ในฐานะที่คุณนายหลี่เป็นแม่คนหนึ่ง คุณนายหลี่รู้สึกว่าเย่ซือเฉินนั้นลำบากเกินไป ทำให้คนอื่นรู้สึกปวดใจจริงๆ !!
“ตอนนี้เขาหลุดพ้นจากความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว เย่โป๋เหวินก็เสียชีวิตไปแล้ว ต่อไปเรื่องของตระกูลเย่ก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก แล้วเขาก็จะไม่ถูกผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลเย่ใช้เขาก็ทำตามแผนอีกแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉิ้นเอ๋อก็จะได้ไม่ต้องถูกรังแกตามไปด้วย ตอนแรกที่ฉันรู้ว่าเด็กทั้งสองคนนั้นเป็นลูกของเย่ซือเฉิน ฉันก็กังวลมาโดยตลอดว่าฉิ้นเอ๋อจะถูกผู้เฒ่าสองคนนั้นรังแก”คุณนายหลี่ชอบเด็กทั้งสองคนนั้นแล้วก็ชอบถังฉิ้นเอ๋อจากใจจริงของเธอ
“ผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลเย่ยังไม่รู้เรื่องของเด็กน้อยสองคนนี้เหรอ? ”คุณนายหยวนอึ้งไป แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
คุณนายหลี่ที่อยู่ปลายสายนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ น่าจะยังไม่รู้มั้ง? แต่ว่าคราวที่แล้วตอนที่คุณปู่เย่แกล้งหมดสติไป เด็กโม่ก็ไปที่โรงพยาบาลด้วย พวกเขาน่าจะเจอกันแล้วมั้ง? หรือว่าไม่รู้จักกันหรือเปล่า? แต่ว่าหลานแท้ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำจะดูไม่ออกเหรอ? ”น้ำเสียงของคุณนายหลี่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เขาว่ากันว่าเลือดข้นกว่าน้ำ เมื่อคนเป็นญาติกันมาพบกันต้องมีความรู้สึกคุ้นเคยกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างจื่อโม่ก็หน้าเหมือนเย่ซือเฉินเอาซะขนาดนั้น ต่อให้ตอนนั้นจื่อโม่จะพรางตัว ส่วนคนอื่นดูไม่ออก แต่ว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็ดูไม่ออกเหมือนกันเนี่ยนะ? ยากที่จะเข้าใจจริงๆ ”
“คนแบบพวกเขาจะมีความรู้สึกแบบครอบครัวที่ไหนกัน ถ้าเกิดว่าพวกเขานึกถึงความเป็นครอบครัวสักนิด พวกเขาจะไม่มีทางทำแบบนั้นกับเย่ซือเฉินอย่างเด็ดขาด”ปกติแล้วคุณนายหยวนไม่ชอบพูดจาลับหลังใคร แต่ว่าตอนนี้เธออดไม่ได้จริงๆ
“ก็นั่นน่ะสิ”คุณนายหลี่เห็นด้วยกับคำพูดของคุณนายหยวนเป็นอย่างมาก “ดูไม่ออกก็ดีแล้ว ถ้าเด็กทั้งสองคนรู้จักคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก่อนที่พวกเขาจะทำแบบนั้น ฉันคงจะรู้สึกโกรธน่าดู แต่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ตอนนี้เย่ซือเฉินก็หลุดพ้นจากตระกูลเย่แล้ว เด็กน้อยทั้งสองคนก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักพวกเขาอีกแล้ว”
“อืม ตามนั้นแหละ”ถ้าเกิดว่าเกิดเรื่องแบบนี้กับคนอื่น คนนอกอาจจะช่วยเกลี้ยกล่อม แต่ว่าคุณนายหยวนคิดว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่หาเรื่องเองแท้ๆ
