เวินลั่วฉิงลงจากรถมายังหน้าประตูโรงพยาบาล หลังจากนั้นก็ขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากว่าคุณปู่เวินอยู่ในห้องไอซียูอยู่ตลอด โดยปกติแล้วจะมีพยาบาลดูแลโดยเฉพาะ!!
ห้องไอซียูปกติแล้วก็ไม่อนุญาตให้คนอื่นๆเข้า ถึงแม้จะเป็นครอบครัวก็ไม่สามารถอยู่ด้านในตลอดได้
ก่อนหน้านี้ท่านย่าผิงไปดูลูกตัวเอง หลังจากที่รู้ว่าคุณปู่เวินไม่สบายเข้าโรงพยาบาลกลับมาแล้ว ถึงแม้ว่าห้องไอซียูโดยปกติแล้วจะไม่ให้คนเข้าไปทั่ว แต่ท่านย่าผิงก็อยู่เป็นเพื่อนที่โรงพยาบาลอยู่ตลอด
เวินลั่วฉิงเอ่ยพูดกับคุณหมอแล้ว หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่คุณหมอบอกแล้วเข้าไปในห้องไอซียู
คุณปู่เวินยังคงสลบไม่ได้สติเช่นเดิม เวินลั่วฉิงเดินไปตรงหน้าเตียง มองคุณปู่เวินที่นอนอยู่บนเตียง แล้วจู่ๆก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา
หลังจากที่เธอกลับมายังตระกูลเวิน คุณปู่เวินรักเธอจากใจจริง แต่ใครจะไปคิดถึงกัน ว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวของเวินจือฝาง
ถ้าหากคุณปู่รู้แล้วจะเสียใจหรือเปล่า?
หลังจากที่เธอรู้ว่าพ่อของเธอไม่ใช่เวินจือฝาง เธอก็ไม่เคยคิดจะไปหาพ่อแท้ๆของตัวเองอยู่แล้ว เนื่องจากเธออยากจะเป็นลูกสาวของตระกูลเวิน อยากจะเป็นหลานสาวของคุณปู่เวิน
เธอไม่อยากทำให้คุณปู่เวินเสียใจ ไม่อยากให้คุณปู่เวินเป็นทุกข์
“คุณปู่ ฟื้นขึ้นมาเร็วๆหน่อยได้ไหมคะ?” เวินลั่วฉิงนั่งลงตรงด้านหน้าเตียง มองใบหน้าที่ซีดขาวและมีรอยย่นของคุณปู่เวิน แล้วรู้สึกอยากจะร้องไห้อยู่บ้าง ; “หนูคิดถึงคุณปู่นะคะ รีบฟื้นขึ้นมานะ”
เธอเข้มแข็งมาตลอด และเธอเองก็บอกกับตัวเองมาโดยตลอดว่าจะต้องเข้มแข็ง แต่เวลานี้ เธอกลับรู้สึกว่าดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเต็มไปหมด อยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ
ตอนนี้ตระกูลเวิน…..ครอบครัวของเวินจีหยันทั้งเสียชีวิต ทั้งบาดเจ็บ ทั้งติดคุก คุณปู่ฟื้นขึ้นมา ถ้าหากเห็นสถานการณ์แบบนี้เกรงว่าก็จะยิ่งรู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้บริษัทเวินซื่อกรุ๊ปนับวันก็ยิ่งพัฒนาได้ดีขึ้น แต่เรื่องทรัพย์สินเงินทองจะเทียบกับคนได้อย่างไร?
