เธอชอบใจอะไรมู่เฉิง! โม่ฉีเปิดเข้าประเด็นตรงๆ เขาสงสัยเหลือเกิน หลายปีมานี้ ผู้ชายที่ไปๆมาๆรอบกายหลินฉือ ที่เล่นๆด้วยก็มี แต่ไม่เคยมีใครสักคน ที่หลินฉือพามาบอกว่าเป็นแฟนหนุ่มต่อหน้าพวกเขา มู่เฉิงเป็นคนแรก! แต่ว่าดูแล้ว มู่เฉิงนอกจากหน้าตาแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้หลินฉือชื่นชอบได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น มู่เฉิงยังเป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ หลินฉือไม่มีทางไม่เข้าใจว่าการคบหากับคนขององค์กรโกสต์ซิตี้หมายความว่าอะไร
ใบหน้าของเขา หลินฉือพูดตรงๆ ถึงยังไงตอนนี้มู่เฉิงก็รู้แล้ว เธอพูดออกมาโดยปราศจากความกดดันจิตใจ ถึงขั้นรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไรด้วยซ้ำ ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะชอบยิ่งขึ้นก็ได้?
โม่ฉีอึ้งงันคาที่ ไม่ใช่ พี่สาว! เธอพูดว่าชอบแค่หน้าของเขาต่อหน้าเจ้าตัวได้จริงๆเหรอ? ไม่กลัวว่าเขาจะโกรธเอาหรือไง!
โม่ฉีมองไปทางมู่เฉิง คนคนนี้ยังคงนิ่งสงบ คล้ายว่าเห็นจนชินเสียแล้ว หรือว่ามู่เฉิงก็เห็นแก่ใบหน้าของพี่สาวตนเหมือนกัน? สองคนนี้ คนหนึ่งเป็นหัวหน้านักออกแบบเสื้อผ้าของ VG คนหนึ่งเป็นหัวหน้าน้อยแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ล้วนตื้นเขินกันเช่นนี้ จะไม่มีปัญหาหรือ?
เมื่อวานเธอพูดไปแล้วว่าชอบแค่ใบหน้าของฉัน มู่เฉิงพูดอย่างกึ่งอับจนปัญญากึ่งรักใคร่เอาใจ ถ้าไม่ใช่ว่ารู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยังไม่แน่ว่าวันนี้เขาจะรับได้จริงๆ ทว่าตอนนี้ยอมรับอย่างสงบ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับยากขนาดนั้น
โม่ฉีกุมขมับ ได้ เยี่ยม! พี่สาวตนช่างกล้าหาญ หัวหน้าน้อยแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ ถึงกับสามารถยอมรับได้ที่คนอื่นชื่นชอบเพียงใบหน้าของเขา ไม่คิดอะไรอื่นเลย จริงๆเลย…ช่างมันเถอะ โม่ฉีรู้สึกว่า มุมมองทั้งสามของตนไม่ช้าก็เร็วต้องถูกโค่นล้ม หัวหน้าน้อยแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เขาคงต้องทำความรู้จักใหม่สักหน่อยแล้ว
จิ่นฉือเย่ก็ตะลึงไปเช่นกัน ตรงไปตรงมาอย่างนี้จะดีจริงๆหรือ? แม้ว่าตอนนั้นเธอก็ชอบใบหน้าของโม่ฉีในแวบแรกเลยเช่นกัน แต่เธอก็ไม่ได้พูดไปตรงๆเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคบกับโม่ฉีมานาน จะต้องชอบคนคนนี้อย่างแน่นอน ทั้งสองเพิ่งจะคบกัน หลินฉือกลับใจดำนัก คบกับคนคนหนึ่ง เพื่อใบหน้าหนึ่ง
จิ่นฉือเย่มองหลินฉือมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เธอเดินไปแหวกเส้นผมของหลินฉือออก ข้างบนมีจุดแดงสองสามจุด ในฐานะผู้มาก่อน จิ่นฉือเย่มองออกอย่างง่ายดายว่านั่นคือรอยจูบ พวกเขา…พัฒนากันไปเร็วขนาดนี้เลยหรือ?
หลินฉือยิ้มแล้วดึงมือของจิ่นฉือเย่ออก ก่อนเอาผมลงมาปิดรอบจูบไว้ เป็นไงล่ะ ประหลาดใจไหม?
ประหลาดใจมาก! จิ่นฉือเย่ใช้สีหน้าของเธอบอกความคิดของตนกับหลินฉือ นี่มันเกินกว่าประหลาดใจแล้ว เธอตกใจเลยละ! เมื่อวานทั้งสองยืนยันความสัมพันธ์กัน แล้วก็เกิดสัมพันธ์กันเลย? ชีวิตที่กล้าหาญไม่จำเป็นต้องอธิบายงั้นหรือ?
ถ้าอย่างนั้น พวกเราไปเดินเล่นได้หรือยัง? หลินฉือเกือบจะดันคางจิ่นฉือเย่ขึ้นไปเสียแล้ว ก็แค่รอยจูบไม่กี่รอยไม่ใช่เหรอ? มีอะไรให้ประหลาดใจกัน?
ได้ จิ่นฉือเย่พูดอย่างยากลำบาก อธิบายไม่ถูก เธอรู้สึกว่าช่วงนี้ชีวิตจะไม่ใคร่สบายนัก ถึงอย่างไร หลินฉือก็เพียงให้ความประหลาดใจยิ่งกว่ากับเธอเท่านั้น!
