แต่ว่าเวินลั่วฉิงมองดูครู่เดียวก็รู้แล้วว่าเป็นแผนการสมบูรณ์แบบเป็นพิเศษแผนการหนึ่งเลยทีเดียว
ดังนั้น นี่ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าถังไป๋เชียนวางแผนเช่นนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว มีความคิดที่จะต่อกรกับเธอเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าหากเมื่อสักครู่นี้หล่อนไม่ได้โทรศัพท์หาถังไป๋เชียน ถังไป๋เชียนก็คงไม่ดำเนินการตามแผนเร็วขนาดนี้
หากหล่อนไม่โทรออกหาสายเมื่อสักครู่นี้ ถังไป๋เชียนก็คงจะเก็บซ่อนไว้ ก็คงจะเหมือนเมื่อก่อน ที่จะเป็นดั่งงูพิษคอยแว้งกัดหล่อนในเวลาสำคัญ
หากเปรียบเทียบทั้งสองกรณีนี้แล้ว เวินลั่วฉิงยินดีที่จะให้ถังไป๋เชียนดำเนินการเสียตอนนี้ดีกว่า
ศัตรูที่ทำอะไรอยู่ลับหลัง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะโผล่มากัดหล่อนเมื่อไหร่ เกรงว่าใครๆก็ต่างคาดไม่ถึง
เวินลั่วฉิงไม่ได้ตอบกลับเยว่หงหลิง เพราะว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ติดต่อกันยิ่งน้อยยิ่งดี ประการแรกคือเป็นกังวลว่าถังไป๋เชียนจะจับได้ ประการที่สองเป็นกังวลว่าจะทำให้เยว่หงหลิงเดือดร้อน
เวินลั่วฉิงมองดูแผนการของถังไป๋เชียนในข้อความ พลางค่อยๆหรี่ตาขึ้นและแววตานั้นค่อยๆเผยความเย็นชาออกมา ยังไงหล่อนก็คิดไม่ถึงว่าถังไป๋เชียนจะใช้วิธีการเช่นนี้กับหล่อน
เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่รู้มาก่อนว่า ถังไป๋เชียนจะโหดเหี้ยมและกระทำการโหดร้ายขนาดนี้!!
หากไม่เป็นเพราะว่าพี่หงหลิงได้ยินเข้าและแอบบอกหล่อน หล่อนก็คงจะไม่ทันตั้งรับ
ตอนนี้หล่อนทราบแผนการของถังไป๋เชียนก่อน แน่นอนว่าจะต้องเตรียมพร้อมล่วงหน้า จะไม่ยอมให้แผนการของถังไป๋เชียนประสบความสำเร็จอย่างเด็ดขาด
เรื่องๆนี้เวินลั่วฉิงเกรงว่าหากตนเองทำคนเดียวจะทำได้ไม่ดี ดังนั้นแน่นอนว่าหล่อนจะบอกกับเรื่องนี้กับเย่ซือเฉิน
เมื่อก่อนเวินลั่วฉิงก็ยังคำนึงถึงมิตรไมตรีที่ถังไป๋เชียนมีต่อหล่อน จึงไม่อยากจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด ดังนั้นหล่อนจึงไม่อยากให้เย่ซือเฉินและถังหลินเข้ามาแทรกแซงเรื่องของถังไป๋เชียนด้วย
แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ต้องใส่ใจอีกแล้ว!!
