ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้ไป๋ยี่รุ่ยยังไม่หยุด ยังคงทานต่อ แน่นอนว่าไป๋หยิงไม่มีทางห้ามเขาอยู่แล้ว ไป๋หยิงเองก็ไม่ได้หยุดลง เมื่อก่อนเธอเคยใช้ยาตัวนี้มาหลายครั้ง มีภูมิต้านไม่มากก็น้อย ดังนั้นจึงไม่ได้ออกฤทธิ์เร็วขนาดนั้น ทว่าเธอเองก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว
ทว่าไป๋หยิงอดทนไว้ ไม่ได้ให้ตนเองเผยความผิดปกติใดๆ ออกมา เธอแค่อยากให้ไป๋ยี่รุ่ยทานยาลงไปมากกว่านี้
เมื่อกี้เธอบอกว่าให้ไป๋ยี่รุ่ยทานอาหารมื้อนี้กับเธอ ไป๋ยี่รุ่ยอยากจะจากไป ก็ต้องทานอาหารกับเธอแน่นอน เธอไม่หยุด แน่นอนว่าไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่สามารถหยุดได้
ถึงแม้ไป๋หยิงจะไม่ได้สนใจไป๋ยี่รุ่ย ทว่าจริงๆ แล้วเธอแอบมองไป๋ยี่รุ่ยอยู่ตลอดเวลา
ผ่านไปประมาณสิบห้านาที ไป๋ยี่รุ่ยหยุดลง เขาน่าจะรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย เขาหรี่ตาขึ้นอย่างรวดเร็ว “เธอ เธอวางยาในอาหาร?”
ไป๋หยิงหยุดการกระทำ เงยหน้าขึ้น มองไปทางเขา ใบหน้าของเธอแฝงรอยยิ้ม เธอยิ้มอ่อนแล้วพยักหน้า
“เธอวางยาอะไร?” นัยน์ตาที่หรี่ตาขึ้นของไป๋ยี่รุ่ยมีความเย็นชาเพิ่มขึ้น เขาเหมือนจะเดาอะไรออกแบบรางๆ ทว่าในใจของเขาปฏิเสธไปแล้ว ไม่ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่นอน
พวกเขาเป็นถึง……
“เป็นเหมือนกับที่นายคิดในใจนั่นแหละ” ไป๋หยิงฉลาดมาก รู้จักไป๋ยี่รุ่ยเป็นอย่างดี ดังนั้นเธอเห็นการตอบสนองของไป๋ยี่รุ่ยก็รู้แล้วว่าไป๋ยี่รุ่ยเดาออกแล้ว
ร่างกายของไป๋ยี่รุ่ยแข็งทื่อ จริงๆ แล้วเขาป้องกันเธออยู่ตลอดเวลา ทว่าไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะวางยาแบบนี้ให้เขา อีกอย่างเมื่อกี้เธอเองก็ทานอาหารพวกนั้นลงไป ทานเยอะกว่าเขาด้วย
“แต่ว่าเมื่อกี้เธอก็กินแล้ว” ไป๋ยี่รุ่ยกัดฟัน ในใจทั้งตกใจทั้งโมโห!!
