหนึ่ง หรือว่า…