เวินลั่วฉิงรู้ว่าอีกสักพักเย่ซือเฉินจะมาตระกูลถัง ดังนั้นจึงไม่ได้โทรศัพท์หาเย่ซือเฉิน เรื่องๆนี้พูดคุยกับเย่ซือเฉินต่อหน้าน่าจะดีกว่า
ไม่สามารถพูดให้ชัดเจนผ่านโทรศัพท์ได้ อีกทั้งการโทรศัพท์ก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ตอนที่เวินลั่วฉิงลงจากตึก ท่านย่าถังบอกว่าเย็นนี้มีงานเลี้ยง เป็นงานเลี้ยงของครอบครัว คุณนายหยวน คุณนายหยวนโทรมาเชิญพวกเขาเป็นพิเศษ คุณนายหยวนยังเชิญเวินลั่วฉิงไปร่วมงานเป็นพิเศษอีกด้วย
“เป็นงานเลี้ยงภายในเล็กๆ คุณนายหยวนไม่ได้เชิญคนเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเชิญคนที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับตระกูลถัง และเป็นคนที่คุณเคยพบ รู้จัก คืนนี้คุณอยากไปไหมล่ะ?” ท่านย่าถังไม่ได้ให้คำตอบแทนเวินลั่วฉิง ท่านย่าถังต้องการฟังความเห็นจากเวินลั่วฉิงก่อน
“หากคุณเป็นกังวลเรื่องระหว่างคุณกับหยวนจุนหลิน นั้นก็ไม่มีความจำเป็นอะไร หยวนจุนหลินรู้เรื่องระหว่างคุณกับเย่ซือเฉินแล้ว และทราบเรื่องเด็กน้อยสองคนนั้นแล้ว ดังนั้นหยวนจุนหลินไม่ทำอะไรคุณแน่นอน ช่วงนี้เกิดเรื่องมากมาย คุณไปพักผ่อนก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวนะ” ท่านย่าถังไม่บังคับเวินลั่วฉิง ท่านย่าถังเพียงแต่ต้องการพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนก็เท่านั้น
“ได้ค่ะ” เวินลั่วฉิงพอฟังออกว่าท่านย่าถังอยากให้หล่อนไปร่วมงาน ในเมื่อท่านย่าถังอยากให้หล่อนไป ถ้างั้นก็คงไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้นเวินลั่วฉิงจึงไม่ได้ปฏิเสธ
“อึม คุณเห็นด้วยที่จะไปร่วมงานก็ดีแล้ว” เมื่อท่านย่าถังได้ฟังคำตอบของเวินลั่วฉิงก็ดีใจมากอย่างเห็นได้ชัด ช่วงนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย เธอเป็นกังวลว่าฉิงฉิงจะอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงต้องการที่จะเชิญฉิงฉิงไปร่วมงานเป็นพิเศษ
“พาเด็กทั้งสองคนไปด้วยก็ได้นะ คนที่จะมาร่วมงานในวันนี้ต่างเชื่อใจได้ และต่างก็รู้เรื่องราวของเด็กทั้งสองคน ช่วงนี้เด็กทั้งสองคนอุดอู้อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ไปไหน อึดอัดจะแย่แล้ว” ท่านย่าถังไม่เพียงแต่ต้องการให้เวินลั่วฉิงไปผ่อนคลายจิตใจ และก็อยากพาเด็กทั้งสองคนไปด้วย
ท่านย่าถังแจ้งจำนวนคนที่จะไปร่วมงานในค่ำคืนนี้กับคุณนายหยวนเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน อีกทั้งงานเลี้ยงก็จัดภายในบ้านของคุณนายหยวน
และการที่คุณนายหยวนเป็นคนจัดงานหากไม่มีการ์ดเชิญก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปโดยพลักการอย่างแน่นอน แม้แต่นักข่าวก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปส่งเดช
ท่านย่าถังทราบดีว่างานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นเธอคงไม่ยอมให้พาเด็กทั้งสองคนไปแน่
“ได้ค่ะ” เวินลั่วฉิงคิดถึงใบหน้าหดหู่ของจื่อซีลูกรักก่อนหน้านี้ เวินลั่วฉิงทราบดีว่าเด็กทั้งสองคนอุดอู้จะแย่อยู่แล้ว เรื่องไหนท่านย่าถังเป็นคนจัดการ เวินลั่วฉิงนั้นวางใจได้อย่างแน่นอน ท่านย่าถังบอกว่าไม่มีปัญหา นั้นก็หมายความว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้นเวินลั่วฉิงจึงไม่ได้เป็นกังวล
สตูดิโอของซ่างกวนหงในเวลานี้
ผู้ดูแลจ้งเข้าไปยังสตูดิโอ เห็นหัวหน้าของตนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม อีกทั้งยังคงอยู่ในท่าทางเดิมด้วย
ผู้ดูแลจ้งถอนหายใจอย่างหดหู่เงียบๆ เห็นได้ว่าช่วงเวลาที่เขาไปจากสตูดิโอสองถึงสามชั่วโมงนี้ หัวหน้าก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย?
