นั่นคือสิ่งที่ผู้ดูแลจ้งต้องการในตอนนี้
แน่นอน ว่าเรื่องที่แท้จริงมันไม่ใช่แบบนี้ เรื่องที่มีคนระดับสูงวางแผนเรื่องเจ้าหญิงตอนนั้นคือเรื่องจริง แต่ว่าหัวหน้าน้อยสืบเรียบร้อยแล้ว แล้วคนคนนั้นก็ถูกหัวหน้าน้อยลากออกมา และจัดการไปตั้งนานแล้ว
เรื่องพวกนั้นไม่ต้องวุ่นวายมาถึงหัวหน้าหรอก
ตอนที่ท่านหยวนมองไปที่ซ่างกวนหงอีกรอบนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “พวกเขาก็ทำเกินไป”
แต่ว่า ตอนนี้ซ่างกวนหงยังคงไม่มีท่าทีอะไรเหมือนเดิม และสีหน้าของเขาก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปด้วย
“ปกติแล้วหัวหน้าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกมาก เดิมทีเขาก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องเจ้าหญิงปลอมอยู่แล้ว แล้วพวกเขายังมาวุ่นวายแบบนี้อีก ทำให้อารมณ์ของหัวหน้ายิ่งหนักหน่วงขึ้นไปอีก หัวหน้าเห็นแก่มิตรภาพเก่า ไม่อยากให้เรื่องนี้วุ่นวายจนเกินไป แล้วอีกอย่างหัวหน้าเป็นคนชอบความสงบ ไม่อยากถูกพวกเขาก่อกวน ดังนั้นวันนี้หัวหน้าก็เลยมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือด้วย”ผู้ดูแลจ้งสามารถอธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
รวมถึงเหตุผลที่ว่าทำไมหัวหน้าถึงมาที่คฤหาสน์หยวน แล้วก็อธิบายว่าทำไมพอหัวหน้ามาถึงที่คฤหาสน์หยวนแล้วไม่สนใจ ไม่สอบถามอะไรเลย
“เกรงว่าตอนนี้พวกเขาน่าจะยังรออยู่ที่ที่พักของหัวหน้า รอเพื่อมาก่อกวนท่าน ที่ของท่านหยวนค่อนข้างจะสงบ ขอให้หัวหน้าได้อยู่พักหนึ่งได้ไหมครับ”ผู้ดูแลจ้งพูดให้หัวหน้าดูน่าสงสารมาก เพื่อที่จะให้หัวหน้าของตัวเองได้เจอคุณหนูใหญ่ของตระกูลถังอย่างราบรื่น เขาก็เลยพยายามสู้เต็มที่
“ได้ครับ ไม่มีปัญหาเลย”ในที่สุดท่านหยวนก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ถึงได้นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขาไม่ยอมออกไปไหนเลย ที่แท้ก็เพราะเหตุผลนี้เอง
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ท่านหยวนก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้คือผู้ช่วยชีวิตเขา แล้วทำไมเรื่องเล็กๆแค่นี้เขาจะช่วยไม่ได้ล่ะ?
