ซ่างกวนหงรับโทรศัพท์ สายตาถูกรูปโปรไฟล์ของหลินฉือดึงดูดความสนใจ ด้วยความจับพลัดจับผลู เขากดเข้าไปดู Momemt ของหลินฉือ…
ในนั้นมีรูปส่วนตัวของหลินฉืออยู่ไม่น้อย ซ่างกวนหงไล่ดูทีละรูปๆ เหมือนกับหลินหว่านมากจริงๆ ที่ต่างก็คือ หลินหว่านเป็นพวกอ่อนนอกแข็งใน มองแค่เพียงภายนอก ดูอ่อนโยนไปทั้งตัวราวกับสายน้ำ แต่หลินฉือนั้นหยิ่งยโส จะขมวดคิ้วจะยกยิ้มล้วนแฝงไปด้วยความดึงดูดที่ยากจะปฏิเสธ ความทะนงของเธอแผ่ออกมาจากในกระดูก ไม่เหมือนหลินหว่าน…ที่ก้นบึ้งของหัวใจแท้จริงแล้วรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำ
ปู่…คุณปู่? ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่มองการกระทำแปลกประหลาดของซ่างกวนหง เอ่ยถามไถ่อย่างอดไม่ได้
ซ่างกวนหงตอบสนองในฉับพลัน ตนเองถึงกับเสียกิริยาไป เขาถอนหายใจ ฉันคิดไม่ถึงเลย ตอนนี้ยังสามารถเห็นข่าวคราวที่เกี่ยวกับเธอได้
? มู่เฉิงงงงัน นี่มันอะไรกัน เรื่องราวที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ว่า? ทำไมพ่อบุญธรรมถึงได้สนใจขนาดนี้?
ผู้ดูแลจ้งขยับเข้ามาดูเล็กน้อย เด็กสาวคนนี้…ช่างเหมือนกับคุณหนูหลินจริงๆ ผู้ดูแลจ้งมองซ่างกวนหงอย่างไร้ร่องรอยแวบหนึ่ง คนที่ไม่ได้พบมานานขนาดนี้ ท่านหัวหน้ายังคงละอายใจอยู่จริงๆสินะ?
พ่อบุญธรรม? ที่ท่านพูดเมื่อครู่หมายความว่าอะไร? มู่เฉิงมองถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ ท่าทางของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาเช่นกัน เป็นเรื่องราวในอดีตนานมาแล้ว แต่ทำไมสีหน้าท่าทางของพวกเขาถึงจริงจังขนาดนี้ หรือว่าตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?
ซ่างกวนหงไม่ได้ตอบในทันที เขาคล้ายจะถามยืนยัน นายบอกว่า เธอชื่อหลินฉือ? เธอเป็นคนมอบเครื่องประดับดอกทานตะวันชุดนี้ให้จื่อซีหรือ?
ใช่ครับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ? มู่เฉิงเครียดเกร็งขึ้นมาทั้งร่าง ทำไมถึงรู้สึกว่า อารมณ์ของพ่อบุญธรรมแปลกประหลาดนัก? ความแปลกประหลาดนี้ ไม่ใช่เพราะเขาสงสัยว่าพ่อบุญธรรมมีความสัมพันธ์อะไรกับผู้หญิงคนนั้น แต่เป็นความรู้สึกใกล้ชิดบางอย่าง ไม่ใช่ความรัก เหมือนมิตรภาพเนิ่นนานหลายปีเสียมากกว่า? ครอบครัวหรือ? แต่ก็ไม่เหมือน มู่เฉิงสับสนวุ่นวาย
ซ่างกวนหงถอนหายใจเฮือก ถ้าไม่ได้พบกันอีก เขาจะไม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดตลอดไป แต่ถ้าหากได้พบ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง เขาครุ่นคิด ควรจะเริ่มพูดจากตรงไหนดีนะ?
ดวงดาวของพระจันทร์ ฉันไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีความเกี่ยวพันกับเธอ ซ่างกวนหงถอนหายใจ หลินหว่าน? ชื่อนี้ เขาเอ่ยถึงน้อยยิ่งนัก คนที่รู้จักและยังจำคนคนนี้ได้ เกรงว่าจะมีแค่ผู้ดูแลจ้งเท่านั้นกระมัง?