คนๆหนึ่งๆหากนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนหลายชั่วโมง ก็เกรงว่าตัวจะแข็งทื่อ
ผู้ดูแลจ้งทั้งเป็นห่วงทั้งสงสาร แต่ว่าผู้ดูแลจ้งรู้ดีว่า ในเวลานี้หัวหน้าพูดอะไรไปก็ฟังไม่เข้าหัวแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น
“หัวหน้า กินข้าวเช้าครับ” แม้ว่าในเวลานี้ผู้ดูแลจ้งรู้ดีว่าพูดอะไรไปก็ไม่เข้าหัวเขา แต่ว่าผู้ดูแลจ้งก็จำเป็นต้องเอ่ยปาก
ข้าวยังไงก็ต้องกิน
เมื่อวานตอนเย็นหัวหน้าไม่ได้กินอะไรสักเท่าไหร่ อีกทั้งหัวหน้ายังไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนนี้จะต้องหิวแน่ๆ ไม่กินอะไรเลยจะทนได้ยังไง
แต่ว่าซ่างกวนหงกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้ดูแลจ้งพูด
“หัวหน้า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พวกเราไม่กินข้าวไม่ได้นะครับ”ผู้ดูแลจ้งเห็นหัวหน้าของตนเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งปวดใจ ในเวลานี้น้ำเสียงของผู้ดูแลจ้งฟังดูเศร้าเล็กน้อย
แม้ว่านำเสียงของผู้ดูแลจ้งจะฟังดูเศร้าเล็กน้อย แต่ซ่างกวนหงกลับยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเช่นเคย ในเวลานี้ราวกับว่าเขาเงียบขรึมอยู่ในโลกของตัวเอง ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงใดใดจากภายนอกเลย และไม่ได้รับอิทธิพลใดใดจากโลกภายนอกด้วย
“หัวหน้า พวกเราทำเช่นนี้ไม่ได้นะครับ ร่างกายสำคัญ ข้าวจำเป็นต้องกินนะครับ” ในเวลานี้ผู้ดูแลจ้งโกรธจนแทบจะร้องไห้ เมื่อก่อนหัวหน้าเศร้าเสียใจเพราะคุณหญิงก็ยังไม่เป็นขนาดนี้ แม้ว่าในตอนนั้นบางครั้งหัวหน้าจะขังตัวเองอยู่ในห้องหลายวัน แต่ว่าหัวหน้าก็ยังกินข้าวตรงเวลา
แต่ว่าตอนนี้แม้แต่ข้าวหัวหน้าก็ยังไม่กิน
ตอนนี้หัวหน้าคงผิดหวังเป็นอย่างมาก เดิมทีหัวหน้าก็เหนื่อยล้าทั้งใจและกาย แต่หัวหน้าก็ยังไม่ยอมไปพักผ่อน ยังคงดันทุรังอดทน หากยังไม่ยอมกินข้าว ผลเสียที่จะเกิดขึ้นผู้ดูแลจ้งไม่กล้าที่จะคิดเลย
หากเป็นไปได้ ผู้ดูแลจ้งก็อยากที่จะป้อนอาหารเข้าปากของหัวหน้า แต่ว่าสุดท้ายแล้วผู้ดูแลจ้งยังคงไม่กล้า อีกอย่างหากหัวหน้าไม่กิน แม้ว่าผู้ดูแลจ้งจะป้อนก็คงป้อนไม่เข้า
แต่ว่าตอนนี้ชัดเจนมาก คำพูดของเขาหัวหน้าฟังไม่เข้าหัวเลยแม้แต่น้อย เขาพูดอะไรหัวหน้าก็ไม่มีการตอบสนองกลับ แล้วตอนนี้เขาจะทำอะไรได้ล่ะ?