แล้วอีกอย่างพวกเขาเพิ่งจะเซ็นสัญญากันเมื่อบ่ายวันนี้ ตอนนี้พวกเขามีความสัมพันธ์แบบผู้ร่วมงานกันแล้ว มันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยืนนิ่งๆไม่ช่วยอะไร
“เย็นวันนี้พวกเรามีงานปาร์ตี้กัน หรือว่าหัวหน้าจะลงไปทานอาหารด้วยกันไหมครับ?”เพราะว่าท่านหยวนได้ส่งข้อความให้คุณนายหยวนก่อนหน้านี้แล้ว ก็เลยนึกว่าเธอได้จัดการเรื่องของตระกูลถังเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นท่านหยวนก็เลยอยากจะเชิญหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ลงไปกินข้าวด้วยกัน
ถึงแม้ว่าถ้าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้เข้าไปร่วมด้วย จะทำให้คนอื่นๆอาจจะสงวนตัวไว้บ้าง แต่ว่าถ้าจะให้ทิ้งหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ไว้ในห้องทำงานโดยไม่สนใจ ท่านหยวนก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมเลยจริงๆ
“ไม่ต้องหรอกครับ หัวหน้าของพวกเราชอบความสงบ หลายปีมานี้ นอกจากหัวหน้าผมจะตามหาคุณหญิงแล้ว เรื่องอื่นๆ ท่านก็จะอยู่อย่างสันโดษ หัวหน้าของผมชินกับการอยู่คนเดียวแล้วครับ แล้วข้างล่างนั่นก็เป็นแขกของท่านหยวนทั้งนั้น พวกเราก็ไม่รู้จักใคร จะให้ลงไปก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก เดี๋ยวจะทำให้แขกของคุณหยวนเกร็งเข้าแล้วจะไม่ค่อยดี”ผู้ดูแลจ้งคิดว่าเวลานี้ยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก ดังนั้นก็เลยปฏิเสธข้อเสนอของท่านหยวน
“คุณหยวนไม่ต้องสนใจพวกเราหรอกครับ หัวหน้าของพวกเราชอบอยู่คนเดียว บางทีก็อยู่คนเดียวหลายวันหลายคืนเลย แล้วพวกเราก็เคยชินกับการอยู่ข้างๆ หัวหน้าแบบนี้แล้วเหมือนกัน เคยชินแล้ว”ผู้ดูแลจ้งรู้ดีว่าท่านหยวนต้องรู้สึกเกรงใจอย่างแน่นอน ก็เลยพยายามอธิบายอย่างเต็มที่
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมให้คนนำข้าวเย็นมาเสิร์ฟให้นะครับ?”ท่านหยวนเข้าใจสิ่งที่ผู้ดูแลจ้งพยายามจะสื่อ ผู้ดูแลจ้งกับหัวหน้าไม่ลงไป ไม่ใช่แค่เพราะว่ากังวลว่าจะรบกวนแขกท่านอื่น แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือผู้ดูแลจ้งกับหัวหน้าคุ้นเคยที่จะอยู่อย่างสันโดษ ไม่อยากจะถูกคนอื่นรบกวน”
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ท่านหยวนก็ไม่ฝืน แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
แต่ว่ายังไงข้าวเย็นก็ต้องกิน
“เรื่องกินข้าวก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณหยวนหรอกครับ ถ้าเกิดว่าหัวหน้าต้องการเมื่อไหร่ ผมจะบอกคุณหยวนนะครับ คุณหยวนไปรับแขกได้แล้วครับ ไม่ต้องสนใจพวกเราจริงๆ ”ผู้ดูแลจ้งคิดว่าหัวหน้าไม่ได้มาเพื่อกินข้าว แต่ว่ามาเพื่อเจอคุณหนูใหญ่ของตระกูลถัง
ก่อนที่เรื่องสำคัญจะสำเร็จ หัวหน้าก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าวหรอก
“……ก็ได้ครับ”ในเมื่อผู้ดูแลจ้งพูดถึงขนาดนี้แล้ว ท่านหยวนก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังจะสามารถพูดอะไรได้อีก ได้แต่ตอบตกลงไป
แล้วท่านหยวนก็หันไปมองซ่างกวนหงอีกครั้ง พอเห็นว่าซ่างกวนหงยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นและไม่มีท่าทีว่าจะขยับเลย ท่านหยวนก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
ที่แท้หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็มีเวลาที่ยากลำบากเหมือนกัน
หลังจากที่ท่านหยวนลงไปข้างล่าง ก็เห็นท่านปู่ถังกับท่านย่าถังนั่งอยู่ในห้องรับแขก ไม่เห็นคนอื่นๆจากตระกูลถัง ท่านหยวนก็รู้สึกโล่งใจ ดูท่าทาง พอคุณหญิงได้รับข้อความจากเขาก็จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว
ถังฉิ้นเอ๋อกับเด็กน้อยทั้งสองคนของตระกูลถังเลยไม่ได้มาด้วย
“เอ๊ะ คุณอยู่บ้านด้วยเหรอ? ฉันได้ยินผู้ดูแลบอกว่าคุณออกไปข้างนอก กำลังจะโทรหาพอดีเลย”พอคุณนายหยวนเห็นท่านหยวนเดินลงมาจากชั้นบนก็รู้สึกประหลาดใจ
“ผมออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ อยู่บ้านตลอดนี่แหละ”ท่านหยวนกลับรู้สึกประหลาดใจมากกว่า ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาได้ส่งข้อความไปอธิบายสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้ว คำถามเธอมันช่างแปลกจริงๆ
“ก็ผู้ดูแลบอกว่าคุณออกไปแล้ว”คุณนายหยวนตกใจ เธออึ้งไปเล็กน้อย นี่มันอะไรกัน?
“บางทีอาจจะเพราะว่าผู้ดูแลเห็นรถที่คุณส่งแขกแล่นออกไป ก็เลยนึกว่าคุณออกไปด้วยเหมือนกัน คุณอยู่บ้านก็ดีแล้ว แขกมากันครบแล้วเนี่ย”คุณนายหยวนก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย และก็ไม่ได้คิดว่าแขกคนนั้นยังไม่กลับไป เพราะถึงยังไงตอนนี้ท่านหยวนก็เดินลงมาคนเดียว
ท่านหยวนกะพริบตาปริบๆ คำพูดของคุณนายหยวนทำให้เขาสับสน รถที่เขาส่งแขกกลับไปคืออะไร?
รถของเขาแล่นออกไปก็จริง แต่มันก็เป็นเพราะว่ามีของที่ต้องไปเอา ดังนั้นเขาก็เลยให้คนขับรถไปเอาให้ เขาไม่ได้ออกไปไหน แขกก็ไม่ได้ออกไปไหนเหมือนกัน
ท่านหยวนรู้แล้วว่าน่าจะมีช่วงต่อไหนที่มีปัญหา
และท่านหยวนก็เห็นปัญหาที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณนายหยวนไม่รู้ว่าแขกยังไม่กลับ นั่นก็หมายความว่าเธอไม่เห็นข้อความที่เขาส่งไป และก็ไม่รู้ว่าแขกยังอยู่ชั้นบน
ในเมื่อเธอไม่เห็นข้อความของเขา และไม่รู้ว่าแขกอยู่ชั้นบน แสดงว่าเธอต้องยังไม่ได้แจ้งตระกูลถังอย่างแน่นอน
ถ้าอย่างนั้น……
“แขกมาถึงหมดแล้วเหรอ? เด็กน้อยทั้งสองคนของตระกูลถังจะมาด้วยไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังไม่เห็นเลย?”เพราะว่าตอนนี้มีคนอื่นที่อยู่ในห้องรับแขกด้วย ท่านหยวนก็เลยไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้อยู่ข้างบน
“อยู่ในห้องโถงในสวนหลังบ้านน่ะ ไปดูของน่าตื่นตาตื่นใจที่คุณเก็บไว้ในนั้น เด็กน้อยทั้งสองคนต้องชอบมากแน่เลย”คุณนายหยวนไม่ได้คิดอะไรมากมาย ได้แต่ตอบคำถามของเขา
คิ้วของท่านหยวนเริ่มขมวดเข้าหากัน เกิดข้อผิดพลาดแล้วจริงๆ ด้วย คุณนายหยวนไม่ได้แจ้งตระกูลถังจริงๆ และเด็กน้อยทั้งสองคนของตระกูลถังก็มาถึงแล้ว
ในเมื่อตระกูลถังพาเด็กน้อยทั้งสองคนมาแล้ว จะให้พวกเขากลับไปตอนนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก
จากความสามารถของหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ ต่อให้ตอนนี้เขาให้เด็กน้อยทั้งสองคนกลับไปก่อน แต่ว่าเรื่องที่หัวหน้าอยากจะรู้เขาก็สามารถรู้ได้อยู่แล้ว ถ้าหัวหน้าไม่อยากรู้ เขาก็ไม่สนใจหรอกว่าจะส่งกลับหรือเปล่า
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างองค์กรโกสต์ซิตี้กับตระกูลถังมากมาย ถึงแม้ว่าถังหลินกับถังหยุนเฉิงจะถูกองค์กรโกสต์ซิตี้ทำร้ายจนเกือบจะทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศถูกปู่ยี่ปู้ยำจนป่นปี้ไปหมด