สายตาของซ่างกวนหงกวาดมองคนที่อยู่รอบๆ เขาลูบหัวถังจื่อซี แล้วพูดช้าๆ ตอนเด็กๆ เพราะเหตุผลบางประการ หลินหว่านอาศัยอยู่ที่องค์กรโกสต์ซิตี้ ตอนอายุประมาณเจ็ดขวบก็ออกไป ตอนนั้น ระหว่างพวกเราไม่ได้มีความรู้สึกใดๆกัน หรือจะพูดว่า ไม่รู้สึกว่ามีความรู้สึกก็ได้ ฉันไม่เคยสนใจเลย น้อยมากที่จะมีคนทำให้อารมณ์ฉันผันแปรได้ บอกว่าเลือดเย็นไร้ความรู้สึกก็ไม่ผิดนัก
มู่เฉิงสูดลมหายใจ เขารู้ว่าพ่อบุญธรรมเย็นชา แต่ไม่เคยคิดว่า จะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เด็ก แต่พูดออกมาต่อหน้าถังจื่อซีถังจื่อโม่ จะทำให้พวกเขาคิดว่าความรู้สึกที่ซ่างกวนหงมีให้คุณยายของพวกเขาไม่ลึกซึ้งหรือไม่! กับเธอก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน! แต่ซ่างกวนหงไม่คิดจะหยุด
เพียงแต่ว่า หลินหว่านเชื่อฟังมาโดยตลอด ไม่เคยรบกวนฉันเลย พวกเราต่างคนต่างจัดการเรื่องของตัวเองอยู่ร่วมกันอย่างไมตรีสุข ฉันรู้ถึงการมีอยู่ของเธอแต่ก็ไม่ได้เบื่อหน่าย บางครั้งพบกันยังพูดคุยสองสามประโยค แต่ก็ไม่เคยสนทนากันอย่างจริงจัง ยิ่งไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งอะไร ซ่างกวนหงสีหน้าเรียบเฉยมาโดยตลอด หลินหว่านกับเขา เป็นคนที่มีนิสัยเหมือนกัน เย็นชา ไร้อารมณ์ ไม่สนใจความคิดของคนภายนอกสักนิด บางทีอาจเพราะตอนเด็กๆคอยอยู่เป็นเพื่อนไปโดยปริยาย หรือไม่ก็เป็นเพราะหลินหว่านรู้ความทั้งยังอายุน้อยไร้ซึ่งความรู้สึก ทำให้หลังจากที่เขาเข้าใจความรู้สึก แล้วย้อนคิดไปถึงตอนเด็กๆ จดจำหลินหว่านผู้นี้ได้
หลังจากที่หลินหว่านจากไป พวกเราไม่เคยติดต่อกันเลย พบกันอีกครั้งก็ตอนที่ฉันตามหาฉิ้นเอ๋อ ตอนนั้นจู่ๆก็มีข่าวคราวของฉิ้นเอ๋อ ฉันรีบไป สภาพจิตใจไม่ดีนัก พลัดเข้าไปในการลอบสังหาร ซ่านกวนหงพลันรู้สึกโชคดี ยังดีที่ตนยังอยู่ ยังมีลูกสาวคนหนึ่ง ยังมี…ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ เขาไม่ได้โดดเดี่ยวเพียงลำพัง
คนที่พวกนั้นต้องการฆ่าไม่ใช่ฉัน ฉันผ่านไปที่นั่น พบกับการลอบสังหารในครั้งนั้น ตอนนั้นเป้าหมายได้ตายไปแล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่มีความสนใจ หนึ่งเพราะไม่เกี่ยวกับฉัน สองเพราะฉันไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเป็นฝ่ายมาตอแยองค์กรโกสต์ซิตี้ แต่คิดไม่ถึงว่าคนพวกนั้นจะขาดสติ ไม่ยอมปล่อยใครก็ตามที่ได้พบเจอ อีกทั้งยังคิดว่าฉันเป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่ง เปิดฉากสังหารฉัน ฉันหาฉิ้นเอ๋อไม่เจอมาตลอด ดังนั้นจึงออกไปผ่อนคลายอารมณ์คนเดียว คนพวกนั้นลงมือในเวลานั้น เรื่องนี้ นับเป็นความผิดพลาดจำนวนน้อยครั้งในชีวิตเขา เป็นสาเหตุของเขา เขากระจ่างใจดี แต่เพราะตอนนั้นจิตใจสับสนวุ่นวาย จึงไม่ได้สังเกตโลกภายนอก
ซ่างกวนหงก็ไม่ได้คิดจะปิดบัง พูดออกมาตรงๆ ถ้าหากเป็นตอนปกติ เรื่องราวเช่นนี้ไม่มีทางสำเร็จแน่ แต่ประจวบเหมาะกับตอนที่มีข่าวคราวของฉิ้นเอ๋อพอดี ใจฉันสับสนวุ่นวายไปหมด คนพวกนั้นยังเป็นนักฆ่ามืออาชีพ โดยไม่ระวัง ตอนรู้สึกตัวอีกทีก็โดนคนผลักออกแล้ว คนคนนั้นก็คือหลินหว่าน
ทุกครั้งที่ซ่างกวนหงคิดถึงล้วนต้องรู้สึกละอายใจ ถ้าแค่เพียงเท่านี้ เขาคงไม่ถึงกับจดจำได้นานขนาดนี้ ไม่คิดพูดถึงอีกตลอดไป
มู่เฉิงไม่กังวลใจแล้ว อย่างน้อย ซ่างกวนหงก็ยังเป็นซ่างกวนหงผู้นั้น ไม่ใช่ชายที่จะอ่อนโยนกับทุกคน หลินหว่าน บางทีอาจเพราะปรากฏตัวได้ประจวบเหมาะเข้าพอดี ทั้งยังมอบชีวิตให้พ่อบุญธรรม ดังนั้น พ่อบุญธรรมถึงได้ระลึกถึงไม่ลืมเลือนมานานถึงเพียงนี้ มู่เฉิงคิดเช่นนี้ ไม่ได้คิดเรื่องราวซับซ้อนอะไรเลย
ซ่างกวนหงกลับพูดเล่าต่อไปทีละน้อย ถ้าเพียงแค่เท่านี้ หลินหว่านตายไปตอนนั้น ฉันคงจะซาบซึ้งใจต่อเธอ มีเพียงความละอายใจ คงไม่จดจำมานานขนาดนี้
มู่เฉิงงงงวย ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ฟังเงียบๆ ผู้ดูแลจ้งถอนหายใจอยู่ข้างๆ
ตอนนั้นหลินหว่านไม่ได้ตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซ่างกวนหงเย็นชามาก คนที่เขาสนใจก็มีน้อยยิ่ง แต่ก่อนไม่สนใจหลินหว่าน และไม่คิดจะปฏิบัติต่อเธออย่างจริงจัง ตอนนี้ ซ่างกวนหงซาบซึ้งในบุญคุณที่เธอช่วยชีวิต เพียงรู้สึกว่าช่วยเธอกลับได้ก็พอ จากนั้นก็ถามหลินหว่านว่าต้องการอะไร เขาจะชดเชยให้เธออย่างเต็มที่ แต่หลินหว่านไม่ให้โอกาสนี้กับเขา ยังจัดการทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ
ตอนนั้นองค์กรโกสต์ซิตี้รักษาหลินหว่านอย่างสุดความสามารถ หลินหว่านค่อยๆรู้สึกตัว เวลานั้น เธอพูดเรื่องที่ออกจากองค์กรโกสต์ซิตี้ เธอแต่งงานแล้ว มีลูกสาวคนหนึ่ง เธอพูดเยอะมาก ฉันลืมไปหมดแล้ว ซ่างกวนหงนวดขมับ เรื่องราวในตอนนั้น ดูเหมือนจะยาวนานมากแล้วจริงๆ ตอนนั้นหลินหว่านพูดอะไร สมองแทบจดจำไม่ได้แล้ว
