“เพื่อสิ่งนี้?”หลินเป้ยงง ทำไมเธอคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้นะ
“ใช่ เพื่อสิ่งนี้ บางครั้งผู้หญิงก็ไร้เหตุผลจริงๆ”ในเสียงของเจ้าชายใหญ่นั้นมีความทำอะไรไม่ได้:“พระราชินีอยากให้แม่คุณโกรธ เธอไมก่ล้าทำอะไรแม่คุณจริงๆหรอก และก็ไม่กล้าทำอะไรคุณด้วย ตอนนี้คุณเป็นคนของผมด้วย พระราชินีจึงไม่กบ้าทำอะไรมั่วๆ”
หลินเป้ยถือโทรศัพท์ไว้ ไม่พูดอยู่แป๊บหนึ่ง หลายปีนี้ เธอระวังไปหมดสุขุมไปทุกที่ เธอไม่อยากไปขัดใจใคร แต่คิดไม่ถึงว่าแค่เรื่องเล็กๆนี้จะไปขัดใจพระราชินีได้
หลินเป้ยรู้ว่าพระราชินีไม่ใช่คนใจกว้างแบบนั้น เรื่องนี้ไม่มีทางจบแบบนี้แน่ และคนที่อยู่เบื้องหลังเอาเธอมาเทียบกับเจ้าชายสาม เจ้าชายสามเป็นถึงลูกชายแท้ๆของพระราชินี
พระราชินีต้องหาทางทำให้เธอลำบากใจแน่!!
“แต่ว่า ช่วงนี้คุณระวังตัวหน่อย อย่าทำอะไรผิด อย่าถูกพระราชินีจับจุดอ่อนอะไรได้ แค่เธอจับความผิดของคุณไม่ได้ก็ไม่กล้าทำอะไรมั่วๆแล้ว”เจ้าชายใหญ่ก็เข้าใจตรงนี้ ดังนั้นเลยเตือนไป
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”หลินเป้ยแอบถอนหายใจ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก แต่จากนิสัยของพระราชินีแล้ว สามารถทำให้เรื่องใหญ่โตได้อย่างแน่นอน
เจ้าชายใหญ่บอกว่า แค่พระราชินีจับผิดตัวเองไม่ได้ก็จะไม่ทำอะไรมั่วๆ แต่หลินเป้ยรู้ พระราชินีจะทำทุกวิถีทางเพื่อจับผิดเธออย่างแน่นอน ถึงแม้จับไม่ได้ ก็อาจถูกเธอตั้งข้อหากระทำผิดสักอย่างแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนของเธอก็เหมือนระเบิดที่ไม่ตั้งเวลา อาจระเบิดได้หากไม่ระวัง
ถ้าให้พระราชินีรู้ความลับเรื่องตัวตนของเธอ เธอคิดว่าถึงเธอจะมีสิบชีวิตก็ไม่พอที่จะตาย แน่นอนว่าตอนนั้นแม่ของเธอก็คงไม่มีชีวิตอยู่ได้
ถ้าตัวตนของเธอถูกเปิดเผยจริงๆ เจ้าชายใหญ่ก็ปกป้องเธอไม่ได้!!
“หลินเป้ย ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้บอกว่าอยากไปเที่ยวเหรอ?ไม่งั้นผมลาให้คุณตอนนี้ คุณไปเที่ยวสักระยะหนึ่ง จะได้ไม่โดนพระราชินีจับผิดได้ ผ่านไปสักระยะหนึ่ง เรื่องนี้ผ่านไปคุณค่อยกลับมา”ตอนเจ้าชายใหญ่พูดว่าจับผิดก็เน้นเสียงเล็กน้อย ชัดเจนมากว่าประโยคของเจ้าชายใหญ่มีนัยแอบแฝง
เจ้าชายใหญ่ก็คิดถึงว่าพระราชินีอาจจะให้คนใส่ร้ายหลินเป้ย ตั้งข้อหากระทำผิดให้หลินเป้ย
เรื่องแบบนี้เห็นได้เยอะในราชวงศ์
ตอนนั้นเจ้าชายใหญ่ก็นึกถึงด้านถังหลิน เป้าหมายที่เห็นชัดเจนของถังหลิน เจ้าชายใหญ่ก็ปวดหัวมาก กังวลมาก
หลินเป้ยตะลึงเล็กน้อย สายตาเป็นประกายหน่อยๆ เธอเข้าใจความหมายของเจ้าชายใหญ่ พูดตรงๆแล้วเธอก็อยากออกไปหลบ ไม่ใช่แค่หลบพระราชินี หลบถังหลิน ขณะเดียวกันออกจากประเทศไปก็ค่อนข้างสะดวกที่เธอจะจัดการปัญหาตั้งท้อง
แต่หลินเป้ยนึกถึงคำเตือนซ้ำๆของถังหลิน เธอรู้ว่าถังหลินไม่ให้เธอมีโอกาสไปต่างประเทศแน่
