แต่ว่าเขาต้องเริ่มเรียนหนังสือตั้งแต่ตอนที่เริ่มพูดได้ เรียนรู้ความรู้ด้านต่างๆ ดังนั้น เขาก็เลยรู้อะไรมากกว่าคนทั่วไปมาก!!
ตอนเด็กๆ ครอบครัวของเด็กคนนี้น่าจะสอนความรู้ด้านนี้ให้เธอมากมาย แล้วเด็กคนนี้ก็ฉลาดเป็นพิเศษอีกด้วย แถมยังมีพรสวรรค์ในด้านนี้ ถึงได้สังเกตเห็นได้อย่างแม่นยำขนาดนี้
“คุณลุงคะ หนูพูดถูกไหม? คุณลุงเสียใจเพราะคนคนหนึ่งรึเปล่าคะ? ” ถังจื่อซียังไม่ลืมเรื่องเมื่อกี้ แล้วอีกอย่างแต่ไหนแต่ไรมา เจ้าเพื่อนตัวน้อยถังจื่อซีนี้จะเป็นคนแก้ปัญหาจากต้นเหตุเสมอ สำหรับเรื่องที่เธออยากทำแล้ว เธอไม่เคยยอมแพ้กลางทางเลย
“ใช่ ลุงเศร้าใจเพราะว่าคนคนหนึ่งน่ะ”ตอนแรกซ่างกวนหงรู้สึกว่าเขาพูดไปเด็กคนนี้ก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ว่ามันก็ชัดเจนว่าเด็กคนนี้รู้ทุกอย่าง แถมยังรู้ดีมากด้วย ในเมื่อเธอพูดถูกแล้ว ซ่างกวนหงก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไป
ในที่สุดถังจื่อซีก็ได้รับคำตอบจากซ่างกวนหง พอรู้ว่าตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิด ถังจื่อซีก็ยิ้มกว้างขึ้น
ถังจื่อซีคิดครู่หนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามอีกคำถาม “แล้วคนคนนั้นเป็นใครคะ? ภรรยาเหรอ? หรือว่าลูก? ”
ซ่างกวนหง:“……”
ซ่างกวนหงเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดว่า:“ภรรยา……หรือก็มีลูกด้วยแหละ”
ซ่างกวนหงใช้คำว่าหรือ เพราะว่าสำหรับเรื่องของลูกแล้ว ซ่างกวนหงรู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์ของเขามันค่อนข้างจะซับซ้อน
“พวกเขาเป็นอะไรเหรอคะ? ”ถังจื่อซีสัมผัสได้ถึงความเศร้าของซ่างกวนหงในตอนนี้ และก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทุกข์ใจไปกับเขาด้วย
ภรรยากับลูกของเขาเป็นอะไรเหรอ?
เมื่อกี้เห็นเขาดูเสียใจ ทุกข์ใจขนาดนั้น หรือว่าภรรยากับลูกของเขาไม่อยู่แล้วรึเปล่า?
“พวกเขา……”ซ่างกวนหงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ภรรยาของลุง ลุงตามหาเธอมาหลายปีมากแล้ว แต่ว่าก็หาไม่เจอ”
ตอนที่ซ่างกวนหงพูดประโยคนี้นั้น เสียงของเขาก็อึมครึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่ามันไม่ได้มีความเงียบสงัดที่กดดันให้คนอื่นรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนในเวลาปกติของเขา ความเศร้าของเขาก็ได้จางหายไปมากแล้ว น่าจะเพราะกลัวว่าจะทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าตอนที่คุยกับเธอนั้น มันทำให้เขาลืมความเศร้าไปโดยไม่รู้ตัว
“ถ้ายังงั้นคุณยังจะตามหาเธอเจอไหมคะ? ”ถังจื่อซีกะพริบตาปริบๆ เธอไม่ได้พูดคำพูดปลอบใจ แต่กลับถามกลับแทน
ตามหามาหลายปีก็หาไม่เจอ แล้วยังจะสามารถหาเจอได้รึเปล่า?