คุณนายหยวนไม่ได้รู้จักเย่ซือเฉินตีเท่าไหร่นัก แต่ว่าก็เคยได้ยินเรื่องของเย่ซือเฉินมาบ้างเหมือนกัน คุณนายหยวนรู้ดีว่า ถ้าเกิดเย่ซือเฉินพูดว่าจะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ งั้นก็หมายความว่าจากนี้เป็นต้นไปเขาจะตัดขาดกับตระกูลเย่จริงๆ
ถ้าเป็นแบบนั้น สิ่งที่ดีที่สุดก็คือต่อไปฉิ้นเอ๋อไม่จำเป็นต้องแบกรับความโกรธเกรี้ยวจากคุณปู่เย่และคุณย่าเย่อีก
“พวกเราจะออกเดินทางแล้ว ไม่คุยกับเธอแล้วนะ เดี๋ยวเจอกันแล้วค่อยคุยกัน เมื่อกี้ท่านปู่เราพอได้ยินว่าเด็กน้อยทั้งสองคนของตระกูลถังจะไปด้วยคืนนี้ ท่านปู่เลยบอกว่าจะให้ไปที่บ้านถังก่อน ไปรับเด็กน้อยทั้งสองคนแล้วค่อยไปที่คฤหาสน์หยวน ฉันเองก็งงเหมือนกัน หลานตัวเองไม่พาไป แต่จะไปรับสองเด็กน้อยตระกูลถังก่อน หัวใจของท่านปู่ของพวกเราลำเอียงไปจนจะถึงขั้วโลกใต้แล้ว”ถึงแม้ว่าคุณนายหลี่จะพูดแบบนี้ แต่ก็ได้ยินอย่างชัดเจนว่ามีเสียงหัวเราะในคำพูดของเธอ แน่นอนว่าการที่ท่านปู่หลี่เสนอว่าจะไปรับสองเด็กน้อยจากตระกูลถังก่อน เธอเห็นด้วยอย่างมาก
“เธอเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”คุณนายหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเธอ “ฉันคิดว่าตอนนี้เธอแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะบินไปรับเด็กน้อยทั้งสองที่บ้านถังแล้ว”
“ใช่ พูดอีกก็ถูกอีก”คุณนายหลี่ไม่ได้เถียง แล้วก็ยอมรับอย่างง่ายดาย “ดังนั้น ฉันไม่คุยกับเธอแล้วนะ ฉันจะไปรับเด็กน้อยทั้งสองคนก่อน”
“ไปเถอะ ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปเตรียมตัวที่บ้านก่อน เพราะว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้เจอเด็กในทั้งสองคน พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉันก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว”คุณนายหยวนหัวเราะออกมาเบาๆ คำพูดนี้ของเธอไม่ถือว่าเกินเหตุ เพราะว่าคนที่เคยได้เจอกับเด็กน้อยทั้งสองคนของตระกูลถังต่างก็เอ่ยชมอย่างไม่หยุดปาก ไม่มีใครไม่ชอบ
เธออยากจะเจอเด็กน้อยทั้งสองคนนานแล้ว
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ เธอตื่นเต้นน่ะถูกแล้ว เดี๋ยวพอเจอเด็กน้อยทั้งสองคนเธอก็รู้เอง ว่าเด็กที่สวยที่น่ารักที่สุดในโลกใบนี้หน้าตาเป็นยังไง”คุณนายหลี่อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา ถึงแม้ว่าเสียงหัวเราะจะดูเกินจริงไปหน่อย แต่ว่าคำพูดนี้เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจจริงๆ ของคุณนายหลี่
ในสายตาของคุณนายหลี่ เธอยังไม่เคยเห็นเด็กที่สวยและน่ารักมากกว่าเด็กน้อยทั้งสองคนของตระกูลถังเลย
พอได้ยินคุณนายหลี่พูดแบบนั้น คุณนายหยวนก็รู้สึกจักจี้หัวใจ แทบจะรอไม่ไหวแล้ว
