แต่ว่าเมื่อผู้ดูแลคฤหาสน์หยวนเปิดนามบัตรออก เห็นเพียงตัวอักษรไม่กี่คำของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ผู้ดูแลของคฤหาสน์หยวนเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วพลางมองไปที่ผู้ดูแลจ้ง:“นี่ นี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอครับ?!”
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง ต้องรบกวนให้ผู้ดูแลส่งต่อให้กับท่านหยวนด้วยนะครับ ผมกับหัวหน้าและท่านหยวนเป็นเพื่อนเก่ากันมา” คำพูดนี้ของผู้ดูแลจ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติเป็นอย่างมาก หากวันนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง เกรงว่าหัวหน้าของเขาก็คงไม่ได้นึกถึงท่านหยวนคนนี้มาจริงๆ แต่ว่าไม่ว่าจะพูดยังไง ในปีนั้นหัวหน้าก็เคยช่วยเหลือท่านหยวน เป็นผู้มีพระคุณของท่านหยวน บอกว่าเป็นเพื่อนเก่าก็ไม่ถือว่าเป็นการพูดเกินไป
อีกทั้ง ก็เกรงว่าจะไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมกับองค์กรโกสต์ซิตี้
“ครับ ครับ ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ผู้ดูแลคฤหาสน์หยวนจะกล้าชักช้าได้ยังไง เรื่องที่เขาทราบในฐานะที่เขาเป็นผู้ดูแลเขารู้เยอะกว่าคนอื่นมาก อีกทั้งช่วงนี้ก็มีเรื่องราวขององค์กรโกสต์ซิตี้เปิดเผยออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้เกรงว่าคงไม่มีใครไม่รับรู้ถึงความเก่งกาจขององค์กรโกสต์ซิตี้
เดิมทีผู้ดูแลคฤหาสน์หยวนอยากที่จะเชิญผู้ดูแลจ้งเข้าไปเลย แต่ว่าผู้ดูแลจ้งยังคงยืนหยัดที่จะรออยู่ข้างนอก
ผู้ดูแลคฤหาสน์หยวนจึงค่อยๆวิ่งตรงไปที่อาคารหลัก ท่านหยวนเพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและกำลังเตรียมตัวออกนอกบ้าน เห็นผู้ดูแลรีบวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย:“ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนั้น?มีเรื่องอะไร?”
“นายท่าน นามบัตร”ผู้ดูแลนำนามบัตรยื่นไปยังเบื้องหน้าของท่านหยวน เห็นใบหน้าของท่านหยวนแสดงความสงสัยออกมา จึงรีบพูดอธิบายว่า:“นามบัตรของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้”
“นามบัตรของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้?” ท่านหยวนกังวลอย่างเห็นได้ชัด:“นามบัตรขององค์กรโกสต์ซิตี้?”
ท่านหยวนได้พูดขึ้นสองครั้ง แต่ว่าน้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นทั้งสองครั้งนี้นั้นแตกต่างกัน
เรื่องที่ในตอนนั้นคนที่องค์กรโกสต์ซิตี้เข้าช่วยเหลือ ท่านหยวนจำได้อย่างแน่นอน เพราะหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น เขาก็อยากขอบคุณคนขององค์กรโกสต์ซิตี้มาโดยตลอด แต่ว่าในตอนนั้นหลังจากที่คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ได้ช่วยเหลือพวกเขาแล้วก็จากไป เขายังไม่ได้มีโอกาสขอบคุณเลย
ต่อมาเขาก็พยายามที่จะเสาะหาผู้มีพระคุณอยู่หลายครั้ง แต่ว่าก็หาคนที่ช่วยเขาในตอนนั้นไม่พบเลย
ต่อมาเขาสามารถติดต่อกับคนขององค์กรโกสต์ซิตี้บางส่วนได้ แต่คนเหล่านั้นไม่สามารถเข้าพบหัวหน้าระดับสูงได้เลย และยิ่งไม่สามารถพาเขาเข้าพบผู้มีพระคุณได้ด้วย
ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้ เขายังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณผู้มีพระคุณของเขาในตอนนั้นเลยสักคำ
ท่านหยวนยังจำหัวหน้าที่มาช่วยพวกเขาในตอนนั้นได้ กำลังวังชาเต็มเปี่ยม ตะลึงงันทั้งใต้ล้า !