และถึงเธอออกประเทศไป ก็ไม่อาจหลบถังหลินได้ เพราะเธอรู้ว่าถังหลินมีอิทธิพลของตัวเองในหลายๆที่ ถึงถังหลินไม่มี เย่ซือเฉินก็มี
แต่ว่า เธอกลับสามารถหลบอยู่ในประเทศได้ช่วงหนึ่ง ยังไงนี่ก็คือประเทศR เป็นถิ่นของเธอ เธอมีที่ลับสุดๆที่หนึ่ง ที่นั่นนอกจากเธอแล้วไม่มีใครรู้ แม้แต่แม่ของเธอและเจ้าชายใหญ่ก็ไม่รู้
คนทั่วไปหาสถานที่นั้นไม่เจอแน่
เธอกับถังหลินไม่สามารถมีอะไรได้จริงๆ เมื่อก่อนไม่ได้ ต่อไปก็ยิ่งไม่ได้ ตอนนี้พระราชินีต้องให้คนจับตาดูเธอตลอดเวลา แน่ เธอทำพลาดอะไรไม่ได้เด็ดขาด
ดังนั้นในกรณีนี้ ระหว่างเธอกับถังหลินเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ได้แน่
และจากท่าทีปัจจุบันที่ถังหลินมีต่อเธอ หากเธอติดต่อกับถังหลินอีก หลินเป้ยก็ไม่กล้ารับรองว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจริงไหม?
ในโรงแรมวันนี้ ถังหลินดึงเธอไว้เลย ตอนนั้นคนอื่นๆในห้องน่าจะตกใจกับเรื่องราวก่อนหน้านี้ เลยไม่คิดมาก แต่เจ้าชายใหญ่ก็คิดมากแล้วนี่?
และเจ้าชายใหญ่ยังมองความจริงของเรื่องนี้ออกเพียงแวบเดียว
ถึงแม้เป็นเพราะเจ้าชายใหญ่เองก็ชอบผู้ชายด้วย แต่หากเป็นเช่นนี้อีก คนอื่นๆก็อาจสงสัยในเรื่องนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หลินเป้ยก็ยิ่งกลัว ถังหลินทำกับเธอไม่ใช่แค่การดึงแขน เธอกลัวว่าถังหลินจะทำอะไรที่มากกว่านั้น ยังไงถังหลินก็เคยจูบเธอในห้องของโรงแรมมาก่อน
ครั้งนี้ไม่มีคนเห็น แต่ไม่มีใครรับรองได้ว่าครั้งต่อไปจะไม่มีใครเห็น
ถ้าถูกคนเห็น ผลที่ตามมาแบบนี้ ในใจของหลินเป้ยรู้ดี
ดังนั้น ตอนนี้เธอต้องหลีกเลี่ยงเลี่ยงถังหลิน ไม่ติดต่อใดๆกับถังหลินอีกต่อไป
“ใช่ ผมอยากไปพักใจ ได้โปรดเจ้าชายใหญ่ช่วยจัดการให้ผมด้วย”มือที่หลินเป้ยถือโทรศัพท์นั้นกำแน่น เธอตกลงคำพูดของเจ้าชายใหญ่ทันที
“งั้นคุณอยากไปไหน?มีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษไหม?”เจ้าชายใหญ่กลับไม่คิดมาก ข้อเสนอนี้เขาเป็นคนเสนอ หลินเป้ยให้เขาจัดการเขาจึงไม่คิดว่าผิดตรงไหน
“เจ้าชายใหญ่จัดการเถอะ คุณจัดไปที่ไหนผมก็ไปที่นั่น ยังไงซะ แค่ได้พักใจ ไปไหนก็เหมือนกัน”ที่จริงหลินเป้ยไม่คิดจะไปต่างประเทศจริงๆ ไปต่างประเทศก็แค่เอามาบังหน้าเฉยๆ
“โอเค งั้นผมจะหาที่ให้คุณ ผมจะให้คนจองตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมแล้วแจ้งคุณ”เจ้าชายใหญ่ไม่สงสัยอะไร ก็ตอบตกลงไปเลย
หลินเป้ยวางสายแล้วก็แอบหายใจออก เธอพิงกำแพง มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยดวงตาคู่นั้น วันนี้ดาวสวยมาก เธออยากจะหัวเราะ แต่กลับหัวเราะไม่ออก
เธอรู้ว่า ตั้งแต่เธอกลับมาราชวงศ์วันนั้น เธอก็ไม่มีอิสระ ไม่กล้าทำตามอำเภอใจ
ความดื้อรั้นของเธอทำให้เลือดเปื้อนพื้นได้ตลอดเวลา!!
