มู่เฉิงค้นพบว่า แค่ตอนนี้ เขาก็ไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้ เขาไม่สามารถยอมรับ การที่หลินจื่อจากไป ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุอะไร
คำพูดหลังจากนี้ของหลินจื่อคือ ตนเองเป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ หลินจื่อบอกกับพี่เธอ โม่จื่อเหรอ? ก็คือหลินจื่ออยากจะทอดทิ้งเขาตั้งแต่แรก ทว่ากลัวเขามาแก้แค้น? ในเมื่อเธอกลัวขนาดนี้ ทำไมถึงต้องมาหาเรื่องเขาล่ะ?
ตอนนี้ในใจของมู่เฉิงมีความแต่คำพูดที่อ้อนกับโม่จื่อเมื่อกี้ ‘พี่ชาย ฉันชอบพี่มากเลย!’ ทำไมเขาถึงสามารถบอกชอบกับคนคนหนึ่งได้ง่ายขนาดนี้ล่ะ? น้ำเสียงยังผ่อนคลายขนาดนั้น สมเหตุสมผล เขาถูกหลินจื่อดึงดูดในส่วนไหนกันแน่ ถึงได้รู้สึกว่าหลินจื่อแตกต่างกับคนอื่น? เธอก็แค่ทำผิวเผินอยู่แล้วแต่แรก แค่หยอกเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น!
นายได้ยินแล้ว? เหมือนว่าหลินจื่อก็ไม่ได้พูดคำพูดเกินเลยอะไร สีหน้าเงียบสงบเป็นพิเศษ ได้ยินมากเท่าไหร่?
สิ่งที่ควรจะได้ยิน ได้ยินหมดแล้ว มู่เฉิงกดทับความโกรธแล้วพูด เกินไปจริงๆ ตนเองเป็นคนถามผิดแท้ๆ ยังไม่มีความหมายที่จะยอมรับผิดเลย
นั่นก็คือสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน ได้ยินแล้ว หลินจื่อต้มกาแฟแก้วหนึ่ง ขนสองสามทีแล้ววางลง เดี๋ยวจะพักผ่อนแล้ว ห้ามดื่มกาแฟ
เธอแค่ชอบหน้าของฉัน? มู่เฉิงคิดว่า ตนเองจะถามหลินจื่อมากมาย เช่น เธอใส่ใจตนเองหรือเปล่า แค่เล่นๆ เหรอ? เช่น เธอแค่อารมณ์ชั่ววูบ วางแผนการเลิกราไว้แล้วใช่ไหม ทว่าพอถามออกจากปาก กลายเป็นคำถามนี้ เขาไม่พอใจมากๆ เขาไม่สามารถรับได้ ความชอบที่หลินจื่อมีต่อเขา เพียงแค่เพราะใบหน้า และใบหน้านี้ จะสามารถยืนหยัดได้นานเท่าไหร่? หากหลินจื่อมีจุดอื่นที่ชอบเขา งั้น ตนเองต้องสามารถรั้งเธอไว้ได้แน่ๆ แต่ว่า แค่ใบหน้าใบเดียว หรือว่าต้องพึ่งพาความสวยมารั้งเธอไว้เหรอ?
หัวหน้าน้อยลืมไปหรือเปล่า วันนี้ เป็นวันที่เราเจอหน้ากันครั้งที่สาม พูดอย่างถูกต้องก็คือครั้งที่สอง เจอกันที่ฉือเย่ฉาง แต่ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เจอกันสองครั้ง นายคิดว่าฉันจะชอบนายแค่ไหน? หลินจื่อพิงอยู่ที่โต๊ะ เพราะว่าไม่มีเรื่องอะไร ดังนั้นจึงขนกาแฟอยู่ตลอดเวลา
งั้นตอนนี้ล่ะ ชอบผมขึ้นมาหน่อยหรือเปล่า? มู่เฉิงยอมรับการพูดของหลินจื่อ ไม่ใช่ถูกคนจะรักแรกพบหมด ดังนั้น จะเป็นรักที่ค่อยๆ ศึกษาดูใจกันก็ได้ อาจจะเป็นเพราะ ความรู้สึกที่เขามีต่อหลินจื่อเร็วเกิน จึงหวังให้หลินจื่อก็เป็นเช่นนี้
หลินจื่ออึ้งไปเลย นี่มู่เฉิงกำลัง……ยอมถอยเหรอ? เขาชอบตนเองจริงๆ เหรอ? ทำไม? หลินจื่อไม่ได้พูดอะไร เธอให้คำตอบกับมู่เฉิง ชอบเขาไหม? ชอบเขาเล็กน้อยไหม ทว่าหากหลุดออกจากใบหน้านี้ไป ยังเหลืออะไรอีก? เธอไม่เชื่อ ความรู้สึกที่เธอมีต่อมู่เฉิงจะลึกซึ้งขนาดนั้น
การเงียบของหลินจื่อทำให้มู่เฉิงรู้สึกผิดหวัง โกรธ และเครียด ทำไมต้องโกหกเขา หลินจื่อไม่อยากเลยเหรอ? ต้องไม่ใส่แค่แค่ไหนกัน ในตอนที่วางเธอลงบนตัว หลินจื่อยังคงเย็นชาเช่นนี้?
