ใช่เหรอ? เอาเถอะ คุณบอกว่าฉันไปอ่อยแฟนของคุณ ไม่สิ คู่หมั้นของคุณ ถ้าย่างนั้นเขาคือใคร? ในเมื่อคุณมาเกรี้ยวกราดใส่ฉัน แล้วเขาคือใคร? คุณก็น่าจะรู้สิ ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลักฐานล่ะ? ในเมื่อมาหาเรื่องกันแล้ว ก็อย่ากลัวที่จะถูกหาเรื่องกลับ หลิวหยิงเข้าใจดี อย่าว่าแต่ช่วงหลายปีมานี้เธอไม่เคยไปติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหนเลย ถึงต่อให้มี ถ้าเกิดมีหลักฐาน ซือถูมู่หรงก็คงจะจัดการให้เรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย
จู่ๆหลิวหยิงก็รู้สึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเกิดตอนนี้ ซือถูมู่หรงติดตามเธออยู่ ก็จะไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าตัวเองจะจัดการได้ก็ตาม แต่ว่า……เธอก็ไม่อยากให้แม่พลอยเดือดร้อนไปด้วย
คุณแม่หลิวรู้สึกเป็นกังวลใจขึ้นมาทันที ต้องเคยผ่านเรื่องราวแบบไหนมาบ้าง หลิวหยิงถึงได้พูดคำพูดนี้ออกมาได้อย่างสงบนิ่งแบบนี้? ดูเหมือนว่าไม่สนชื่อเสียงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย คุณแม่หลิวก็ยิ่งรู้สึกเสียดายมากขึ้นไปอีก ที่ตอนแรกไม่ได้อยู่ข้างกายของหลิวหยิง
เธอชื่อหลิวหยิง เธอนี่แหละที่มาอ่อยคู่หมั้นของคนอื่น ยังจะมาเล่นลิ้นอีกเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกดีใจที่จดจำชื่อชื่อนี้ได้ ในตอนนี้ก็ยิ่งยื้อแย้งชื่อนี้เอาไว้ไม่ยอมปล่อย ใจลึกๆของเธอเชื่อว่าตอนนี้หลิวหยิงกำลังอยู่ในฝั่งที่ไร้เหตุผลไม่น่าเชื่อถือ เธอจะต้องตื่นตระหนกแล้วเผยไต๋ออกมาแน่นอน
น่าเสียดาย เธอไม่เข้าใจหลิวหยิงเลย แล้วก็ยิ่งไม่เช้าใจความสัมพันธ์ของหลิวหยิงกับซือถูมู่หรงอีกด้วย มือที่สาม? เข้ามาแทรกแซงความรู้สึกของคนอื่น? หลิวหยิงไม่เคยทำมาก่อน แน่นอนว่าไม่มีทางรู้สึกผิดแน่นอน
แล้ว ที่คุณพูดหมายถึงใคร? คนที่ฉันไปอ่อยไม่ใช่แฟนของคุณแล้วก็ไม่ใช่คู่หมั้นของคุณ? แล้วอย่างนั้น คุณรู้ดีขนาดนั้นได้ยังไง หลิวหยิงถามกลับ เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ในเมื่อคนที่พูดถึงไม่ใช่คู่หมั้นของเธอ แล้ว เธอกับคู่หมั้นของคนอื่นอยู่ใกล้ชิดกัน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรน่ะสิ!
เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เธอเห็นกับตาของตัวเองว่าเธอไปอ่อยคู่หมั้นของเธอ! ผู้หญิงคนนั้นกล่าวหาตำหนิด้วยความที่อยู่เหนือกว่า ดูเหมือนว่าหลิวหยิงจะไปกลั่นแกล้งรังแกเธอเข้าแล้ว แต่เดิมนี่มันเป็นเรื่องปกติทั่วไป ถึงขนาดเป็นเรื่องที่แอบมีความรู้สึกที่ดีด้วยซ้ำ ถึงยังไงการที่มาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนสนิท ผู้คนมากมายก็มีความสุขใจที่ได้เห็นอยู่แล้ว
หลิวหยิงยกคิ้ว นี่มันมั่วซั่วกันเกินไปไหม? ใส่ร้าย? การมาใส่ความให้ร้ายกันโดยที่ไม่มีการคิดวางแผนเลยแม้แต่นิดเดียวแบบนี้ มีช่องโหว่อยู่ไม่น้อย จะมีใครช่วยเธอทำให้มันเนียนๆหน่อยได้ไหม? หลิวหยิงรู้สึกคาดหวังอยู่ไม่น้อย เธออยากจะดูสักหน่อยว่าคนที่อยู่ในมุมมืดคือใคร ก็เลยอยู่เล่นเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนี้ต่อ คนที่คุณบอกว่าฉันไปอ่อยคนนั้นคือใคร? ไป๋ยี่? ไป๋รุ่ย? ซือมู่? ขอโทษนะผู้ชายของฉันค่อนข้างเยอะน่ะ
หลิวหยิงพูดขึ้นอย่างไม่สนใจเลยสักนิด ดูเหมือนว่าข้างกายของเธอจะมีคนเหล่านี้อยู่จริงๆ
ผู้หญิงตรงหน้านี้เริ่มรู้สึกสับสนอยู่ไม่น้อย นี่มันถือว่าแฉตัวเองหรือเปล่า? แถมเธอพูดเรื่องนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยได้ยังไง? สีหน้าดูถูกของผู้หญิงคนนั้นดึงดูดสายตาที่ดูหมิ่นดูแคลนของผู้คนรอบข้าง หลิวหยิงไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว จ้องมองแค่ผู้หญิงคนนั้นคนเดียว
ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังขี่หลังเสือยากที่จะลงแล้ว นี่มัน ควรพูดสุ่มมาสักชื่อไหม? แต่ คนคนนั้นไม่ได้พูดนี่นา แค่บอกว่าคู่หมั้นของเธอสกุลซือถูเท่านั้น ใช่ซือมู่นั่นใช่ไหม?
ดูท่าคงจะไม่ใช่ทั้งหมดสินะ หลิวหยิงเห็นผู้หญิงคนนั้นไม่ตอบ ก็พูดถามขึ้นมาต่อ ในเมื่อคุณไม่รู้ แล้วกล้าดียังไงมากล่าวหาตำหนิฉัน? เพื่อนของคุณไม่บอกอะไรเลยเหรอ?
เหอะๆ ผู้หญิงคนนั้นสบถอย่างเย้ยหยัน เพื่อนของฉันถูกทำร้ายจนไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าวกินปลา แถมยังไม่ให้พวกเรามาหาเธออีก บอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเธอ ใครจะไปรู้ว่าเธอจะมีท่าทีแบบนี้? ถ้าครั้งนี้ไม่ได้มาเจอเธอ ใครจะอยากมาหาเพื่อจงใจพูดเรื่องแบบนี้กับเธอไม่ทราบ? เดิมทีแค่อยากจะพูดกับเธอแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น ว่าให้อยู่ห่างจากคู่หมั้นของคนอื่นหน่อย คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่มีทีท่าที่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยขนาดนี้
ฉันไม่รู้จักแม้กระทั่งว่าคู่หมั้นของคุณคนนั้นคือใคร แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันได้ไปอ่อยเขาไหม หลิวหยิงพูดออกมาอย่างง่ายๆ เธอตั้งใจ คำพูดนี้มันย้อนแย้งกัน ตั้งใจฟังดีๆก็จะฟังออก แต่ผู้หญิงตรงหน้านี้ดันดูเหมือนว่าจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
หลิวหยิงคิดถึงสิ่งล่อตาล่อใจที่อ่อนโยน ถ้าอย่างนั้นคุณพูดถึงใคร คงจะไม่ได้ให้ฉันแบกความผิดนี้เอาไว้อย่างไม่มีเหตุมีผลไปตลอดหรอกใช่ไหม? คู่หมั้นที่คุณพูดถึงคือใครล่ะ
ผู้หญิงคนนั้นกัดฟันกรอดๆ พูดขึ้น ซือมู่ ซือมู่นั่นแหละ คู่หมั้นของฉันก็คือเขา ดังนั้น คุณยอมรับแล้วสินะว่าไปอ่อยเขา?
หลิวหยิงกรอกตามองบน อ่อย? คุณแน่ใจเหรอ? คุณแน่ใจเหรอว่าคุณเป็นคู่หมั้นของเขา? ฉันคิดๆดูแล้ว ดูเหมือนว่าเมื่อวานฉันยังอยู่ด้วยกันกับเขาอยู่เลย เขาบอกว่าไม่มีคู่หมั้น การโกหกหน้าด้านๆแบบนี้ เมื่อก่อนหลิวหยิงทำไม่เป็น ตอนนี้……รู้สึกว่าพอได้อยู่ ถึงยังไง ตอนนี้ตัวเองก็เป็นผู้เสียหาย
ผู้หญิงคนนั้นถูกหลิวหยิงพูดจนอึ้งตะลึงไป เชื่อคนง่ายๆได้ยังไง? เธอยอมรับแล้วเหรอ? แถมท่าทีแบบนี้? นี่มันเรื่องอะไร? เธอรู้สึกได้ถึงสายตาดูถูกดูแคลนของผู้คนรอบข้าง ถึงแม้ว่าจะจ้องมองหลิวหยิง แต่เธอก็รู้สึกไม่ดี สายตานี้มันราวกับว่ากำลังจับจ้องมาที่เธอ แถมเธอก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีมากๆด้วย ผู้หญิงตรงหน้ามีแผนการชั่วร้ายอื่นที่กำลังรอเธออยู่
แต่ว่าเธอแสร้งทำเป็นสงบใจเย็น พูดกล่าวหาใส่ร้ายต่อ แล้วเธอคบกับเขาแล้วเหรอ?
ก็ถือว่าใช่นะ ถึงยังไง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันคบกับคู่หมั้นของคุณ หรือว่าคบกับคู่หมั้นของเพื่อนคุณกันแน่ หลิวหยิงไม่มีอารมณ์จะเล่นต่อไปอีกแล้ว พูดถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ ท่าทางที่เอนหัวเล็กน้อยแฝงไปด้วยความไร้เดียงสาของเด็ก คนที่อยู่ข้างๆรู้สึกเหมือนถูกเขย่า ผู้หญิงคนนี้ จู่ๆก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับเธอได้คิดวางแผนคำนวณเอาไว้แล้ว พวกเขามองไปยังผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของหลิวหยิง สายตามองสำรวจ ใช่…..คู่หมั้นที่คนคนนี้พูดถึง เป็นของใครกันล่ะ? คงจะไม่ใช่สมมติขึ้นมาลอยๆหรอกใช่ไหม
ผู้หญิงคนนั้นหน้าเริ่มแดง เธอคิดไม่ถึงว่าพูดออกมาได้ไม่กี่ประโยคก็เผยไต๋ออกมาแล้ว สิ่งที่ยิ่งคิดไม่ถึงก็คือ ผู้หญิงตรงหน้านี้เป็นคนแบบนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าตนเองได้ไปอ่อยผู้ชายคนไหน หรือไปแทรกแซงความรู้สึกของคนอื่นหรือเปล่า เป็นไปได้ยังไงกัน?
หลิวหยิงมองเธอ ส่ายหัวไม่ได้พูดอะไร ถ้าเกิดเป็นซือถูมู่หรง ถ้าอย่างนั้น สำหรับเธอแล้วก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น แต่ที่หลิวหยิงสงสัยก็คือใครกันแน่ที่จะทำเรื่องเด็กๆแบบนี้? แถม ดูเหมือนจะคิดไว้แล้วว่ามันไม่สำเร็จ ไม่มีทางได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการได้ แต่ก็ยังจะทำแบบนี้อยู่ ขอแค่ให้ตนเองถูกหัวเราะเยาะก็พออย่างนั้นเหรอ?
หลิวหยิงไม่คิดว่าจะมีคนที่หน่อมแน้มขนาดนี้ แต่ในเรื่องของความรัก มักจะมีคนที่ไม่มีเหตุมีผลอยู่เสมอ หลิวหยิงไม่อยากครุ่นคิดถึงปัญหานี้ ยิ้มให้กับผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะหันตัวเดินจากไป
ส่วนข้างหลังจะซุบซิบพูดคุยอะไรกันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องไปใส่ใจ
หลิวหยิงไม่ได้พาแม่มาด้วยกัน หลังจากที่เธอเข็นของไปคิดเงินแล้วก็รออยู่ตรงประตู ไม่นานคุณแม่หลิวก็ออกมา สีหน้าของเธอนิ่งลึก แต่กลับเห็นหลิวหยิงมองเธอพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
แม่ ทางนี้! หลิวหยิงทักด้วยความดีอกดีใจ เหมือนกับว่าเรื่องเมื่อตะกี้นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ในความจริงแล้ว ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรเลยจริงๆ
หลิวหยิงเดินตรงเข้าไป ช่วยหลิวหยิงเอาของไปไว้ในรถ ตอนที่กำลังขับรถกลับบ้าน ก็พูดถามขึ้น หยิงเอ๋อร์ เมื่อตะกี้นี้คนคนนั้น?
หนูไม่รู้จัก น่าจะเป็นคนที่มาหาเรื่องน่ะคะ ถ้าเกิดไม่เห็นเงาคนที่โผล่แวบออกมาเงานั้น หลิวหยิงก็จะรู้สึกว่าแปลกประหลาด แต่พอเห็นคนคนนั้นแล้ว หลิวหยิงก็รู้ว่าจริงๆแล้วมีคนมาหาเรื่องแน่นอน อาจจะเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นตัวเองไม่มีทางสลัดหนีออกมาง่ายๆขนาดนี้แน่นอน ส่วนจะเป็นใครนั้น หลิวหยิงคิดว่าน่าจะหนีไม่พ้นซือถูมู่หรง
หยิงเอ๋อร? เมื่อตะกี้ลูกไม่น่าพูดขนาดนั้นเลย พอคุณแม่หลิวคิดถึงคำพูดของหลิวหยิงก็รู้สึกว่าเจ็บปวดใจ ที่ลูกสาวของเธอเป็นคนที่ไม่รักตัวเองเลย ในสถานการณ์แบบนั้นเมื่อตะกี้นี้ ไม่มีโต้เถียงแก้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังยอมรับอีก ถ้าเกิดภายหลังไม่ได้ชี้แจงให้ชัดเจนล่ะ? เธอก็จะต้องแบกรับความผิดนี้ไปตลอดใช่ไหม?
อะไรเหรอคะ? หลิวหยิงไม่เข้าใจความหมาย เมื่อตะกี้ เธอไม่ได้พูดอะไรที่มันมากเกินไปใช่ไหม? ทำไมการแสดงออกของแม่ถึงเข้มงวดขนาดนี้?
คุณแม่หลิวเม้มปาก เธอพูดขึ้นอย่างจริงจัง เมื่อตะกี้ลูกน่าจะพูดหักล้างกลับไป ไม่ควรจะไปยอมรับตรงๆ ลูกจะให้คนอื่นคิดยังไง? คุณแม่หลิวพอนึกถึงสายตาที่คนอื่นๆมองหลิวหยิงก็รู้สึกยากที่จะรับไหว สายตาดูถูกดูแคลนของคนพวกนั้นเมื่อตะกี้นี้ ต่างพากันจับจ้องไปที่หลิวหยิง เธอสามารถรับรู้ได้ว่าความรู้สึกอึดอัดอับอายนั่น สายตาแบบนั้น ราวกับว่ากำลังจับจ้องมาที่ตนเองเหมือนกัน
หลิวหยิงอึ้งตะลึงไป เธอยิ้มอมทุกข์ แม่ สถานการณ์เมื่อตะกี้แม่ก็เห็นแล้ว จะให้ไปพูดหักล้างแบบนั้นมันไม่ได้หรอก ดังนั้นที่หนูยอมรับไปก่อน ก็แค่เพื่อทำให้เธอสับสนเองก็เท่านั้น เมื่อตะกี้คนคนนั้นน่าจะเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาคิดอยากที่จะมาหาเรื่องหนูชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องสนใจทั้งนั้น หลิวหยิงพูดอธิบาย จริงๆแล้วเธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เรื่องมากมาย ไม่ใช่ว่าพูดอธิบายไปแล้วจะสามารถจัดการแก้ไขได้ คนพวกนั้นเชื่อในสิ่งที่ได้ยินและเห็นก่อน คำอธิบายของเธอก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งดูเหมือนข้อแก้ตัวด้วยซ้ำ แล้วทำไมต้องทำด้วยล่ะ? สู้เออออตามเธอไปก่อน ทำให้เธอเผยจุดบกพร่องออกมาดีกว่า หลิวหยิงมั่นใจว่าไม่รู้จักเธอ แล้วก็ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงความรู้สึกของคนอื่นด้วย ดังนั้นคนคนนั้นจะต้องบอกเหตุผลไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว
หลิวหยิงรู้สึกว่า เรื่องที่ไม่มีศีลธรรมแค่เรื่องเดียวที่ตัวเองทำ นั่นก็คือการที่อยู่ข้างกายของซือถูมู่หรงมานานหลายปีขนาดนี้ เรื่องอื่นๆนอกจากนั้น ก็ไม่มีแล้ว