หลังจากที่คุณนายหยวนวางสายไป รายการแจ้งเตือนข้อความที่ส่งมาก็หายไปแล้ว เพราะว่าข้อความที่ท่านหยวนส่งมา เป็นข้อความที่ส่งมาจากเบอร์โทรศัพท์ ข้อความในโทรศัพท์ส่วนใหญ่มักเป็นข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์ คุณนายหยวนจึงไม่อ่าน
เพราะว่าตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของคุณนายหยวนมุ่งเน้นไปที่เด็กน้อยทั้งสองคนเท่านั้น ดังนั้นพอกลับมาที่คฤหาสน์หยวนพอไม่ได้ยินเสียงอะไร ก็ยิ่งแน่ใจว่าหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้กลับไปแล้ว เลยไม่ได้คิดอะไรอีก
คุณนายหยวนก็เตรียมงานปาร์ตี้อยู่ชั้นล่าง
ในห้องทำงานชั้นบน ซ่างกวนหงยังคงนั่งเงียบอยู่แบบนั้น ส่วนท่านหยวน พอส่งข้อความให้คุณนายหยวนเรียบร้อยแล้ว ก็คิดว่าคุณนายหยวนได้รับข้อความเขาแล้วต้องบอกทางด้านตระกูลถังแล้วอย่างแน่นอน
ดังนั้น ท่านหยวนก็ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนี้อีกต่อไป เห็นว่าหัวหน้าไม่ได้มีท่าทีจะกลับ ท่านหยวนก็ไม่ไล่เขากลับ
ขอแค่จัดการทางด้านฝั่งของตระกูลถังเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่กลับก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ต่อให้องค์กรโกสต์ซิตี้จะอยู่ร่วมงานปาร์ตี้เย็นวันนี้ด้วยก็ไม่มีปัญหา
เวลาประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง แขกที่ได้รับเชิญก็มาถึงหมดแล้ว เพราะว่าเป็นการรวมตัวของหลายครอบครัว แต่ละครอบครัวก็พาคนในครอบครัวของตัวเองมาด้วยกันหมด
ท่านปู่หลี่ตัดสินใจไปรับเด็กน้อยทั้งสองคนของตระกูลถังก่อน ก็เลยมาช้าเล็กน้อย ตระกูลหลี่กับตระกูลถังมาเป็นสองครอบครัวสุดท้าย
เดิมเวินลั่วฉิงวางแผนจะมาด้วย แต่ว่าหลังจากนั้นเธอได้รับสายจะเย่ซือเฉิน บอกว่ามีเรื่องสำคัญมากจะปรึกษากับเธอ
พอเวินลั่วฉิงได้ยินคุณชายสามเย่พูดอย่างจริงจังว่ามีเรื่องสำคัญมากกว่าคุยกับเธอก็อดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะออกมา เห็นได้ชัดว่าคุณชายสามเย่จงใจ
คุณชายสามเย่ไม่อยากให้เธอไปที่คฤหาสน์หยวน เพราะว่าไม่อยากให้เธอเจอกับหยวนจุนหลิน เวลาที่คุณชายสามเย่หึงขึ้นมาก็เหมือนเด็กน้อยเหมือนกันนะ
ทุกคนมากันครบหมดแล้ว และในที่สุดเด็กน้อยทั้งสองคนก็มาถึง พอคุณนายหยวนเห็นเด็กน้อยทั้งสองคนก็เบิกตากว้างทันที
เธอเคยได้ยินคนอื่นเอ่ยปากชมเด็กน้อยทั้งสองคนนี้มาแล้ว คุณนายหยวนก็ได้เตรียมใจมาบ้าง แต่ว่าตอนนี้พอมาเห็นเด็กน้อยทั้งสองคนนี้ ก็รู้สึกเหมือนหัวใจของเธอกำลังจะละลาย ทั้งสวยและน่ารักจริงๆ เลย
ไม่แปลกที่ทุกคนจะชื่นชอบ เธอเองก็ชอบเหมือนกัน เธออยากได้หลานทั้งสองคนแบบนี้บ้าง
ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าถ้ากระตือรือร้นเกินไปแล้วเด็กน้อยทั้งสองคนจะกลัว เธอจะพุ่งเข้าไปกอดและหอมเด็กทั้งสองคนนี้คนละฟอดสองฟอดแล้ว ทำไมถึงได้มีเด็กที่ดูดีและน่ารักขนาดนี้อยู่บนโลกด้วย!!
