รถของฉิงฉิงแข็งมาก รถของหญิงสาวคนนี้ก็แข็งพอด้วยเช่นกัน รถสองคันแบบนี้ คันหนึ่งจอดอยู่ และยังจอดอยู่ในที่จอดรถอีกด้วย ยังสามารถถูกหญิงสาวคนนี้ชนได้แบบนี้ หญิงสาวคนนี้นี่เก่งจริงๆ
“คือ หลังจากที่ฉันชนครั้งแรก ฉันก็อยากจะถอยรถ แต่ฉันก็ทำพลาด ชนติดต่อกันอีกหลายครั้ง ดันอยู่หลายครั้ง”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวเองก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง น้ำเสียงยิ่งพูดก็ยิ่งเบาลง จนแทบจะไม่ได้ยินในช่วงสุดท้าย
เฟิ่งเหมียวเหมียว : “……….”
เฟิ่งเหมียวเหมียวมองเธอ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว สถานการณ์แบบนี้คาดว่าจะพบเจอได้ยากมากเช่นกัน แต่ก็ทำให้พวกเขาได้เจอเข้าจนได้
“นี่แม่หนู ถ้ารักชีวิตต่อไปก็พยายามอย่าขับรถอีกเลยนะ” เฟิ่งเหมียวเหมียวยังเอ่ยพูดอย่างลึกซึ้งในตอนสุดท้าย รถของพวกเขาจอดอยู่ในที่จอดรถอยู่ดีๆหญิงสาวคนนี้ก็สามารถชนจนเป็นแบบนี้ได้ ถ้าหากอยู่บนถนนจริงๆ นั่นก็ไม่รู้เลยว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น
“อืม ค่ะ ฉันรู้แล้ว” ท่าทางของหญิงสาวยอมรับความผิด พยักหน้าลงแรงๆ : “ฉันโทรแจ้งกับทางบริษัทประกันและตำรวจแล้วนะคะ พวกเขาจะมาถึงในไม่ช้า พวกคุณวางใจได้ นี่เป็นความรับผิดชอบของฉัน ฉันจะต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอนค่ะ”
“โอเค” เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นว่าเธอมีทัศนคติดีขนาดนี้ จึงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“ฉันจะเรียกคนหนึ่งให้มาจัดการ พวกเรากลับก่อนนะ” ถึงแม้เฟิ่งเหมียวเหมียวอดที่จะคิดเล็กคิดน้อยกับหญิงสาวที่มีทัศนคติที่ดียอมรับผิดคนนี้ไม่ได้ แต่เฟิ่งเหมียวเหมียวเองก็รู้ว่าเรื่องนี้บังเอิญเกินไปเสียหน่อย ใครก็พูดไม่ได้ว่าเรื่องนี้จะมีคนวางแผนเอาไว้แล้วหรือเปล่า
ดังนั้นเฟิ่งเหมียวเหมียวไม่หวังที่จะให้เวินลั่วฉิงอยู่ที่นี่
“อืม” เวินลั่วฉิงไม่ได้มีข้อคิดเห็นที่แตกต่างกับข้อเสนอแนะของเฟิ่งเหมียวเหมียว เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่ปกติ แต่เรื่องนี้ก็เห็นได้ชัด ชัดเจนเสียจนไม่มีโอกาสวางกับดักใดๆ
เวินลั่วฉิงไม่สามารถแน่ใจได้ว่านี่จะมีคนวางแผนเอาไว้หรือเปล่า
เมื่อครู่ที่จับตาดูสีหน้าท่าทางของทั้งสามคนที่ตามเธอมาด้วย ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ แม้แต่เสี่ยวซินก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทางอารมณ์อีกด้วย แสดงให้เห็นว่าพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้รู้จักกับผู้หญิงคนที่ชนรถของเธอ
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าอยู่รอบริษัทประกันกับตำรวจมานั้นก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ก็คงจะไม่สามารถให้คนของบริษัทประกันกับตำรวจมาลงมือกับเธอได้หรอกหรือเปล่า?