ซ่างกวนหงชะงักไป เขาเม้มปาก แล้วก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงได้ตอบว่า “หาไม่เจอแล้วล่ะ”
ความจริงเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะหาไม่เจอ แต่ว่าเขาไม่อยากจะยอมรับมัน ได้แต่หลอกตัวเองไปเรื่อยๆ
“ทั้งๆ ที่คุณลุงรู้ว่าหาไม่เจอแล้ว แล้วทำไมยังต้องไปตามหาอีกล่ะคะ? คุณลุงต้องไปตามหาทั้งๆ ที่หาไม่เจอ นั่นจะไม่ทำให้เสียใจ หรือทุกข์ใจมากกว่าเดิมอีกเหรอคะ? ”ความจริงแล้วถังจื่อซีไม่ได้รู้จักการปลอบคนเก่งขนาดนั้น เธอแค่มองเรื่องนี้ด้วยความคิดและความเข้าใจของเธอเอง
ซ่างกวนหงใจสั่นในทันที ใช่ ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าหาไม่เจอแล้ว แต่ก็ยังจะดึงดันไปตามหาให้ได้ ผลลัพธ์มันก็จะมีแต่ทำให้เขาเสียใจ และทุกข์ใจมากขึ้นเท่านั้น
ต้องให้เด็กห้าขวบมาบอกหลักเหตุผลนี้กับเขางั้นเหรอ?!
ความจริงไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจ แต่ว่าเขาแค่ไม่อยากเผชิญหน้ากับมันต่างหาก
เด็กคนนี้ไม่ได้แค่ฉลาด แต่ว่าเธอยังคงเฉลียวและปราดเปรียวด้วย แวววาวและเปล่งประกายมาก
“คุณแม่บอกว่า การที่เราไปทำเรื่องที่เรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีผลลัพธ์ มันเป็นการเสียเวลา เสียเวลาชีวิต คุณลุงทำแบบนี้ไม่ถูกนะคะ”เพื่อนตัวน้อยถังจื่อซีเห็นว่าซ่างกวนหงไม่พูดอะไร ก็เริ่มพูดคำพูดที่ลึกซึ้งและทรงพลัง
“หนูพูดถูก ที่ลุงทำแบบนี้ไม่ถูกเลย”สีหน้าของซ่างกวนหงดูมึนไปเล็กน้อย คำพูดนี้เขาไม่ได้แค่ตอบถังจื่อซีเท่านั้น แต่ว่ามันเป็นการบอกตัวเขาเองด้วย
เขาตามหาเธอมา 25 ปีแล้ว จากพละกำลังขององค์กรโกสต์ซิตี้ บวกกับความสามารถของเขา แต่กลับไม่ได้ข้อมูลเลยแม้แต่นิดเดียวตลอด 25 ปี แสดงว่ามันมีเพียงแค่ผลลัพธ์เดียวเท่านั้น ก็คือเธอไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
แต่ว่าเขาก็ยังหลอกตัวเองยังไม่ยอมแพ้ แม้แต่คิดด้วยซ้ำว่า จะตามเธอไป บางทีอาจจะได้เจอเธอในอีกโลกหนึ่งก็ได้
เขาได้รับการฝึกอบรมเลี้ยงดูเื่พื่อเป็นทายาทขององค์กรโกสต์ซิตี้มาตั้งแต่เด็กๆ พลังใจของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าคนอื่นมาก แต่เขาก็พบว่าหลายปีมานี้ ความคิดของเขามันลบขนาดนี้เลย
หลายปีมานี้ เขาละทิ้งอะไรไปมากมาย เขาไม่สนใจเรื่องขององค์กรโกสต์ซิตี้อีก โยนเรื่องทุกอย่างให้กับมู่เฉิงแทน
ในอดีตสิ่งที่เขามุ่งมั่นมีแต่การตามหาเธอ ไม่เคยจะคิดเรื่องอื่นมาก่อนเลย แต่ว่าคำพูดของเด็กคนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกตกใจ หลายปีมานี้เขาได้เปลี่ยนไปจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว?