“ใช่แล้ว นายไม่รู้สึกเหรอกินยาทั้งสองคนจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่า?” ไป๋หยิงอยู่ข้างกายเจิ้งฉงมาหลายปีขนาดนี้วิธีการพวกนั้นของเจิ้งฉงเธอรับมามากเกินไปแล้ว ดังนั้นสำหรับเธอแล้วแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นอะไรเลย
“เธอบ้าไปแล้ว เธอทำแบบนี้ได้ยังไง พวกเราเป็นพี่น้องกันแล้ว” ไป๋ยี่รุ่ยมองดูไป๋หยิงตรงหน้า รู้สึกเพียงแค่ว่าความรู้จักที่ตนมีมายี่สิบกว่าปีนี้พลิกแพลงไปแล้ว
เธอทำแบบนี้ได้ยังไง พวกเขาเป็นพี่น้องกับเลยนะ ถึงแม้ว่าจะเป็นพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ ทว่าก็ยังมีสายเลือดเดียวกัน
ตอนนั้นคุณพ่อพาเธอกลับมา คุณแม่ของเขาไม่อยากยอมรับ เขาเองก็ไม่อยากยอมรับ ทว่าผ่านไปไม่นานคุณพ่อของเขาก็เสียชีวิตแล้ว คุณแม่ก็เสียชีวิตตามไปด้วย
ตอนนั้นพอรู้ว่าคุณพ่อถูกคนทำร้าย เขาไม่สามารถให้คุณพ่อเสียชีวิตอย่างไม่รู้สาเหตุได้ แน่นอนว่าต้องสืบให้ชัดเจน แน่นอนว่าต้องแก้แค้นให้คุณพ่ออยู่แล้ว
ตอนนั้นเธอบอกว่าจะแก้แค้นให้คุณพ่อด้วยกัน เขาในตอนนั้นไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
ตลอดหลายปีนี้ เธอเองก็ช่วยเขาไว้มากมายจริงๆ
และเป็นเพราะเขารู้ว่าระหว่างพวกเขามีความเกี่ยวข้องด้านสายเลือดเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าเธอไม่มีทางทำร้ายชีวิตของเขา
ทว่าไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะบ้าคลั่งถึงขั้นนี้ กลับวางยาแบบนี้ให้กับเขา เธอทำแบบนี้ได้ยังไง!!
“เฮอะ……” ไป๋หยิงหัวเราะออกเสียงเลย “พี่น้องบ้าบออะไร ในตอนนั้นคุณแม่ของฉันพาฉันตามหาผู้ชายไปมากมาย แต่ว่าพวกเขาต่างก็ไม่อยากเป็นคนที่โง่ที่เสียเงินฟรีๆ ต่างก็ไม่ติดกับดัก มีเพียงแต่พ่อของนายติดกับดักแล้ว เชื่อว่าฉันเป็นลูกสาวของเขา ผลตรวจดีเอ็นเอนั่นแม่ฉันก็เป็นคนปลอมแปลงขึ้นมาเอง ฉันไม่ใช่พี่สาวขงนาย พวกเราไม่มีสายเลือดใดๆ กันเลย”
ในตอนที่คุณแม่พาเธอมาถึงบ้านตระกูลไป๋ก็อายุไม่น้อยเลย ดังนั้นมีเรื่องราวมากมายที่เธอเห็นอย่างชัดเจน
คุณแม่ของเธอสวยสง่ามาก และทำงานอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้น คุณแม่ของเธอไม่ใช่คนที่รักนวลสงวนตัว ดังนั้นตอนนั้นคนที่มีความสัมพันธ์กับคุณแม่เขาไม่เพียงแต่ประธานไป๋คนเดียว
ตอนนั้นคุณแม่ของเธอพาเธอตามหาผู้ชายไปมากมาย ตอนนั้นคุณแม่ของเธอต่างก็ใช้ผลตรวจดีเอ็นเอปลอมไปหลอกพวกเขา ทว่าต่างก็ถูกจับได้หมดแล้ว แต่ว่าประธานไป๋เชื่อแล้ว ดังนั้นเธอจึงเข้ามาในบ้านตระกูลไป๋
ตอนนั้นคุณแม่หลอกประธานไป๋แม้ๆ ผลตรวจดีเอ็นอะไร เป็นของปลอมทั้งนั้น
แน่นอนว่าผลตรวจดีเอ็นเอของเธอกับประธานไป๋ คุณแม่ได้ทำไม่ดีไม่ร้ายไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เลือดที่ใช้ไม่ใช่ของเธอ เป็นของใครนั้น เธอสามารถเดาได้ทั้งหมด
ไม่ว่ายังไงแล้ววิธีแบบนั้นเธอไม่ได้เห็นคุณแม่ใช้เพียงครั้งเดียวแล้ว แต่ว่ามีเพียงแต่ประธานไป๋ที่โง่
เธอรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
แน่นอน เพราะว่าตอนนั้นเลือดที่ใช้ตรวจดีเอ็นเอกับประธานไป๋ไม่ใช่เลือดของเธอก็ใช่ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกของประธานไป๋ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่ายังไงแล้วในเมื่อคุณแม่กล้าไปหาประธานไป๋ ระหว่างคุณแม่และประธานไป๋ต้องเคยมีความสัมพันธ์กันแน่นอน
แต่ว่าตัวเองแม่เองก็ไม่แน่ใจ ดังนั้นคุณแม่ของเธอไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าใช้เลือดของเธอทำการตรวจดีเอ็นเอกับประธานไป๋โดยตรง
แต่ว่า ไป๋หยิงรู้ว่าเปอร์เซ็นต์ที่เธอจะเป็นลูกสาวของประธานไป๋นั้นไม่สูง ไม่ว่ายังไงแล้วคนที่มีอะไรกับคุณแม่ในตอนนั้นมากมายขนาดนั้น
ดังนั้นในตอนที่คุณพ่อไป๋พาตัวเองกลับบ้านแล้วเจอไป๋ยี่รุ่ยในแวบแรกก็ชอบไป๋ยี่รุ่ยแล้ว
ตอนแรกในความรู้จักของไป๋หยิง เปอร์เซ็นต์ที่เธอจะเป็นลูกสาวของคุณพ่อไป๋นั้นไม่สูง อีกอย่างวินาทีที่เจอกับไป๋ยี่รุ่ย เธอได้นำความเป็นไปได้ที่ตนเองเป็นลูกสาวของคุณพ่อไป๋ตัดทิ้งไปเลย
ดังนั้น เธอไม่เคยควบคุมความรู้สึกของคนเองเลย เธอชอบเขาตั้งแต่แวบแรก ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แวบแรก ดังนั้น เธอจึงชอบเขาอยู่แบบนี้
ทว่าต่อมาเธอจับได้ว่า ในใจของเขามีคนอื่นตั้งนานแล้ว เธอลองใจไปหลายครั้งมาก จากนั้นก็รู้ว่าเขาไม่มีทางชอบเธอ
อีกอย่าง ตอนนั้นเธอเองก็มองออกว่าเขาค่อนข้างไม่ชอบเธอ ถึงขั้นรังเกียจ
ต่อมาคุณพ่อไป๋เสียชีวิตแล้ว เขาจึงจะค่อยๆ ยอมรับเธอ แน่นอนว่าแค่ยอมรับว่าเธอเป็นคนของตระกูลไป๋
ทว่า เพื่อที่จะแก้แค้นให้คุณไอไป๋ เขาก็ยังตกลงให้เธอช่วยเขา ทว่ามีเพียงแต่เช่นนี้ ไม่มีอะไรที่มากกว่านี้แล้ว
ในใจของไป๋หยิงเองก็รู้ดี หากให้เขารู้ว่าเฮไม่ใช่ลูกสาวของคุณพ่อไป๋ เขาต้องไล่เธอไปแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกอื่นที่มีต่อเธอแล้ว
ดังนั้น ตลอดหลายปีมานี้ เธอได้แต่อดทน แอบรักเขาอย่างลึกล้ำ กลับไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น ไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น
และในตอนนี้เธอสามารถเสียชีวิตได้ตลอดเวลา ตอนนี้เธอไม่สามารถสนใจอะไรมากมายแล้ว เธอแค่อยากทำให้ความหวังของตัวเองสำเร็จสักครั้ง ได้มีสักครั้ง ขอแค่ครั้งเดียว เธอก็พอใจแล้ว
“เธอรู้หรือเปล่าว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่?” ไป๋ยี่รุ่ยตะลึงงัน ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องในตอนนั้นยังมีเรื่องซ้อนในแบบนี้อีก