แต่ท่านหยวนก็รู้สึกว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้ไม่น่าจะทำเรื่องแบบนั้นได้ และดูจากสถานะของเขา ก็เป็นไปได้ว่าเขาจะไม่ไปโจมตีตระกูลถัง
ดังนั้นท่านหยวนคิดว่าต่อให้เรื่องของตระกูลถังจะมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้ แต่ว่ามันคงไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับหัวหน้า เกรงว่าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้จะไม่รู้เรื่องพวกนั้นซะด้วยซ้ำ
ดังนั้น หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้น่าจะไม่มีเจตนาเป็นปรปักษ์กับตระกูลถังหรอก!!
แล้วอีกอย่างก่อนหน้านี้ผู้ดูแลจ้งก็บอกอย่างชัดเจนแล้วว่า หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ไม่อยากลงมาข้างล่างเลย เพราะว่าเขาอยากจะอยู่ในห้องทำงานเพียงคนเดียว ดังนั้นเขาไม่น่าจะได้เจอกับคนอื่นๆ
แน่นอนว่า ถ้าหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของตระกูลถัง ถ้าเขาจงใจจะโจมตีตระกูลถังจริงๆ ต่อให้เขาคิดจะทำอะไรตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เผลอๆอาจจะทำให้เรื่องแย่ลงกว่าเก่าก็ได้
สู้ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า
ดังนั้น ท่านหยวนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็ไม่ได้ไปบอกท่านปู่ถังด้วยว่าตอนนี้หัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้อยู่ในห้องทำงานของเขา
ท่านหยวนคิดว่าถ้าเกิดหัวหน้าขององค์กรโกสต์ซิตี้อยากจะหลบหลีกอยู่ในห้องทำงานของเขาเงียบๆ แล้วก็ไม่ได้อยากจะลงมาด้วย แล้วถ้าเกิดว่าเขาไปบอกท่านปู่ถังตอนนี้ มันก็คงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
“ที่แท้นายก็อยู่บ้านเองเหรอ แล้วจะไปหลบอยู่ข้างบนคนเดียวทำไม? ยุ่งอะไรอยู่เหรอ?”พอท่านปู่หลี่เห็นท่านหยวนลงมาจากชั้นบนก็รู้สึกประหลาดใจ แน่นอนว่าคำพูดของท่านปู่หลี่เป็นการถามแบบธรรมชาติมาก เหมือนกับการทักทายเท่านั้นเอง ไม่มีความหมายอื่นเลย
“มีสัญญาที่สำคัญมากน่ะ”ท่านหยวนไม่ได้ตอบอะไรมาก แค่ตอบถึงเรื่องสัญญาเท่านั้นเอง เรื่องที่เขาเซ็นสัญญากับองค์กรโกสต์ซิตี้เมื่อตอนบ่ายอีกไม่นานทุกคนก็น่าจะได้รู้
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ปิดบังไม่ได้อยู่แล้ว และก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องไปปิดบังด้วย แล้วคำพูดของเขาก็ไม่ได้ถือว่าเป็นการโกหก ก็แค่เลือกบอกในสิ่งที่สำคัญเท่านั้นเอง!!