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าถ้าหากเรื่องการชนรถเธอในครั้งนี้มีคนวางแผนเอาไว้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นการออกแบบวางแผนนี้ช่างไม่คุ้มเลยเสียจริงๆ
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อให้เป็นการเสียเวลา
“เสร็จแล้วแบบนี้หรือ? ก็จะไปแบบนี้เลย?” คุณชายหานกรอกตามอง เดิมทีเขากอดความหวังเอาไว้อยู่มาก แต่ทำไมคิดไม่ถึงกันแม้แต่ละอองน้ำเพียงนิดเดียวยังไม่ได้สาดกระเซ็นก็จะสิ้นสุดลงแล้ว
นี่ล้มเหลวเร็วยิ่งกว่าแผนของพวกเขาเมื่อครู่นี้เสียอีก!!
“เธอยังคิดจะเอายังไงอีก?”ครั้งนี้ ไม่รอให้เวินลั่วฉิงออกปาก เฟิ่งเหมียวเหมียวก็ถลึงตาใส่คุณชายหานแล้ว : “ฉันพบว่าเด็กหนุ่มอย่างเธอนี่หวังที่จะให้ความวุ่นวายนี่บรรลุจุดประสงค์ของตัวเองสินะ จะดูยังไงก็เหมือนกับพวกก่อการร้ายเลย”
“ใส่ร้าย คุณน้า กล่าวหาผมจริงๆ ความจริงแล้วผมจิตใจดีมาก แล้วก็เงียบมากเป็นพิเศษด้วย”ตอนที่คุณชายหานเอ่ยพูดออกมานั้นไม่ได้หน้าแดงไม่ได้หายใจหอบ พูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติมาก
เพียงแต่เจ้าเก้าที่ยืนอยู่ข้างๆเขานั้นกลับรู้สึกหน้าแดงแทนเขา จิตใจดีหรือไม่ดีนั้นยังไม่ต้องพูดถึง แต่เงียบนี่คืออะไรกัน?
ในพจนานุกรมของคุณชายหานมีความว่าเงียบคำนี้อยู่ด้วยหรือ?
ขอถามหน่อยว่าเขาลืมตาพูดออกมาไม่รู้สึกบาปทางใจบ้างเลยหรืออย่างไรกัน?!
จู่ๆเฟิ่งเหมียวเหมียวก็จ้องมองยังคุณชายหาน ในแววตานั้นแสดงความโมโหออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณน้า ผมพูดจริงๆนะ คุณน้าต้องเชื่อผม” คุณชายหานคิดว่าคุณนายถังไม่เชื่อเขา ดังนั้นจึงอธิบายขึ้นมาอีกครั้ง
“เสี่ยวซินอายุสิบสี่ เรียกฉันว่าพี่ เธอเรียกฉันว่าน้าเนี่ยนะ? ตรงจุดนี้นี่แหล่ะ ฉันไม่มีทางเชื่อเธอแน่”เฟิ่งเหมียวเหมียวจ้องมองคุณชายหานอีกครั้ง คำพูดนี้ฟังดูกัดฟันพูดด้วยความแค้น ถึงแม้เธอจะมีอายุที่สามารถเป็นน้าของเขาได้จริงๆ ลูกชายของเธอโตกว่าเขาเสียอีก
แต่เมื่อครู่ที่คุณนายถังถูกเสี่ยวซินเรียกว่าพี่สาวนั้นก็ไม่อยากจะยอมรับกับที่คุณชายหานเรียกว่าน้าอยู่บ้าง
แล้วอีกอย่าง เธอดูแก่ขนาดนั้นเลยหรือ? ถึงเรียกเธอว่าน้า?
เด็กคนนี้ไม่มีมารยาทเลย!!
คุณชายหานรู้สึกอึ้งไป ดูงุนงงอย่างเห็นได้ชัด อะไรกัน? นี่มันสถานการณ์อะไร?
นี่คือประเด็นสำคัญอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องคำเรียกเท่านั้นเอง?
แล้วอีกอย่าง คุณนายถังเป็นน้าสะใภ้ของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ถ้าหากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังคือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ถ้าอย่างนั้นคุณนายถังก็จะต้องเป็นผู้อาวุโสของพวกเขา
เขาก็ยังสามารถมีศักดิ์สูงกว่าเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้อย่างนั้นหรือ?
ถ้าหากเขามีศักดิ์สูงกว่าเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่ว่ามีลำดับที่อาวุโสกว่าแล้ว?
เขาไม่อยากตาย!!
คุณนายถังนี่ทำไมเป็นแบบนี้กัน?!
“ฮ่าๆๆ….” เสี่ยวซินอดที่จะหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้ ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสได้เห็นคุณชายหานหน้าแตก วันนี้นี่คือเตรียมจะทำให้เขาได้เห็นจังหวะนี้ใช่ไหม?
สะใจ สะใจจริงๆ
“เจ้าปิศาจ อย่าได้ใจไป เดี๋ยวนายจะเสียใจ” คุณชายหานจ้องมองเสี่ยวซิน มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย ถ้าหากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังคือเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้จริงๆ ถึงตอนนั้นเสี่ยวซินเรียกคุณนายถังว่าพี่สาวเรื่องนี้ก็ต้องนับแยกต่างหากแล้ว….
เสี่ยวซินไม่รู้ความซับซ้อนภายในนี้ เรื่องเกี่ยวกับเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้เสี่ยวซินไม่รู้เรื่องราวด้วย ดังนั้นเวลานี้เสี่ยวซินจึงไม่เข้าใจความหมายของคุณชายหาน เสี่ยวซินคิดว่าคุณชายหานพาลโกรธไปด้วยแล้ว!!
“พี่สาวคนสวย เขาแกล้งผม พี่ต้องปกป้องผมด้วยนะ” เสี่ยวซินขอให้คุณนายถังปกป้อง ถึงแม้ว่าจะขอให้ปกป้อง แต่กลับยิ้มออกมาอย่างอวดดี และลำพองใจมากเป็นพิเศษ
“ได้สิ เขาไม่กล้าแกล้งเธอหรอก” เฟิ่งเหมียวเหมียวอดที่จะปฏิเสธการขอร้องของเด็กอายุสิบสี่ไม่ได้จริงๆ จะว่าไปแล้วเธอรู้สึกไม่พอใจก็เพราะคุณชายหานเรียกเธอว่าน้า ดังนั้นเวลานี้ก็เอาตัวเสี่ยวซินมาอยู่ข้างๆตัวเองเสียเลย
มุมปากของคุณชายหานกระตุก มองไปยังเสี่ยวซินด้วยแววตาที่มีความเห็นใจ เจ้าปิศาจนี่ กำลังรนหาที่ตายจริงๆ
เจ้าเก้าอยากจะเตือนเสี่ยวซินซักสองสามประโยค แต่เจ้าเก้าคิดถึงว่าถึงอย่างไรตอนนี้ยังไม่ได้แน่ใจกับสถานะของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ถ้าหากเธอพูดไปก็อาจจะไม่ดีนัก
เสี่ยวซินสบตาคุณชายหาน รู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดไปใช่หรือเปล่า ทั้งๆที่ตอนนี้คนชนะคือเขา แต่คุณชายหานมีสิทธิอะไรมาใช้สายตาที่ดูมีความสงสารมามองเขาแบบนี้กัน?