ฉันกับหลินหว่านล้วนเย็นชาอย่างยิ่งกับคนที่ไม่สนใจ เรื่องที่ไม่สนใจ ฉันสงสัยมาก ทำไมตอนนั้นหลินหว่านถึงช่วยฉัน เพราะถ้าเป็นเรื่องที่เหมือนกัน ฉันคงไม่สนใจ แต่หลินหว่านกลับเป็นฝ่ายช่วยฉัน
หลินหว่านนิ่งเงียบไปนาน เธอบอกฉันว่า เพราะตอนที่เธออยู่ที่องค์กรโกสต์ซิตี้ มีครั้งหนึ่งตกจากการปีนเขาจำลอง เป็นฉันที่พาเธอกลับไป ซ่างกวนหงจำได้ ตอนที่หลินหว่านพูดเรื่องนี้ เขาใช้เวลานานมากกว่าจะนึกออก ตอนนั้นเขาแค่รู้สึกว่า หลินหว่านเงียบดี คงไม่มากวนเขา ดีมากๆ ตอนที่เห็นหลินหว่านร้องไห้ คิดว่าร้องไห้ยังเงียบเชียบขนาดนี้ ต่อไปยิ่งไม่มีทางรบกวนเขา หลินหว่านจะอยู่ก็อยู่ไปเถอะ ถือเสียว่าเป็นอากาศไปก็ได้ แต่ว่าฉันก็ยังพาเธอกลับไป หาคนมาดูแผลให้เธอ
ซ่างกวนหงไม่เก็บเรื่องราวมาใส่ใจ นี่เป็นความใจอ่อนเป็นครั้งคราวโดยแท้ ไม่นำพาความรู้สึกใดๆทั้งนั้น หลินหว่านกลับจดจำไว้ในใจอยู่เสมอ ดังนั้นซ่างกวนหงจึงไม่รู้จะพูดอะไร นั่งอยู่เงียบๆ หลินหว่านคล้ายมองออกถึงความไม่สนใจของเขา จึงหัวเราะขึ้นมาเอง
หลินหว่านบอกว่า เป็นเพราะการช่วยเหลือครั้งนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่า ตนเองสามารถอยู่ในองค์กรโกสต์ซิตี้ได้ อยู่ที่นี่ เธอจะไม่ใช่คนที่เป็นอากาศธาตุ ไร้ซึ่งการมีตัวตนอีกต่อไป เรื่องนี้ทำให้เธอยืนหยัดข้ามผ่านช่วงเวลาที่อาศัยอยู่กับผู้อื่นในองค์กรโกสต์ซิตี้ได้ ต่อให้ภายในใจยังคงรู้สึกต้อยต่ำ แต่ก็ไม่หมดกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป ซ่างกวนหงในตอนนั้นไม่เข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ จากมุมของเขา บนโลกนี้ ไม่น่าจะมีของที่เขาหามาไม่ได้ ต่อให้ตอนนั้นจะหาฉิ้นเอ๋อไม่เจอ เขาก็ต้องมีสักวันที่หาพบจนได้
ช่วงนั้น หลินหว่านพักผ่อนเพื่อรักษาบาดแผลอยู่ตลอด ฉันแทบไม่ได้ไปดูเธอ เธอเงียบเหมือนตอนเด็กๆ ทำเรื่องราวของตัวเอง ไม่เคยพูดว่าต้องการเจอฉัน หรือรบกวนฉันมาก่อน จนบางครั้งฉันถึงขึ้นลืมคนคนนี้ไป ซ่างกวนหงพูด ในใจของเขา หลินหว่านไม่มีความมีตัวตนใดๆเลยจริงๆ อีกอย่างหลินหว่านก็ไม่เคยคิดว่าตนเองช่วยชีวิตเขา แล้วคนในองค์กรโกสต์ซิตี้จะต้องซาบซึ้งในบุญคุณของเธอ เธอรักษาบาดแผลอย่างเงียบสงบมาโดยตลอด จัดการทำเรื่องของตัวเองอย่างเงียบๆ