นายรู้จักชื่อเดิมฉันโม่ฉือใช่ไหม? จู่ๆ หลินจื่อก็เอ่ยปาก น้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา มีความลอยเล็กน้อย มู่เฉิงไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร แค่พยักหน้า
นายที่เป็นหัวหน้าน้อยกับองค์กรโกสต์ซิตี้ น่าจะรู้ว่าองค์กรโกสต์ซิตี้กับตระกูลโม่กับVG ไม่เคยไปมาหาสู่อะไรกันเลยใช่ไหม? หลินจื่อเคาะโต๊ะ มีเรื่องราวมากมาย พวกเขาล้วนไม่เข้าใจ ทว่า แค่รู้คร่าวๆ พอประมาณ ก็สามารถเดาออกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้
มู่เฉิงอึ้งไปสักพัก หรือว่า ต้องพูดถึงเรื่องของหลินหว่านแล้วเหรอ? หลินหว่านคือแม่ของเธอ ตายอยู่ในองค์กรโกสต์ซิตี้ ถือว่ามีความแค้นใหญ่โต ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้เงียบสงบไม่มีเรื่องอะไร แต่พอพูดถึงแล้ว ก็ใช่ว่าสองสามประโยคก็จะพูดชัดเจนได้ เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง ใช่
นายรู้ไหมว่าทำไม? หลินจื่อสงสัยมาก หากมู่เฉิงรู้ดี แน่นอนว่าก็จะรู้ แม่ของเขาและองค์กรโกสต์ซิตี้มีความพัวพันกันอยู่ หากรู้ฐานะตัวตนของเธอ ก็น่าจะสามารถเข้าใจได้สินะ?
เมื่อก่อนไม่รู้ มู่เฉิงมองลงล่าง เขาไม่ได้ตั้งใจละเลี่ยงคำถามนี้ ทว่าก็ไม่ได้ไปคิดคำถามนี้อย่างจริงจัง ตอนนี้หลินจื่อพูดขึ้น เหมือนกำลังจะส่งสัญญาณถึงการจบลงในความสัมพันธ์นี้เหรอ? มู่เฉิงรู้สึกเจ็บใจเบาๆ เหมือนการที่ถูกมีดบาดตรงมือโดยไม่รู้ตัว ในตอนที่รู้ตัวแล้ว ก็เป็นช่วงที่ใกล้จะหายดีแล้ว ทว่าความเจ็บปวดในช่วงเวลานั้น ไม่ได้เจ็บแบบบีบคั้นหัวใจ แค่รู้สึกได้ แต่สามารถรับรู้อย่างชัดเจนว่าเป็นการเจ็บแสบ ถึงจะไม่หนัก แต่ก็ละเลยไม่ได้ ต้องดูแผลเป็นระยะๆ อยู่ดี
ตอนนี้ล่ะ? หลินจื่อไม่ได้รู้สึกแปลกใจ มู่เฉิงที่เป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ จริงๆ แล้วมีเรื่องราวมากมายที่ไม่ต้องปิดบังเขา ดังนั้น ถึงแม้จะรู้แล้วก็ไม่ได้แปลกจอะไร แต่ว่า…..รู้มากเท่าไหร่ล่ะ?
ตอนนี้ เข้าใจเล็กน้อยหลินหว่าน คือแม่ของเธอเหรอ? มู่เฉิงถาม ถึงแม้พ่อบุญธรรมจะบอกว่าหลินจื่อมีความคล้ายกับหลินหว่าน ทว่ามู่เฉิงก็ยังหวังว่าจะเป็นข้อยกเว้น หากหลินจื่อเป็นลูกสาวของหลินหว่าน ระหว่างพวกเขา ความเป็ฯไปได้จะสูงกว่าหน่อยหรือเปล่า?
ใช้ หลินจื่อพยักหน้า ดูเหมือนว่ามู่เฉิงจะรู้ งั้นมู่เฉิงรู้หรือเปล่า ระหว่างพวกเขา มีความแค้นบาดหมางทางสายเลือด ถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับมู่เฉิง แต่เกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้ มู่เฉิงที่เป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ แน่นอนว่าไม่สามารถหลบหนีไปได้
ฉันรู้ว่า แม่ของเธอ บาดเจ็บเพราะพ่อบุญธรรม และยังไม่ทันไปช่วยก็เสียชีวิตแล้ว เรื่องอื่น ไม่รู้เลย มู่เฉิงพูดตามความจริง เกิดการจับพลัดจับผลู อยู่ที่คำว่าผิดคำเดียว หากผิด งั้น จะมีวิธีอะไรมาแก้ไขล่ะ?
หลินจื่อยิ้มอ่อน เป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ? ในองค์กรโกสต์ซิตี้ ก็มีการพูดแบบนี้เหรอ? แต่ว่า ทำไมล่ะ? คุณแม่ ถึงยอมทิ้งเธอไว้คนเดียว?