ผ่านไปประมาณสิบห้านาที หลินเป้ยหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา เปิดหน้าเว็บ แล้วจากนั้นก็จองตั๋วในเว็บ
เรื่องที่เธอให้เจ้าชายใหญ่จัดการไปต่างประเทศ เป็นแค่เรื่องบังหน้า เธอรู้ว่าเจ้าชายใหญ่ให้คนจัดการให้ ถังหลินต้องได้ข่าวแน่ แต่กลัวว่านั่นจะไม่พอ
ถังหลินฉลาดมาก ในใจเธอรู้ดี เธอรู้ว่าถังหลินไม่ได้หลอกง่าย ดังนั้น เธอก็จองตั๋วเครื่องบินอีกใบเองด้วย
การเตรียมการให้อีกฝ่ายคาดไม่ถึงของเธอนี้ หวังว่าจะปิดบังถังหลินได้
หลินเป้ยจองตั๋วเครื่องบินเสร็จ ก็เปิดประตู เข้าไปในคฤหาสน์
ในห้อง คุณแม่หลินยังไม่นอน เธอตกใจกับเรื่องวันนี้จริงๆ ตอนนี้หดตัวอยู่ตรงโซฟาคนเดียว โทรทัศน์ก็ไม่ได้เปิด
ได้ยินเสียงดัง คุณแม่หลินหันมาอย่างไว ตอนเห็นหลินเป้ย คุณแม่หลินก็โผเข้ามา:“หลินเป้ย ในที่สุดลูกก็กลับมาแล้ว ลูกรู้ไหม วันนี้แม่เกือบจะตกใจตายแล้ว”คุณแม่หลินพุง่เข้ามาค่อนข้างไว แรงก็มาก ทำเอาหลินเป้ยที่ก้มเอวเปลี่ยนร้องเท้าโซเซ
วินาทีนั้น การตอบสนองอย่างแรกของหลินเป้ยก็คือยื่นมือทั้งสองข้างไปกุมท้องตัวเองไว้อย่างไว
หลังจากตระหนักได้ถึงการกระทำนี้ หลินเป้ยก็ตกใจ เธอรู้มาตลอดว่าเด็กคนนี้เธอเอาไว้ไม่ได้ เก็บไม่ได้ เธอหาทางกำจัดเด็กนี้ตลอด
ก่อนวันนี้ ความคิดนี้นั้นเด็ดเดี่ยวที่สุดแล้ว!!
แต่ทำไม ตอนรู้สึกถึงอันตราย การตอบสนองอย่างแรกของเธอถึงปกป้องเด็กคนนี้?!
เธอเป็นอะไรกันแน่?
เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
หลินเป้ยตกใจ และกลัว เธอไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไป
ดีที่ คุณแม่หลินยังไม่ตระหนักถึงการกระทำของเธอ คุณแม่หลินโผเข้าสู้อ้อมแขนของหลินเป้ย กอดหลินเป้ยแล้วร้องไห้:“หลินเป้ย ลูกว่าพระราชินีทำไมต้องทำแบบนั้น?เธอจับอะไรลูกได้หรือเปล่า?ลูกไม่ทันระวังเลยเปิดเผยข้อบกพร่องถูกเธอจับได้เปล่า?ปกติแม่ก็ให้ลูกระวังตัว ต้องสุขุมไว้ ลูกฟังแม่บ้างไหม”
คุณแม่หลินร้องไห้อย่างเสียใจ แต่ในการร้องไห้มีการตำหนิแอบแฝง
หลินเป้ยกำลังตกใจกับการกระทำเมื่อกี๊ของตัวเอง ในใจจึงรู้สึกซับซ้อน ตอนนี้พอได้ยินประโยคพวกนี้ของคุณแม่หลิน ริมฝีปากของเธอจึงเม้มแน่น ไม่พูดจา
“หลินเป้ย ลูกคงไม่ได้ถูกพระราชินีจับได้เพราะความไม่ระวังตัวหรอกนะ?”ที่จริงการตำหนิของคุณแม่หลินนั้นไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ยินคำพูดของหลินเป้ย ยืนขึ้นมองไปที่หลินเป้ยทันที เสียงนั้นสูงขึ้นอย่างชัดเจน
หลินเป้ยมองไปที่เธอ รู้สึกในใจนั้นเยือกเย็น ทันใดนั้นก็ไม่อยากพูดอยู่แป๊บหนึ่ง แน่นอนว่าตอนนี้เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร
“ลูก?ลูก……คงไม่จริงใช่ไหม?”แต่ความเงียบของหลินเป้ยตอนนี้ในสายตาของคุณแม่หลินกลับเป็นการยอมรับ สายตาของคุณแม่หลินเปลี่ยนไป:“แม่บอกลูกกี่ครั้งแล้ว ต้องระวังตัว ต้องระวังตัว ลูกไปทำอะไรกันแน่?ทำไมถูกเขาจับได้?”