ตอนนั้นเขาเห็นได้อย่างเบลอๆไม่ค่อยชัดเจนมากนัก รู้สึกเพียงว่ามีเทพจุติลงมาช่วยพวกเขา ตอนนั้นเขาจำได้ว่ามีคนตะโกนเรียกเขาว่าหัวหน้า
ท่านหยวนรู้ว่าคนที่ช่วยเขาในตอนนั้นเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ ดังนั้นคนๆนั้นก็คือหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้
ต่อมาเมื่อเขาทราบว่าคนที่ช่วยเขาคือหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ เขาจึงล้มเลิกที่จะตามหา และเขาก็รู้ด้วยว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ใช่ว่าเขาอยากพบแล้วจะได้พบ
และแม้ว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ในตอนนั้นเป็นคนช่วยเขา แต่ว่าเกรงว่าแม้แต่ว่าเขาเป็นใครองค์กรโกสต์ซิตี้ก็คงไม่ทราบ
ตอนนี้หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้กลับส่งนามบัตรมา ?!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“คนล่ะ?คนล่ะ?” ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และไม่ว่าองค์กรโกสต์ซิตี้จะให้คนนำนามบัตรมาส่งด้วยเหตุผลอะไร ตอนนี้ท่านหยวนต้องการเพียงแค่พบคนเท่านั้น เพราะนั้นคือผู้มีพระคุณต่อชีวิตเขา อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้อีกด้วย
“คนที่มาส่งนามบัตรอยู่ด้านนอกครับ เห็นบอกว่าเป็นผู้ดูแลองค์กรโกสต์ซิตี้ครับ” เมื่อผู้ดูแลตระกูลหยวนเห็นท่านหยวนตื่นเต้นขนาดนี้ ก็ไม่กล้าที่จะละเลย:“เดิมทีผมต้องการที่จะเชิญเขาเข้ามา แต่ว่าเขายืนหยัดที่จะรอท่านอยู่ด้านนอก ”
“เร็ว รีบพาเขาเข้ามาพบผม” น้ำเสียงของท่านหยวนเต็มไปด้วยความร้อนใจ ขณะที่พูดเท้าก็ก้าวไปข้างนอกแล้ว เขาตามหาผู้มีพระคุณของตัวเองมาหลายปี ตอนนี้เขามาหาถึงที่แล้ว แล้วเขาจะไม่ร้อนใจอยากไปพบได้ยังไง
ขณะที่ท่านหยวนเดินก้าวเข้ามาหน้าประตูใหญ่ ก็เห็นผู้ดูแลจ้ง ขณะที่เห็นผู้ดูแลจ้งท่านหยวนก็ตลึงงันอย่างเห็นได้ชัด เขารู้จักคนๆนี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปยี่สิบปีแล้ว ท่านหยวนมองครู่เดียวก็จำผู้ดูแลจ้งได้
เขาจำได้ว่า ตอนนั้นคนที่ติดตามหัวหน้าท่านนั้นอย่างใกล้ชิดก็คือเขาคนนี้ นี่คือผู้ดูแลองค์กรโกสต์ซิตี้?