สีหน้าของหลินจื่อค่อนข้างผิดหวัง ทันใดนั้นมู่เฉิงยังไม่ได้ตอบสนองกลับ เขาอยากจะเข้าไปกอดหลินจื่อ ว่า ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ หลินจื่อเสียใจเพราะแม่ของเธอ แต่ว่า การเสียชีวิตของแม่เธอ เกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้แน่นอน การปลอบใจของเขา หลินจื่อต้องการเหรอ?
แม่ของฉัน เสียชีวิตไปตั้งแต่ฉันยังเด็ก ทุกคนต่างก็บอกว่า เธอเสียชีวิตเพราะผู้ชายคนหนึ่ง พวกเขาบอกว่า ผู้ชายคนนั้นคือคนที่คุณแม่รักมากที่สุด พ่อของฉัน ก็แค่คนที่แม่ฉันอยู่ด้วยไปงั้นๆ ดังนั้นตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันไม่มีความสุขเลย ฉันเกลียดผู้ชายคนนั้น และเกลียดที่แม่ต้องสละชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่น ทว่ายิ่งไปกว่านั้นคือไม่สามารถให้อภัยที่คุณแม่จากฉันไป หลินจื่อมองดูแสงไฟข้างนอก เจิดจ้าทั้งแถว ไม่เคยขาดสาย แต่ว่าวัยเด็กของเธอ ชีวิตในวัยเด็ก ในตอนที่ยังไม่รู้เรื่อง ก็ได้เลือนหายไปแล้ว
แต่ว่า พ่อของฉันไม่เคยเก็บคำพูดไว้นี้ไว้ในใจ เอ็นดูและรักฉันมาโดยตลอด มีการตอบรับความช่วยเหลือของฉัน ในตอนนั้น พ่อของฉันเงียบสงบในทุกวัน วาดรูปอย่างเงียบๆ เขาวาดแต่ภาพวิว ไม่เคยวาดภาพคน ใต้ดินสอของเขา ได้วาดบ้าน墨ไปหมดแล้ว ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจ ถามแต่พ่อว่าทำไมไม่วาดคุณแม่ ฉันลืมหน้าตาของคุณแม่ไปแล้ว ฉันถามเขาว่า ทำไมถึงไม่อธิบายความสัมพันธ์ของคุณแม่กับผู้ชายอื่น ทำไมถึงต้องให้พวกเขามาใส่ร้ายคุณแม่ หลินจื่อนึกถึงอดเจ ดวงตาของเธอแจ่มใส แฝงหยดน้ำตา ทว่าในไม่ช้า น้ำตาก็ถูกเก็บกลับมา ระหว่างคิ้วกลายเป็นความภาคภูมิใจในตอนนั้น
ฉันเคยถามคำถามคุณพ่อมากมาย คุณพ่อไม่ได้ตอบเลย แค่ลูบหัวของฉันแล้วยิ้ม ไม่พูดอะไรเลย แค่ให้ความอบอุ่นนั้นกับฉัน จากความเสียใจ รู้สึกแย่ของฉันในตอนแรก ถึงความเงียบสงบในตอนสุดท้าย ถึงการที่ไม่ถามอีกเลย แค่อยู่ข้างๆ เขาตอนเขาวาดรูป จนกระทั่งเติบโตขึ้น มุมปากของหลินจื่อมีรอยยิ้ม ยิ้มโค้งที่มุมปาก ดวงตาโค้งงอ ทำให้มู่เฉิงรู้สึกว่า เธอไม่เคยรู้จักหลินจื่อมาก่อนเลย
คุณพ่อไม่เคยตอบคำถามอะไรเลย แต่ว่า ตอนที่ฉันถามคุณพ่อ เขาและคุณแม่รักกันไหม? ในตอนที่ฉันถามคำถามนี้ คุณพ่อมักจะพูดกับฉันอย่างยืนหยัดว่า พวกเขารักกัน พวกเขารักกันมากๆ กันมีอยู่ของฉัน คือการสืบทอดความรักนี้ ทุกครั้ง คุณพ่อพูดประโยคนี้ นัยน์ตาจะดูห่างเหิน เหมือนมองผ่านฉันไป มองไปทางคนหนึ่ง มองไปทางคุณแม่ของฉัน เสียงของหลินจื่อ กลายเป็นเสียงที่อ่อนโยนมาก ในน้ำเสียงที่ต่ำมีรอยยิ้มที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ และมีความภาคภูมิใจอ่อนๆ
เมื่อก่อน ฉันไม่เชื่อ แต่ว่า ค่อยๆ โตขึ้น การพูดของคุณพ่อ ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ค่อยๆ ถ่ายทอดมา ฉันจึงเชื่อในคำพูดของคุณพ่อ ไม่ถามอีก ไม่งอแงอีก ไม่สนใจคำพูดของคนภายนอกอีก หลินจื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต นึกถึงพ่อของเธอ นึกถึงการปกป้องที่อ่อนโยนพวกนั้น หากไม่ใช่เพราะคุณพ่อยืนหยัดยืนอยู่ข้างกายเธอ ค่อยๆ เติบโตกับเธอทีละนิด เธอไม่รู้เลยว่าเธอจะกลายเป็นเช่นไร