คำพูดแบบนี้ แน่นอนว่าปกติไม่มีใครกล้าพูดกับเขา
การที่เขาตามหาเธอไม่มีอะไรผิด และมันก็ไม่ได้ผิดด้วยที่เขาตามหาเธอมาหลายปีขนาดนี้ ถ้าจะผิดก็ผิดที่สภาพจิตใจของเขาเอง
การที่เขาเป็นแบบนี้ ถ้าจะพูดให้ดูดีหน่อยก็คือการลุ่มหลงในความรัก ถ้าพูดแบบไม่น่าฟังก็คือการหลบหนีตัวเอง
“ถ้าคุณลุงรู้ว่ามันไม่ถูก ก็ต้องเปลี่ยนแปลงนะคะ คุณแม่เคยบอกว่าถ้าเรารู้ว่าผิดเราก็ต้องเปลี่ยนแต่”แน่นอนว่าถังจื่อซีไม่รู้ว่าซ่างกวนหงกำลังคิดอะไรอยู่ เธอก็แค่พูดตามความคิดของตัวเองเท่านั้น
“อืม ลุงจะเปลี่ยน”ซ่างกวนหงยกนิ้วฝีปากขึ้น ถึงแม้ว่าเส้นโค้งของริมฝีปากเขายังดูแข็งทื่อ แต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจขึ้น
เขาควรจะเปลี่ยนตัวเอง การตามหาเธอไม่ใช่เรื่องผิด แล้วเขาก็ไม่เคยรู้สึกว่ามันผิดด้วย แต่ว่าทัศนคติของเขานั่นแหละที่มันผิด ดังนั้นเขาก็เลยต้องเปลี่ยนที่ทัศนคติของตัวเอง
ในเมื่อตามหาเธอไม่เจอจริงๆ เขาก็ไม่ควรจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพที่แย่ขนาดนี้
เมื่อก่อนเขาดูถูกพวกคนที่เวลาเจอเรื่องอะไรก็หนี แต่ว่าตอนนี้ตัวเองกลับกลายมาเป็นคนแบบนั้นแทน
“คุณลุงคะ เมื่อกี้คุณลุงบอกว่าหากภรรยาไม่เจอ แล้วลูกล่ะคะ? ”ความสำคัญของถังจื่อซีค่อนข้างดี เธอจำได้ว่าเมื่อกี้ซ่างกวนหงพูดถึงลูกด้วย แต่ว่าซ่างกวนหงบอกแค่ว่าหากภรรยาไม่เจอ แต่ไม่ได้บอกว่าหาลูกไม่เจอด้วย
“ลูกเหรอ? ”ซ่างกวนหงพึมพำออกมา สีหน้าค่อนข้างซับซ้อน แต่ก่อนเขาแน่ใจมากว่าเขามีลูกหนึ่งคน แต่ว่าตอนนี้เขาไม่ค่อยแน่ใจแล้วว่าควรจะเชื่อความรู้สึกนั้นไหม ไม่รู้ว่าควรจะตามหาต่อไปหรือเปล่า
“ลูกคุณลุงก็ตามหาไม่เจอเหมือนกันเหรอคะ? ”ถังจื่อซีเห็นท่าทางเขาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามเพิ่ม
“เปล่า”ซ่างกวนหงปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ว่าหาไม่เจอหรอก แต่ว่าลุงยังไม่ได้หาเลย”
ตั้งแต่แรก อะเหลียงบอกว่ามีความเป็นไปได้ว่าถังฉิ้นเอ๋อจะเป็นลูกสาวของเขา เขาก็เลยเทความสนใจทั้งหมดไปที่ถังฉิ้นเอ๋อ ก็เลยไม่ได้ให้คนไปตามหาเพิ่ม
แต่ว่าผลตรวจDNAที่เพิ่งออกมาเผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่าถังฉิ้นเอ๋อไม่ใช่ลูกของเขา ดังนั้นเขาก็เลยเอาแต่จมดิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่อยากไปเผชิญหน้ากับผลลัพธ์