“แน่นอนว่าฉันรู้อยู่แล้ว ตอนนั้นฉันทำการตรวจดีเอ็นเอกับประธานไป๋ จริงๆ แล้วแม่ฉันแอบใช้เลือดของนาย ดังนั้นผลตรวจดีเอ็นเอชุดนั้นจริงๆ แล้วเป็นของนายกับประธานไป๋ แล้วก่อนหน้านี้ คุณแม่ของฉันก็ได้ใช้วิธีนี้หลอกผู้ชายมามากแล้ว ทว่าพวกเขาต่างก็ไม่ติดกับดัก” บนใบหน้าของไป๋หยิงแฝงรอยนิ้ม มองไม่ออกเลยว่าเป็นการประชดหรืออย่างอื่น
ตอนนั้น ในตอนที่เธอเห็นคุณแม่ทำเรื่องพวกนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าเห็นมากเกินไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากมาย
อีกอย่างแน่นอนว่าผ่านการล้มเหลวมากมายขนาดนั้น จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้มีความหวังอะไร ทว่าคิดไม่ถึงว่าประธานไป๋จะเชื่อ เธอยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอกับไป๋ยี่รุ่ย
ไป๋ยี่รุ่ยมองเธอ ระหว่างนั้นไม่ได้พูดอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าตะลึงเกินไป และอาจจะเป็นเพราะว่ายังดึงสติกลับมาไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ตอนแรกฉันรู้สึกไม่เป็นไรกับการที่จะได้ไปบ้านตระกูลไป๋หรือเปล่า ทว่าฉันคิดว่าถึงว่าจะพบเจอกับนาย ฉันรู้สึกว่าการที่ได้พบเจอกับนายเป็นความสงสารที่พระเจ้ามีต่อฉันมากที่สุด” ไป๋หยิงพูดถึงจุดนี้ นัยน์ตามีความทรงจำเพิ่มมากขึ้น
“ฉันชอบนายตั้งแต่แวบแรกที่เจอ ตอนนั้นฉันสาบาน ฉันสามารถทำเพื่อนายได้ทุกเรื่อง……” ไป๋หยิงมองเขา สีหน้าดูลึกซึ้ง
ทว่าไป๋ยี่รุ่ยรู้สึกเพียงแต่รังเกียจ รู้สึกคลื่นไส้ เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอกลับมีความคิดเช่นนี้กับเขา เพราะว่าเขาคิดว่าเธอเป็นพี่สาวเขามาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้
“ตลอดหลายปีนี้ ฉันเองก็ทำได้แล้ว ฉันเสียสละมากมายเพื่อนาย ทว่าฉันไม่เสียใจ เพื่อนาย ฉันสามารถทำได้ทุกอย่าง” ไป๋หยิงรู้สึกว่าหลายปีมานี้ตนเองได้ช่วยเหลือไป๋ยี่รุ่ยไว้มากมายเธอเสียสละมามากพอแล้ว
“รวมถึงยาที่เธอวางฉัน?” ไป๋ยี่รุ่ยหรี่ตาขึ้นจ้องเธอ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีสายเลือดเดียวกัน เธอก็ไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้
เรื่องแบบนี้ทำให้เขารู้สึกรังเกียจ และคำพูดพวกนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกน่าเสียดสี
ไม่เสียใจ? เพื่อเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง?
รวมถึงการที่วางยาเขาในตอนนี้เหรอ?
ไป๋หญิงอึ้งไปเลย แน่นอนว่าเธอเห็นถึงความโมโหของไป๋ยี่รุ่ย แต่ว่าพวกนี้เธอคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้โกรธ สำหรับการด่าโทษของไป๋ยี่รุ่ยในตอนนี้เธอก็ไม่มีทางโกรธ
เธอถึงขั้นไม่รู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิด เธอทำเพื่อเขามามากมายขนาดนั้น เสียสละเพื่อเขามามากมายขนาดนั้น ตอนนี้เธอแค่อยากจะขอการตอบแทนเล็กๆ น้อย ผิดอะไร?