“คุณย่าเฉิน”ถังจื่อซีเดินเข้ามาพร้อมกับถังจื่อโม่ หลังจากที่เห็นคุณนายหยวน ทั้งสองคนก็ทักทายอย่างมีมารยาท ก่อนหน้านี้เฟิ่งเหมียวเหมียวได้บอกเด็กน้อยทั้งสองคนแล้วว่าให้เรียกเธอว่าอะไร
“เอ๊ะ เอ๊ะ เรียบร้อยจังเลย ดีจัง”คุณนายหยวนมองมาที่เด็กน้อยทั้งสองคน เธอไม่อยากจะละสายตาไปที่อื่นเลย
ตอนนี้เด็กน้อยทั้งสองคนก็เดินมาตรงหน้าของคุณนายหยวน คุณนายหยวนอยากจะยื่นมือไปลูบเด็กน้อย แต่ว่าก็อดทนไหว เพราะคุณนายหยวนกลัวว่าจะทำให้เด็กน้อยทั้งสองคนกลัว
ถังจื่อซียืนอยู่ตรงหน้าคุณนายหยวน แล้วก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาดำขลับที่เต็มไปด้วยประกายมองไปที่คุณนายหยวน คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน แล้วก็พูดอย่างจริงจังว่า “จริงๆแล้วหนูไม่ชอบเรียกคุณว่าคุณย่าเลยค่ะ”
“หา? ”พอคุณนายหยวนได้ยินคำพูดของถังจื่อซีก็อึ้งไปในทันที นี่มันเรื่องอะไรกัน? หรือว่าเด็กน้อยไม่ชอบเธองั้นเหรอ?
ทั้งๆที่เมื่อกี้เธอระมัดระวังมากแล้ว แต่ว่าเธอยังทำให้เด็กน้อยกลัวอีกงั้นเหรอ?
คนอื่นๆพอได้ยินคำพูดของถังจื่อซีก็อึ้งไปเหมือนกัน มันค่อนข้างประหลาด
ทุกคนต่างก็รู้ว่าถังจื่อซีเป็นเด็กดีมาโดยตลอด แล้วก็เป็นเด็กที่รู้จักสัมมาคารวะมาโดยตลอด ถ้าพูดตามหลักเหตุผล ถังจื่อซีไม่น่าจะพูดแบบนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังจื่อซีได้เจอคุณนายหยวน และคุณนายหยวนก็ดูท่าทางเป็นมิตรมาก ไม่มีทางที่ถังจื่อซีจะไม่ชอบคุณนายหยวนได้เลย
แต่ว่าต่อให้ถังจื่อซีจะไม่ชอบคุณนายหยวนจริงๆ ก็ไม่มีทางที่เธอจะทำตัวไม่มีมารยาท
“จื่อซี ทำไมล่ะ? ”ช่วงนี้เฟิ่งเหมียวเหมียวอยู่กับถังจื่อซีตลอด เธอไม่เชื่อว่าอยู่ดีๆ ถังจื่อซีจะพูดแบบนี้โดยไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอน แล้วอีกอย่างเฟิ่งเหมียวเหมียวก็เชื่อว่าการที่ถังจื่อซีพูดแบบนี้ ไม่ได้มีความหมายที่ไม่ดีอย่างแน่แท้
เฟิ่งเหมียวเหมียวมั่นใจในเด็กซีของเธอมาก ปกติเด็กซีของเธอเป็นเด็กฉลาด ปากก็หวาน ดังนั้นเฟิ่งเหมียวเหมียวก็เลยคิดว่าถังจื่อซีน่าจะหมายความแบบอื่น
ดังนั้นเฟิ่งเหมียวเหมียวก็เลยไม่ได้จงใจไปปิดบัง และก็ไม่ได้เปลี่ยนเรื่องด้วย แต่กลับจงใจถามถังจื่อซีแทน
“ใช่ ทำไมกันล่ะจ้ะ? ” ตอนนี้คุณนายหยวนก็รู้สึกสงสัยมากเหมือนกัน เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเพื่อนตัวน้อยถังจื่อซีถึงพูดแบบนี้
“เพราะว่าคุณทั้งยังวัยรุ่น แล้วก็สวยขนาดนี้ ไม่เหมือนจะเป็นคุณย่าเลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ” ดวงตาที่สดใสคู่หนึ่งของถังจื่อซีมองมาที่คุณนายหยวน คำตอบของเธอนั้นดูจริงจัง สีหน้าก็ดูไร้เดียงสา ดูจริงใจมาก!!