ซึ่งนับแล้วก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของเขาคนหนึ่ง หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ในตอนนั้น ปรากฏตัวเพียงตอนเริ่มต้นเท่านั้น ส่วนเรื่องในตอนหลังเกือบครึ่งล้วนมีผู้ดูแลท่านนี้เป็นผู้จัดการ
“คุณคือผู้ดูแลขององค์กรโกสต์ซิตี้?ผมจำคุณได้ คุณเป็นผู้มีพระคุณของผม พวกคุณช่วยผมในตอนนั้น” ในเวลานี้ท่านหยวนได้เจอคนแล้ว และเขาคนนั้นได้รู้แล้วว่าไม่มีใครปลอมแปลงมา ในใจก็ยิ่งอดที่จะตื้นตันไม่ได้
“ท่านหยวน หัวหน้าที่ช่วยพวกคุณในตอนนั้นก็คือหัวหน้าของผม” เมื่อผู้ดูแลจ้งเห็นท่าทีของท่านหยวนในตอนนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องต่อจากนี้ไม่ยากที่จะจัดการ แต่ว่าความดีความชอบนี้ผู้ดูแลจ้งไม่กล้าที่จะรับไว้ เพราะนั้นเป็นน้ำพักน้ำแรงของหัวหน้า ในตอนนั้นหากไม่มีหัวหน้า พวกเขาก็คงหาข้าราชการเหล่านั้นไม่พบ และก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยพวกเขาได้สำเร็จ
แม้ว่าต่อมาหัวหน้าจะไม่เคยออกหน้าด้วยตนเองอีกเลย แต่ว่าการตามหาคนเพื่อช่วยชีวิตนั้นยากลำบากที่สุด ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนอาศัยความสามารถของหัวหน้าของพวกเขาทั้งสิ้น !!
“ใช่ ใช่ ผมทราบ หัวหน้าของพวกคุณเป็นคนช่วยผม” ท่านหยวนพยักหน้าติดต่อกัน เหตุการณ์ผ่านมาแล้วยี่สิบปี เขาก็ยังคงจดจำชายหนุ่มที่ราวกับเทพมาจุติคนนั้นได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าในตอนนั้นเขาจะเห็นชายหนุ่มนั้นเพียงครู่เดียว
“หลายปีมานี้ ผมอยากที่จะขอบคุณหัวหน้าของพวกคุณมาโดยตลอด น่าเสียดายที่ผมไม่มีความสามารถที่จะเข้าพบหัวหน้าของพวกคุณได้เลย แต่ว่าบุญคุณที่หัวหน้าของพวกคุณเคยให้ความช่วยเหลือสถิตอยู่ในใจของผมมาโดยตลอด ” อารมณ์ของท่านหยวนในตอนนี้เผยความตื้นตันออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาเป็นคนที่รู้บุญคุณคน สถานการณ์แบบนั้นในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะคนขององค์กรโกสต์ซิตี้มาช่วยพวกเขา พวกเขาก็คงตายสถานเดียว อีกทั้งยังต้องตายอย่างน่าอนาถด้วย
หากบอกว่าองค์กรโกสต์ซิตี้เป็นพ่อแม่ที่ให้ชีวิตใหม่กับพวกเขาก็ฟังดูไม่เกินไปนัก
ผู้ดูแลจ้งยิ้มอ่อนๆ จำได้ก็ดีแล้ว หากจำได้เรื่องถัดไปที่ต้องจัดการก็ง่ายขึ้นแล้ว
“ผู้ดูแล เร็ว รีบเข้าไปข้างในเถอะ” ท่านหยวนเพิ่งจะได้สติว่าผู้ดูแลขององค์กรโกสต์ซิตี้ยังคงยืนอยู่ข้างนอก จึงรีบเชิญเขาเข้ามา
“ท่านหยวนไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอกครับ การที่ผมนำนามบัตรของหัวหน้าพวกเรามามอบให้ในวันนี้ เป็นเพราะวันนี้ตอนบ่ายหัวหน้าของผมต้องการมาเยี่ยมเยือนท่านหยวน ไม่ทราบว่าท่านหยวนสะดวกหรือไม่ครับ?”ผู้ดูแลจ้งไม่ได้เดินเข้าไป ในตอนนี้เขามีหน้าที่เพียงนำส่งนามบัตร เรื่องที่สำคัญนั้นอยู่ถัดไปต่อจากนี้
ท่านหยวนตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าเผยความประหลาดใจออกมาเล็กน้อยอย่างสังเกตเห็นได้:“คุณบอกว่า หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกคุณบอกว่าจะมาเยี่ยมเยือน……มาเป็นแขก?”
ในเวลานี้ท่านหยวนไม่อยากที่จะเชื่อข้อมูลที่ได้ยินนี้ เดิมทีท่านหยวนคิดว่าผู้ดูแลองค์กรโกสต์ซิตี้นำนามบัตรของหัวหน้ามาพบเขา อาจจะเป็นเพราะต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง แน่นอนว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนจะสามารถช่วยเหลืออะไรองค์กรโกสต์ซิตี้ได้?