ในตอนนี้ยังมีเรื่องอะไรที่สามารถดึงดูดความสนใจของหัวหน้าได้ เรื่องที่สามารถทำให้หัวหน้าหลุดออมาจากโลกของตัวเองได้?
ผู้ดูแลจ้งรู้ดีว่า ตอนนี้คาดว่าน่าจะมีเพียงเรื่องของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเท่านั้นที่มีความน่าเป็นไปได้
แต่ว่าตอนนี้คุณหนูใหญ่ตระกูลถังก็ไม่ได้มีเรื่องราวพิเศษอะไร อีกทั้งหลังจากเรื่องของเมื่อวาน หลังจากที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังกลับมายังคฤหาสน์ตระกูลถังแล้ว ก็ไม่ได้ออกมาอีก คนของพวกเขาไม่สามารถเข้าไปหาคุณหนูใหญ่ตระกูลถังได้ หากต้องการพบคุณหนูใหญ่ตระกูลถังนั้นเป็นเรื่องยาก
แม้ว่าหัวหน้าน้อยอยากที่จะตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเออีกครั้ง แต่ว่าหากคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอยู่แต่ที่คฤหาสน์ตระกูลถัง เกรงว่าหัวหน้าน้อยคงไม่มีทางได้เจอหน้าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังแน่นอน และคงไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้ตัวอย่างในการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเออีกครั้ง
ผู้ดูแลจ้งกำลังลังเล จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเพราะได้รับข้อความหนึ่งข้อความ ผู้ดูแลจ้งหยิบโทรศัพท์ออกมาเหลือบมองครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาทั้งสองก็เป็นประกาย
“หัวหน้า คืนนี้คนของตระกูลถังจะมาร่วมงานเลี้ยงที่บ้านของคุณนายหยวน”ผู้ดูแลจ้งรีบบอกข่าวที่เขาทราบจากข้อความเมื่อสักครู่นี้ให้หัวหน้าตนเองทราบ
ผู้ดูแลจ้งคิดว่านี่เป็นข่าวดีอย่างแน่นอน
“หัวหน้า งานเลี้ยงครั้งนี้คนตระกูลถังทุกคนต่างเข้าร่วม คุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะต้องไปร่วมงานอย่างแน่นอน หากคืนนี้พวกเราไปตระกูลหยวนก็น่าจะได้เจอคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง” ในเวลานี้น้ำเสียงของผู้ดูแลจ้งดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด หัวหน้าให้ความสนใจกับเรื่องราวของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังขนาดนั้น แต่หัวหน้าก็ไม่เคยได้เจอคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเลย
แน่นอนว่าหัวหน้าอยากเจอคุณหนูใหญ่ตระกูลถังสักครั้ง ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังจะไม่ใช่เจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ หัวหน้าก็ยังอยากเจออยู่ดี
ในจุดๆนี้ ผู้ดูแลจ้งแน่ใจอย่างแน่นอน
อีกทั้งผู้ดูแลจ้งยังคิดว่าหากหัวหน้าของตนเองได้ยินข่าวนี้ก็น่าจะมีปฏิกิริยาตอบกลับ?
และเป็นอย่างที่คิด ซ่างกวนหงที่เดิมทีไม่ขยับเขยื้อนร่างกายในที่สุดก็ขยับแล้ว อีกทั้งดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ค่อยๆเงยขึ้นมองไปยังผู้ดูแลจ้ง
ในใจของผู้ดูแลจ้งรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่แท้เรื่องของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังสามารถทำให้หัวหน้าของตนมีปฏิกริยาตอบกลับได้จริงๆ
แม้ว่าผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจะออกมาว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลถังกับหัวหน้าไม่ใช่พ่อลูกกัน แต่หัวหน้าก็ยังคงให้ความสนใจกับเรื่องราวของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอยู่เหมือนเดิม