การต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ เขาเลือกที่จะหลบหนีมันอีกครั้ง
เขาเป็นแบบนี้ก็ไม่ถูก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยแน่ใจว่าความรู้สึกของตัวเองมันถูกต้อง แต่เขาก็ไม่ควรจะยอมแพ้ไปแบบนี้ ยังไงเรื่องของลูก เขาก็ยังไม่เคยไปทำอะไรเลย
“แล้วทำไมถึงไม่ตามหาล่ะคะ? ถ้าหาได้ คุณลุงก็ควรจะไปหา ส่วนที่หาไม่ได้ก็ไม่ควรจะไปเสียเวลา แต่ถ้าเรามีโอกาสที่จะตามหาเจอแล้วเราก็ไม่ควรจะยอมแพ้มัน”ถังจื่อซีกะพริบตา เธอรู้สึกว่านี่มันเป็นเหตุผลที่ง่ายมาก หรือว่าคุณลุงไม่รู้อย่างนั้นเหรอ?
“ใช่ หนูพูดถูก ลุงควรจะไปหา ไปตามสืบ”ซ่างกวนหงยิ้ม เขารู้สึกว่าหลายปีมานี้เขาดันทุรังและดื้อดึงเกินไป
แต่ว่าเขากลับหลีกเลี่ยงในเวลาที่สำคัญที่สุด
แม้แต่ตอนที่อะเหลียงบอกเขาว่าถังฉิ้นเอ๋ออาจจะเป็นลูกสาวของเขา เขากลับไม่ได้ไปสืบในทันที แต่เอาแต่รออยู่แบบนั้น
หรือบางที เขาอาจจะหนีมาตั้งแต่ต้น กลัวว่าเรื่องราวมันจะไม่เป็นเหมือนที่เขาคาดหวัง ก็เลยกลัวที่จะไปเผชิญหน้ากับมัน
ความจริงแล้ว ตอนที่เขาได้ฟังที่อะเหลียงพูดว่าถังฉิ้นเอ๋ออาจจะเป็นลูกสาวของเขา สิ่งแรกที่เขาต้องทำก็คือไปตรวจสอบ ถ้าเกิดว่าเขาอยากจะทำเมื่อไหร่ ต่อให้ตระกูลถังจะเก่งกาจแค่ไหน ก็ไม่สามารถขวางเขาได้หรอก
แต่ว่าเขากลับไม่ทำอะไรเลย
แม้แต่ตอนสุดท้าย เขาก็ยังไม่ได้คิดจะทำอะไร จนมู่เฉิงไม่ยอมแพ้ ตัดสินใจจะไปตรวจ DNA ให้ได้
แต่ปรากฏว่าผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นเหมือนที่เขาคาดหวังไว้จริงๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มหลบหนีอีกครั้ง
“คุณลุงคะ ถ้าเกิดว่าคุณลุงตามหาลูกเจอแล้วต่อไปก็จะมีคนอยู่กับคุณลุง คุณลุงก็จะมีคนในครอบครัวแล้ว แล้วก็จะไม่ทุกข์ใจอีกแล้วค่ะ” ในที่สุดถังจื่อซีก็ยิ้มอีกครั้ง ดูท่าทางคุณลุงคนนี้จะเชื่อฟังมาก พอรู้ว่าผิดก็ต้องแก้ ดีมาก ดีมากเลย
“อืม หนูพูดถูกแล้ว”ซ่างกวนหงรู้สึกชอบฟังสาวน้อยคนนี้พูดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกประโยคที่เธอพูดออกมามันสอดคล้องกับความในใจของเขามาก
เขาหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 25 ปีก่อน และเขาก็รักผู้หญิงคนนั้นมาก แต่ว่าเขาก็แน่ใจ ว่าเธอไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว !!