หลิวหยิงมองแม่ที่อยู่ตรงหน้าของเธอในตอนนี้ แม่ของเธอเริ่มมีผมหงอกแล้ว ใบหน้าก็ไม่ได้ดูแลดีเท่าคนอื่น มุมตาก็มีรอยเหี่ยวย่นเยอะมาก แต่ว่า ใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ คุ้นเคยกับการห่วงใยและปกป้อง หลิวหยิงรู้สึกว่า ตัวเองก็มีความสุขมากกว่าคนอื่นมากมายแล้ว เธอไม่เคยสูญเสียความอบอุ่นจากครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของเธอเลย
แม่ หนูเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่แม่อยู่ข้างๆ หนูมาโดยตลอดนะคะ หลิวหยิงมองแม่ของตัวเองเงียบๆ แล้วก็ยิ้มพร้อมกับพูด
แม่ พวกเรารีบไปจากที่นี่กันดีไหม? หลิวหยิงไม่ได้รอคำตอบจากคุณแม่หลิว เหมือนพูดกับตัวเอง ความจริงแล้วเธอเองก็กลัวว่าซือถูมู่หรงจะรู้ข่าว แล้วก็มาตามหาเธอที่นี่
ก่อนหน้านี้ที่ซือถูมู่หรงยอมรับให้แยกจากกันได้ ก็เพราะว่าระหว่างพวกเขาทั้งสองคนไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกัน ไม่ได้ติดต่อกัน แต่ว่าตอนนี้มีเด็กคนนี้มาแล้ว ถ้าเกิดว่าซือถูมู่หรงไม่อยากจะปล่อยไป ก็ไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่ถูกหลักทำนองคลองธรรมแล้ว สิ่งนี้มันทำให้หลิวหยิงรู้สึกวิตกกังวล เธอไม่อยากกลับไปอยู่กับซือถูมู่หรง แล้วอีกอย่าง ตอนที่แม่ของเธอพูดเมื่อกี้นี้ว่าสามารถเก็บเด็กคนนี้ไว้ได้ ใจของเธอก็สั่น เธอรู้สึกไม่ค่อยอยากปล่อยมือจากเด็กคนนี้ อย่างน้อย ตอนนี้เธอก็ไม่สามารถตัดสินใจว่าจะเอาเด็กออกได้
โอเค! คุณแม่หลิวพูด เธอไม่ได้ไปเปิดโปงความคิดอื่นของหลิวหยิง ตอนแรก ตอนที่เธอรู้ว่าเธอจะมีลูกนั้นเธอดีใจมาก ถึงแม้ว่าหลิวหยิงจะไม่ได้ดีใจอะไรมากนัก แต่ความรู้สึกไม่อยากจะทอดทิ้งมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว เธอเองก็ไม่อยากจะไปบังคับหลิวหยิง และยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้สุขภาพของหลิวหยิงคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตอนนี้ร่างกายของหลิวหยิงนั้นอ่อนแอมาก ถ้าเกิดว่าเอาลูกออกตอนนี้ ก็จะเป็นการทำร้ายร่างกายเธอมากที่สุด ดังนั้นการจากที่นี่ไป กลับกลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หลิวหยิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ฟ้าก็มืดสนิทแล้ว เวลากลางวันภายในห้อง มันช่างทำให้คนเคลิบเคลิ้มใจลอย และเธออยู่ในคืนที่มืดมิด รอคอยวันที่อบอุ่นภายในบ้าน
ร่างกายของหลิวหยิงนั้นอ่อนแอ บวกกับเรื่องก่อนหน้านี้ ก็เลยพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่หลายวัน หลิวหยิงรู้ว่าซือถูมู่หรงไม่มีทางมาที่โรงพยาบาลทางนี้ ก็เลยไม่กังวลเลยสักนิดว่าจะเจอซือถูมู่หรง ความรู้สึกของเธอก็เริ่มดีขึ้นช้าๆ ในที่สุด เพราะว่าเธอยังอายุน้อย พักผ่อนแค่ไม่กี่วันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
ตอนที่หลิวหยิงออกจากโรงพยาบาล ก็ได้เจอกับผู้ช่วยพิเศษเจียงกับอันฉี วันนี้ไม่ใช่วันหยุด แต่ว่าผู้ช่วยพิเศษเจียงมาเยี่ยมแม่ของอันฉี มาดูว่าตอนนี้อาการเธอเป็นยังไงบ้าง และต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม ดังนั้นตอนที่ได้เจอกับหลิวหยิง เขาก็อึ้งไปเลย……ไม่เจอกันตั้งนาน
คุณหลิว ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะครับ เพราะว่าบังเอิญเจอกันจังๆ ทั้งสองคนเลยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ผู้ช่วยพิเศษเจียงก็เลยต้องเป็นคนทักทายก่อน เขารู้สึกเศร้าใจ หลิวหยิงในตอนนี้ค่อนข้างแตกต่างกับตอนที่อยู่กับท่านประธาน ตอนที่อยู่กับท่านประธานนั้น เธอช่างอ่อนโยนและใจเย็น สดใสและสวยงาม ใบหน้าก็ยิ้มแย้มแจ่มใส สวยงามอยู่เสมอ แต่ในตอนนี้ เธอเหี่ยวแห้งไปเยอะเลย หน้าก็ซีด ดูไร้เรี่ยวแรง ไม่รู้เหมือนกันว่าไปถูกทรมานอะไรมา
สวัสดีค่ะ หลิวหยิงตอบ คนที่อยู่รอบข้างซือถูมู่หรงต่างก็รู้จักเธอทั้งนั้น แต่ว่าเธอกับผู้ช่วยพิเศษเจียงไม่ค่อยได้เจอหน้ากันบ่อยเท่าไหร่นัก บวกกับเหตุผลที่รู้จักกันคือซือถูมู่หรง ดังนั้นก็เลยรู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่รู้จะพูดอะไรดี
หลิวหยิงไม่อยากจะพูดอะไรกับผู้ช่วยพิเศษเจียงมากมาย อยากจะแยกตัวไปในทันที แต่ว่าผู้ช่วยพิเศษเจียงเอ่ยปากแล้ว จะให้หลิวหยิงออกไปเฉยๆ ก็ไม่ได้
คุณหลิวไม่สบายเหรอครับ? ผู้ช่วยพิเศษเจียงมองดูโรงพยาบาลที่อยู่ตรงหน้า ก็เลยได้แต่ถามแบบนี้เท่านั้น เขาแม้แต่คิดว่า หรือว่าประธานซือถูทำอะไรลงไป เลยทำให้หลิวหยิงป่วย ที่แท้การอยู่ใกล้กษัตริย์ก็เหมือนอยู่ใกล้เสือดีๆ นี่เอง
หลิวหยิงชะงักไป หลังจากนั้นก็พูดช้าๆ ว่า ก่อนหน้านี้เป็นไข้หลายวันน่ะค่ะ ก็เลยมาหาหมอหน่อย ผู้ช่วยพิเศษเจียงค่อนข้างจะสนิทกับซือถูมู่หรง ดังนั้นจะให้เขาเห็นความผิดปกติไม่ได้เด็ดขาด หลิวหยิงรีบเปลี่ยนหัวข้อไปพูดถึงผู้ช่วยพิเศษเจียงในทันที แฟนเหรอคะ?
ใจ ไม่ใช่ครับ เป็นพนักงานใหม่ที่บริษัทน่ะ ผู้ช่วยพิเศษเจียงพูดจบไปแล้วก็รู้สึกเสียใจ ประโยคนี้มันดูสองแง่สองง่ามรึเปล่า? ประเด็นคือก่อนหน้านี้ อันฉีคือคนที่ถูกนำมาให้ประธานซือถู และหลิวหยิงที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ ก็คือภรรยาท่านประธานในดวงใจของพวกเขาเสมอมา ตอนนี้ทั้งสองคนมาเจอหน้ากัน พวกเขายังไม่รู้สถานการณ์ก็ไม่กระอักกระอ่วนหรอก แต่ว่า คนที่ทุกข์ใจก็จะเป็นเธอนั่นแหละ ทำยังไงดี
หลิวหยิงอึ้งไป พนักงานใหม่งั้นเหรอ? ซือถูมู่หรงดีต่อพนักงานที่พึ่งเข้ามาทำงานใหม่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ต้องให้ผู้ช่วยพิเศษเจียงตามมาด้วยโดยเฉพาะเลยงั้นเหรอ? ความสัมพันธ์ที่สดใสนั้นไม่ธรรมดาเลยนะ ดูท่าทางซือถูมู่หรงจะไม่ได้เศร้าใจเท่าไหร่หรอก หลิวหยิงรู้สึกปวดใจขึ้นมาในทันที ที่แท้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เชื่อว่าซือถูมู่หรงจะรักเธอจริงๆ แต่ตอนที่ข้างกายเขามีผู้หญิงคนอื่น ก็ยังทุกข์ใจเหมือนกัน
หลิวหยิงถอนหายใจออกมา พยายามทำให้จิตใจของตัวเองสงบลง แบบนี้ก็ดีมากแล้ว เธอกับซือถูมู่หรงแยกกันไปแล้ว และเขาเองก็มีเป้าหมายใหม่แล้ว ก็สามารถลืมเธอได้ เธอก็สามารถมีชีวิตใหม่ได้ เด็กคนนี้ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับซือถูมู่หรงแล้ว แบบนี้ดีมากเลย! หลิวหยิงบอกตัวเองในใจ
อันฉีไม่ได้พูดอะไร นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องไปเข้าร่วมด้วย แค่รอให้ผู้ช่วยพิเศษเจียงจัดการก็พอแล้ว
โอเคค่ะ ถ้ายังงั้นผู้ช่วยพิเศษเจียงมีธุระอะไรก็ไปจัดการเถอะค่ะ ฉันไปก่อนนะ หลิวหยิงแสดงรอยยิ้มที่แข็งทื่อ แล้วก็กอดแขนของคุณแม่หลิว พร้อมกับพูดกับผู้ช่วยพิเศษเจียง แล้วเธอก็หันไปยิ้มให้อันฉี พออันฉีเห็นรอยยิ้มนี้ ก็รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก รอยยิ้มนี้มันปลอมเกินไป มันดูเหมือนคนไม่มีทางเลือก หรือแม้แต่มีความรู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อย มันทำให้อันฉีไม่เข้าใจ
ตอนที่หลิวหยิงหันหลังและเดินออกมานั้น เธอเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทุกข์ใจเรื่องอะไร ทุกข์ใจเพราะตัวเอง หรือทุกข์ใจเพราะความไร้หัวใจของซือถูมู่หรง หลิวหยิงได้เห็นอันฉีเป็นผู้หญิงคนใหม่ของซือถูมู่หรงไปเรียบร้อยแล้ว คนที่ผู้ช่วยพิเศษเจียงพามาด้วยตัวเอง แถมยังหน้าตาสวยและใสซื่อบริสุทธิ์ เหมาะสมกับซือถูมู่หรงมากเลย
หลิวหยิงรู้สึกว่า ตัวเองไม่สามารถเทียบกับซือถูมู่หรงได้เลย ความไร้หัวใจของเธอ ตัดขาดความรู้สึกระหว่างคนสองคน แต่ความไร้หัวใจของซือถูมู่หรง คือมันฝังกลบไปหมด เหมือนเห็นคนใหม่แล้วยิ้ม เห็นคนเก่าแล้วร้องไห้งั้นเหรอ? เธอพึ่งจะจากมา ซือถูมู่หรงก็แทบรอไม่ไหวที่จะมีผู้หญิงคนใหม่ เธอกับซือถูมู่หรง ที่แท้ก็อยู่กันคนละโลกจริงๆ
หลิวหยิงยินดีกับความไร้หัวใจของซือถูมู่หรง แล้วก็รู้สึกเศร้าใจกับอันฉี เกรงว่าเธอจะเป็นเหมือนตัวเอง หลิวหยิงคิดเงียบๆ อยู่ภายในใจ นี่คือผลลัพธ์ที่เธออยากได้ ตอนนี้เธอก็สามารถจากไปได้แล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีก ตอนนี้ เธอมีเพียงแค่ลูกคนนี้เท่านั้น หลิวหยิงลูบท้องของตัวเอง ไม่อยากจะคิดเลย ว่าตรงนี้จะมีชีวิตใหม่อยู่ชีวิตหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกกับคนที่เธอไม่ได้อยากอยู่ด้วย แต่ว่าเขาก็มาเกิดแล้ว
อันฉีมองดูแผ่นหลังของหลิวหยิง รู้สึกได้ถึงความอ้างว้างเกินไป สีหน้าของเธอดูนิ่งเรียบ ราวกับว่าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่ว่าเงาของเธอนั้นมันดูโดดเดี่ยวเกินไป เหมือนกับว่าควรจะมีใครอยู่ข้างๆ ยังไงยังงั้น น่าจะเพราะว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน อันฉีสังเกตเห็นท่าทางที่หลิวหยิงลูบท้องของตัวเอง เธอถามด้วยความสงสัย ผู้หญิงคนเมื่อกี้คือ…
เรื่องนี้เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ผู้ช่วยพิเศษเจียงพูดอย่างเย็นชาจนผิดปกติ จากการคบค้าสมาคมกันมาหลายวันนี้ อันฉีพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้ เป็นเจ้านายที่ดีมาก ทำงานได้ทุกอย่าง เขาสั่งสอนเธอได้อ่างดีว่าเธอควรจะทำอะไร แต่ควรจะทำยังไง แม้แต่แบ่งหมวดหมู่และบอกเธอด้วยซ้ำ สอนให้เธอหาปลามากกว่า อันฉีรู้สึกดีใจมากที่ได้มีหัวหน้าแบบนี้ แล้วอีกอย่าง อันฉีก็ยังพบว่า คนที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้ถึงแม้ว่าในใจจะเย็นชา แต่ว่าจะไม่แสดงออกมาทางสีหน้า นอกจากว่ามันจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงจริงๆ เช่นตอนนี้ ตัวตนของผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้
อันฉีเดาไม่ออก และก็ไม่อยากจะไปคาดเดาด้วย เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดว่า ฉันรู้สึกว่า ผู้หญิงคนเมื่อกี้จะตั้งท้องนะคะ
อะไรนะ! ผู้ช่วยพิเศษเจียงตกใจมาก แม้แต่น้ำเสียงของเขายังไม่สามารถควบคุมได้ อันฉีตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้ เธอขมวดคิ้วและมองผู้ชายที่ผิดปกติตรงหน้าเธอ
เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? ผู้ช่วยพิเศษเจียงสงบลง และจ้องมองไปที่อันฉี แล้วก็ถามคำต่อคำ นี่มันเรื่องอะไรกัน! ทำไมจู่ๆ เธอถึงได้พูดแบบนี้!หรือว่าไปรู้อะไรเข้ารึเปล่า? เดี๋ยวก่อน ประธานซือถูกับคุณหลิวเลิกกันแล้ว ถ้ายังงั้น แสดงว่าเขาต้องไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กคนนี้ ถ้าเกิดว่าประธานรู้ว่าคุณหลิวตั้งท้อง เขาไม่มีทางปล่อยให้เธอจากมาอย่างแน่นอน ดังนั้น ตอนนี้คุณหลิวก็เลยมากับคนอื่น
ใช่ เมื่อกี้คุณหลิวก็ดูรีบร้อนกลับไป แสดงว่าต้องมีเรื่องที่ปิดบังอยู่อย่างแน่นอน มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ คุณหลิวไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ ผู้ช่วยพิเศษเจียงคิดอย่างรวดเร็ว นึกถึงความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง เขากำลังคิดว่า ถ้าเกิดซือถูมู่หรงรู้เรื่องนี้แล้ว จะทำยังไงต่อไป? แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ตกใจจนเสียสติไป ได้แต่คิดว่าจะไปรู้ความจริงจากไหนได้