“แม่หนู เธอรอบริษัทประกันกับของของทางตำรวจที่นี่แล้วกันนะ เดี๋ยวฉันจะให้คนมาจัดการเรื่องนี้” เฟิ่งเหมียวเหมียวเห็นหญิงสาวคนที่ชนรถของเวินลั่วฉิงคนนั้นกำลังมองมาที่เธออย่างใจจดใจจ่อ จึงกำชับออกมา
“อ่อ ได้ค่ะ พวกคุณวางใจได้นะคะ ฉันจะต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน”หญิงสาวพยักหน้าลงติดๆกัน ท่าทางยังคงจริงใจมากเช่นเดิม กับการจากไปของเวินลั่วฉิงและเฟิ่งเหมียวเหมียว หญิงสาวไม่ได้มีการขัดขวางใดๆ
เวินลั่วฉิงรู้ว่าเรื่องรถชนนี้มีคนจัดการอยู่เบื้องหลัง แผนการนี้ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเช่นกัน ความเป็นไปได้มากสุดก็นับว่าเกินไปเท่านั้น
คุณชายหานอดที่จะมองไปยังหญิงสาวคนนั้นไม่ได้ เธอปล่อยให้พวกเขาไปแบบนี้เลยอย่างนั้นหรือ?
จะสิ้นสุดลงแบบนี้? ไม่มีอะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?
รู้สึกว่ามีตรงไหนที่ไม่ถูกต้องเลยอย่างไรอย่างนั้น
เนื่องจากรถของเวินลั่วฉิงถูกชน ขับไม่ได้แล้ว เวินลั่วฉิงกับเฟิ่งเหมียวเหมียวเดินออกมาจากโรงพยาบาล หลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วก็นั่งรถกลับ
เพียงแต่ เวินลั่วฉิงเพิ่งจะเดินออกมาจากประตูโรงพยาบาล ก็ถูกคนดึงเอาไว้
เวินลั่วฉิงจึงทำได้เพียงต้องหยุดชะงักเท้าลง แล้วมองไปยังเด็กผู้หญิงที่สูงเท่าเอวเธอและกำลังดึงชายเสื้อของเธออยู่ เด็กผู้หญิงคนนี้ดูแล้วคงจะอายุประมาณเจ็ดแปดขวบ ใบหน้ากลมเล็ก ดวงตากลมๆ มองเธออย่างใจจดใจจ่อ
“หนูน้อย มีอะไรคะ?” กับเด็กๆแล้วเวินลั่วฉิงจะมีความอดทนมากโดยตลอด เวินลั่วฉิงมองไปยังเด็กผู้หญิงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เด็กนี้อายุมากกว่าจื่อซีของเธอสองสามขวบ
หลังจากที่เป็นแม่คนแล้ว เวินลั่วฉิงได้เห็นเด็กก็จะใจอ่อนง่ายมากเป็นพิเศษ
ดวงตาของเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นประกายมาก และใสสะอาดมาก ทำให้เธออดที่จะรู้สึกชอบไม่ได้!!
“พี่สาว ต้องการกิ๊บติดผมไหมคะ? สวยมากๆเลย พี่สวยขนาดนี้ ติดกิ๊บติดผมของหนูจะต้องสวยมากแน่ๆ” เด็กผู้หญิงหยิบเอากิ๊บติดผมสีม่วงอันหนึ่งออกมาจากตะกร้าที่แขวนอยู่ในมือ ยื่นส่งให้ตรงหน้าเวินลั่วฉิง
กิ๊บติดผมดูดีมากจริงๆ แต่เวินลั่วฉิงไม่ได้ติดของพวกนี้อยู่แล้ว แต่ เวินลั่วฉิงเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความรอคอยเด็กผู้หญิงแล้วก็อดที่จะปฏิเสธไม่ได้
“เด็กน้อย แม่ของหนูล่ะคะ?” เวินลั่วฉิงเห็นว่าเด็กผู้หญิงอยู่คนเดียว ก็รู้สึกไม่ค่อยวางใจนัก
“แม่ของหนูไปขายของทางนู้นค่ะ แม่ให้หนูมาขายทางนี้” เด็กผู้หญิงยื่นนิ้วชี้ออกไปทางอีกด้านนึงของประตูโรงพยาบาล
เวินลั่วฉิงมองตามไปยังทิศทางที่เธอชี้ไป หลังจากนั้นก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางผู้คนถือตะกร้าใบใหญ่ใบหนึ่งและแบกเด็กคนหนึ่งไว้บนด้านหลังอยู่อีกทางด้านหนึ่งของโรงพยาบาล เวลานี้เธอก็กำลังขายของให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยเช่นกัน