ในที่สุดอย่างไรเสียสำหรับเขาแล้ว ไม่มีอะไรที่องค์กรโกสต์ซิตี้ทำไม่ได้!!
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ใช่ผู้ดูแลองค์กรโกสต์ซิตี้ต้องการจะมาพบเขา แต่กลับเป็นหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ต้องการมายังจวนของเขา?!
นี่เป็นสิ่งที่ท่านหยวนคิดไม่ถึง และยากที่จะเชื่อว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้จะมาเยี่ยมเยือนเขาได้ยังไง?
ทำไมหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ต้องการที่จะมาเยี่ยมเยือนเขาล่ะ?
แม้ว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้จะเคยช่วยเขาในตอนนั้น แต่ว่าเขากับหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่เคยคบหาสมาคมกันมาก่อน คนที่องค์กรโกสต์ซิตี้ช่วยมีจำนวนมาก เกรงว่าเขาน่าจะไม่ทราบว่าเขาคือใครมากกว่า?
แล้วทำไมถึงต้องการมาหาเขาล่ะ?
มีเรื่องอะไรกันแน่?
ในเวลานี้ท่านหยวนคิดไม่ออกจริงๆ ดังนั้นจึงลืมรับคำกะทันหัน
“ทำไมเหรอครับ?ท่านหยวนไม่ยินดีต้อนรับเหรอ?”ผู้ดูแลจ้งเห็นว่าเขาไม่มีการตอบสนองกลับ จึงแสร้งถามขึ้นหนึ่งประโยค
“ไม่ ไม่ ไม่ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงครับ จะไม่ต้อนรับได้ยังไง ต้อนรับ ต้อนรับ ต้อนรับเป็นอย่างมาก” ท่านหยวนได้สติ จึงรีบรับคำ แม้ว่าจะคิดไม่ออกว่าทำไมหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ต้องการพบเขา แต่ว่านั้นคือผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือชีวิตเขา
ผู้มีพระคุณต้องงการมาพบ เขาจะไม่ต้อนรับได้ยังไงกัน
จะต้องต้อนรับอย่างแน่นอน ไม่ว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้จะให้เขาทำอะไร เขายินดีต้อนรับทั้งนั้น แม้ว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้จะต้องการมาเอาชีวิตของเขา เขาก็จะไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็นัดกันเรียบร้อยแล้วนะครับว่าวันนี้ตอนบ่ายหัวหน้าพวกเราจะมาเยี่ยมเยือนที่บ้าน” ในที่สุดผู้ดูแลจ้งก็ถอนหายใจคลายความกังวลลง ก้าวแรกของเรื่องนี้ถือว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว
“ได้ ได้ ผมจะรอการมาเยือนของหัวหน้าท่านที่บ้าน” ท่านหยวนไม่ชักช้าเลยแม้แต่น้อย พยักหน้าอย่างแรง เดิมทีวันนี้ตอนบ่ายเขามีธุระสำคัญที่ต้องหารือ แต่ว่าในเวลานี้เขาไม่เอ่ยขึ้นเลยแม้แต่น้อย
บุญคุณที่ช่วยชีวิต หลายปีมาแล้วไม่ได้ตอบแทน ตอนนี้ผู้มีพระคุณต้องการพบ แม้ว่าจะมีเรื่องสำคัญอะไรก็ต้องเลื่อนไปก่อน
และท่านหยวนก็นึกเรื่องงานเลี้ยงที่จะจัดในค่ำคืนนี้ได้ งานเลี้ยงในค่ำคืนวันนี้เชิญเพียงคนที่เขาไว้ใจที่สุดไม่กี่คนเท่านั้น ในตอนนั้น ท่านย่าถังก็ตั้งใจถามเป็นพิเศษว่ามีใครมาร่วมงานบ้าง เมื่อท่านย่าถังได้ยินว่าไม่มีคนนอกที่ไว้ใจไม่ได้มาร่วมงานจึงรับปากที่จะมาร่วมงาน