“คุณปู่ ขอโทษนะคะ”สุดท้ายแล้วเวินลั่วฉิงก็อดที่จะน้ำตาไหลออกมาไม่ได้ เธอคิดว่า ถ้าหากตอนนั้นเธอไม่ได้กลับมายังตระกูลเวิน บางทีตระกูลเวินก็อาจจะไม่เกิดเรื่องมากมายแบบนี้ขึ้นก็ได้
อย่างน้อยๆพวกเวินจีหยันก็จะไม่เป็นแบบนี้อย่างแน่นอน
ถ้าหากตอนนั้นเธอไม่กลับมาตระกูลเวิน หลี่หยุนเองก็จะไม่ใช้ทุกวิธีทางมาทำร้ายเธอ แล้วก็จะไม่เกิดเรื่องเวินหรวนหรวนเรื่องนั้นขึ้นเช่นกัน คุณปู่เวินเองก็จะไม่ต้องโมโหเสียจนเข้าโรงพยาบาล
เธอติดค้างคำขอโทษกับคุณปู่เวินเอาไว้
ถ้าหากเธอเป็นหลานสาวแท้ๆของคุณปู่เวินก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เธอไม่ใช่
เธอไม่ใช่ ดังนั้น เธอจึงติดค้างคำขอโทษกับคุณปู่เวิน
บนเตียง คุณปู่เวินไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบรับเวินลั่วฉิง
เวินลั่วฉิงรู้สึกปวดตาอยู่บ้าง เธอนั่งอยู่ตรงด้านหน้าเตียง นั่งอยู่เงียบๆแบบนั้น ไม่ได้เอ่ยพูดขึ้นอีก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน คุณหมอก็เริ่มมาเร่งเธอ เวินลั่วฉิงถึงดูเหมือนกับดึงสติกลับมาได้ แล้วถึงได้ลุกขึ้น ออกไปจากห้องไอซียู
“คุณถัง สองวันนี้สถานการณ์ของคุณปู่เวินยังนับว่าคงที่ ไม่ได้ทรุดลง”เวินลั่วฉิงมาครั้งไม่ได้ปลอมตัว แต่คนของตระกูลถังก่อนหน้านี้ให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคุณปู่เวินตรวจดูนั้นคุณหมอรู้
คุณหมอไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็คือเวินลั่วฉิง คุณหมอคิดว่าความสัมพันธ์ของตระกูลถังกับตระกูลเวินนั้นดีต่อกัน ดังนั้นคุณหนูใหญ่ตระกูลถึงถึงได้มาดูคุณปู่เวิน
“อืม”เวินลั่วฉิงรู้สึกอารมณ์หดหู่อยู่บ้าง ตอบรับด้วยน้ำเสียงที่หนักหน่วง ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลตระกูลถังทางนั้นก็ได้มาตรวจสอบคุณปู่เวินอย่างละเอียดแล้วเช่นกัน ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่าอีกด้วย
จากสถานการณ์ของคุณปู่เวินในตอนนี้สามารถคงที่มาได้ตลอดแบบนี้ก็นับว่าเป็นสภาพที่ดีที่สุดแล้ว
ในขณะเดียวกันเวลานี้ อารมณ์ของคุณชายหานกลับรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เนื่องจากได้เส้นผมของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังมาแล้ว อีกไม่นานก็จะสามารถตรวจดีเอ็นเอได้แล้ว
“ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าแผนการของหัวหน้าน้อยจะเป็นแบบนี้ ไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนึง หัวหน้าน้อยก็จะสามารถคิดวิธีแบบนี้ได้ เก่งมากจริงๆ อีกทั้งเด็กผู้หญิงคนนั้นก็เก่งมากเช่นกัน ฉันมองไม่เห็นความผิดปกติเลยแม้แต่นิดเดียว คุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็ไม่พบเจอด้วยเช่นกัน”
คุณชายหายรู้สึกเหลือเชื่อกับการที่ได้เส้นผมของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังมาอย่างง่ายดายขนาดนี้
“เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่หัวหน้าน้อยจัดเอาไว้จริงๆหรือ?” เจ้าเก้ารู้สึกสงสัยอยู่บ้าง เธอมักจะรู้สึกว่าไม่ถูกต้องเท่าไรนัก นั่นเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงที่อายุเจ็ดแปดขวบเท่านั้น จะแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้น ไม่เผยความผิดปกติใดๆออกมาเลยได้อย่างไร?
“ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ? ถ้าไม่ใช่หัวหน้าน้อยจัดการ เรื่องราวจะบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง? เด็กผู้หญิงคนนั้นช่วยพวกเราเอาเส้นผมของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังมาได้สำเร็จเชียวนะ” คุณชายหานเริ่มรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ผลลัพธ์ตอนสุดท้ายถึงจะสำคัญที่สุด
“เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? เป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้หรือเปล่า? ฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย”คิ้วของเจ้าเก้าขมวดเข้าหากัน ถ้าหากเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็ยังพอจะเป็นไปได้ แต่ถ้าไม่ใช่……
“เธอคงจะไม่ใช่คนขององค์กรโกสต์ซิตี้หรอก หลังจากที่พวกเราออกมาแล้ว ผมเห็นเธอไปขายกิ๊บติดผมกับคนอื่นแล้ว”แล้วจู่ๆเสี่ยวซินก็เอ่ยขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวซินก็คอยสังเกตเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตลอดเช่นกัน : “เธอคงจะเป็นเด็กผู้หญิงที่ขายกิ๊บติดผมคนนึงเท่านั้น”
“ฉันก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูไม่ถูกต้องนัก”ในที่สุดแล้วเจ้าเก้าก็พูดความสงสัยที่อยู่ในใจของตัวเองออกมา : “เรื่องราวราบรื่นเกินไป รู้สึกว่ามันผิดปกติ ตอนแรกเริ่มคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็อ่านแผนการของพวกเราออก จากหลักการและเหตุผลแล้วคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะต้องสงสัยพวกเราอย่างแน่นอน ต้องคอยป้องกันระวังพวกเรา จะให้เส้นผมมาอย่างราบรื่นแบบนี้ได้อย่างไร?”
ตอนที่เจ้าเก้ารับเส้นผมมา เนื่องจากในใจนั้นตื่นเต้นมากเกินไป จึงไม่ได้คิดมาก แต่ตอนนี้เมื่อสงบลงแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ปติ
“มีปฏิกิริยาอยู่บ้าง โดยหลักแล้วคนที่รอบคอบอย่างคุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่ควรจะให้เส้นผมกับเธอง่ายๆขนาดนั้นจริงๆ ในตอนนั้นเรื่องอื่นๆฉันไม่ได้คาดหวังเอาไว้เลย ตอนนั้นฉันไม่สามารถที่จะมองดูเธอเอาเส้นผมไปทิ้งในถังขยะได้ ถึงได้ให้เธอเป็นคนออกหน้าไป”
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้คุณชายหานจะดื้อมาตลอด แต่ตอนที่เขาจริงจังขึ้นมาก็น่าเชื่อถือมาก ปัญหาที่เจ้าเก้านึกถึงนั้นเขาเองก็นึกถึงอยู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้……..” สีหน้าของเจ้าเก้าดูหนักหน่วงเล็กน้อย
“แต่นั่นมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ? สิ่งที่เราอยากได้ก็ได้มาอยู่ในมือแล้ว บรรลุตามจุดประสงค์ของพวกเราแล้ว ต่อไปก็สามารถตรวจดีเอ็นเอได้แล้ว หลังจากที่ผลการตรวจดีเอ็นเอออกมาทุกอย่างก็จะชัดเจน เพราะฉะนั้น ทำไมคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเอาเส้นผมให้พวกเรานั่นไม่สำคัญเลย สำคัญที่ผลลัพธ์ต่างหาก” ถึงแม้ว่าคุณชายหานจะคิดถึงปัญหานี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เขาไม่รู้สึกว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย
“คุณไม่กลัวว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะซ้อนแผนอย่างนั้นหรือ?”เจ้าเก้าเองก็รู้ว่าเหตุผลก็เป็นแบบนี้จริงๆ แต่ตอนนี้ในใจของเธอคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเก่งเกินไป เรื่องราวราบรื่นเกินไป เธอจึงรู้สึกไม่วางใจ
“แผนซ้อนแผน? ไม่ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะมีแผนซ้อนแผนยังไง ฉันเพียงแค่มั่นใจว่าเส้นผมที่ได้มาเป็นของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็โอเคแล้ว จากที่เด็กผู้หญิงคนนั้นติดกิ๊บให้กับคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ฉันก็จ้องอยู่ตลอด เส้นผมจากกิ๊บติดผมนั่นดึงลงมาจากศีรษะของเธอจริงๆ ตอนที่เด็กผู้หญิงให้กิ๊บติดผมกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังผมก็ยังอยู่ และตอนที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังเอาเส้นผมออกจากกิ๊บ ฉันก็ยิ่งจ้องอยู่ตลอดเลยด้วย ไม่แม้แต่จะกระพริบตา เพราะฉะนั้นฉันมั่นใจว่าเส้นผมเป็นของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง แค่นี้ก็พอแล้ว” คุณชายหานเข้าใจความกังวลนี้ของเจ้าเก้า เจ้าเก้ากังวลว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอาจจะเปลี่ยนเส้นผมไปแล้ว
เขาเองก็คิดถึงความเป็นไปได้นี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงจ้องมองตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ อีกทั้งยังจดจ้องอย่างตั้งใจอีกด้วย เขารับประกันว่าตอนที่ปฏิบัติหน้าที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยจดจ้องอย่างตั้งใจขนาดนี้มาก่อนเลย
จากที่เขาจ้องมองอย่างไม่กระพริบตานั้น คุณหนูใหญ่ตระกูลถังไม่มีโอกาสเปลี่ยนเส้นผมได้เลย
และตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเองก็ไม่พบถึงความผิดปกติใดๆของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังด้วยเช่นกัน และยิ่งไม่พบความตั้งใจที่จะเปลี่ยนเส้นผมด้วย!!
เพียงแค่เขามั่นใจว่าเส้นผมไม่ได้ถูกเปลี่ยน และเป็นของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เรื่องอื่นๆคุณชายหานรู้สึกว่าไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล เรื่องอื่นๆรอให้ผลการตรวจดีเอ็นเอออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เจ้าเก้าเม้มปากเล็กน้อย ความจริงแล้วตอนนั้นเธอเองก็จ้องมองเส้นผมสองสามเส้นนั้นอยู่ตลอดเช่นกัน เธอเองก็ไม่พบว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลใหญ่จะเปลี่ยนเส้นผมเช่นกัน ดังนั้นเส้นผมนั้นเป็นของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจริงๆ
เพราะฉะนั้น ตอนนี้ทำได้เพียงแค่รอให้ผลตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้วค่อยว่ากัน
คุณชายหานถึงได้หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหัวหน้าน้อย
“หัวหน้าน้อย พวกเราได้ของมาแล้วนะครับ จะตรวจเมื่อไหร่ครับ?” ถึงแม้ว่าขั้นตอนจะดูซับซ้อนอยู่บ้าง พบเจออุปสรรคอยู่บ้าง แต่คุณชายหานก็ยังคงได้เส้นผมมาแล้ว ดังนั้น ตอนนี้มีความมั่นใจขนาดนั้น เวลานี้ในที่สุดเขาก็กล้าที่จะโทรหาหัวหน้าน้อยแล้ว
“แผนการของพวกนายไม่ใช่ว่าล้มเหลวแล้วหรอกหรือ?”เสียงของหัวหน้าน้อยดังขึ้นมาจากทางปลายสาย นิ่งๆฟังไม่ออกถึงอารมณ์ที่มากมายนัก ฟังดูแล้วเหมือนมีความสนใจที่ไม่สูงมากนัก!!