บนถนนเส้นนี้มีทุกสิ่งอย่าง จิ่นฉือเย่พาหลินฉือไปร้านเสื้อผ้าชายร้านหนึ่ง เธออยากจะดูว่า หลินฉือกับมู่เฉิงคบหากันเช่นไร!
เข้าไปแล้วหลินฉือก็เลือกชุดให้มู่เฉิงสองสามชุด ให้เขาเข้าไปลองสวมดู มู่เฉิงเลิกคิ้ว แล้วยื่นโทรศัพท์ส่งให้หลินฉือ ก่อนถือเสื้อผ้าเข้าไป
จิ่นฉือเย่มองโทรศัพท์เครื่องนั้น รู้สึกเตะตายิ่งนัก โทรศัพท์ที่ปัจจุบันเป็นของส่วนตัวขนาดนี้ มู่เฉิงกลับเอาให้เธอไปตรงๆเช่นนี้เลย? นี่มันต้องมีความเชื่อถือไว้ใจเลยนะ!
จิ่นฉือเย่ตัดสินใจที่จะไม่สนใจหลินฉือ เธอลากโม่ฉีไปเลือกชุดด้านข้าง
หลินฉือเดินเลือกชุด ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังก็รับสายไปโดยไม่รู้ตัว สวัสดีค่ะ ฉันคือหลินฉือ
สายฝั่งนั้นตะลึงงันไปแล้ว ก่อนมีเสียงขาดๆหายๆดังออกมารางๆ โทรผิดหรือ? ก็เป็นโทรศัพท์ของหัวหน้าน้อยเฉิงนี่ นี่…
หลินฉือเพิ่งจะรู้สึกตัว นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ของตน เป็นโทรศัพท์ที่มู่เฉิงส่งให้เธอเมื่อครู่ วางสายไปไหม? หรือว่ารอให้อีกฝ่ายวางสายดี?
ขอโทษนะครับ หัวหน้าน้อยเฉิงอยู่ข้างๆคุณหรือเปล่าครับ อีกฝ่ายถามอย่างลังเล แฝงไปด้วยความไม่มั่นใจสุดขีด
เขากำลังลองชุดอยู่ หลินฉือพูดจบก็นึกเสียใจทันที นี่มันหมายความว่าอย่างไร กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ความสัมพันธ์ไม่ถูกทำนองคลองธรรมระหว่างพวกเขาหรือไง? อีกฝ่ายสูดลมหายใจเสียงดัง
ที่คุณพูดถึงคือหัวหน้าน้อยเฉิงหรือครับ? อีกฝ่ายถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ใช่ มู่เฉิงหัวหน้าน้อยเฉิง ตอนนี้เขากำลังลองชุดอยู่ อีกเดี๋ยวฉันจะให้เขาโทรกลับไปหาพวกคุณ หลินฉือไม่สนใจแล้ว ถึงอย่างไรก็รู้กันหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น จะช้าจะเร็วก็ต้องรู้อยู่ดี
ได้…ได้ครับ คนที่อยู่ปลายสายวางบัตรโทรศัพท์ลงอย่างว่องไว หลินฉือคิดถึงน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อของอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ หรือว่า ก่อนหน้านี้ข้างกายมู่เฉิงไม่มีผู้หญิงคนอื่นเลย? ไม่ใช่มั้ง ฐานะอย่างมู่เฉิง ผู้หญิงเข้าหาตั้งเท่าไหร่ ดังนั้น ตนนับว่าได้กำไรแล้วหรือ?
ตอนที่มู่เฉิงออกมา ใบหน้าเบิกบานยินดี สายตาของหลินฉือไม่เลวเลย ชุดนี้เธอมองเพียงแวบเดียว ก็ส่งมาให้ตน สวมแล้วพอดีตัวเกินความคาดหมาย
นี่ เมื่อครู่มีคนโทรศัพท์มาหานาย อย่าลืมโทรกลับด้วยละ
เขายื่นมือไปรับโทรศัพท์ ปัดโทรศัพท์ไปดู พบว่าเป็นสายจากผู้ดูแลจ้ง บนใบหน้ามู่เฉิงฉายแววเคร่งขรึมขึ้นมาหลายส่วน ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผู้ดูแลจ้งจะไม่โทรหาเบอร์นี้ของเขา
โทรศัพท์ถูกรับอย่างรวดเร็ว เสียงร้อนใจของผู้ดูแลจ้งดังขึ้นมา หัวหน้าน้อย จื่อโม่ถูกลักพาตัวไปแล้วครับ!
เรื่องเกิดขึ้นตอนไหน? หัวคิ้วมู่เฉิงขมวดขึ้นมา ถังจื่อโม่ใช่คนที่คนทั่วไปจัดการได้หรือ? เป็นใครกันแน่ ถึงสามารถลักพาตัวเขาไปได้?
วันนี้ตอนเช้า จื่อโม่ออกไปคนเดียว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับ ตอนที่ตรวจกล้องวงจรปิด พบว่าถูกคนพาตัวไปแล้วครับ ผู้ดูแลจ้งพูดอย่างเร่งรีบเล็กน้อย แปลกมาก ถังจื่อโม่เหมือนกับเป็นฝ่ายตามพวกเขาไปเอง ตอนที่จากไปยังมองกล้องวงจรปิดแวบหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง
รอฉันกลับไปแล้วคุยกัน! มู่เฉิงพูดอย่างใจเย็น ถึงจื่อโม่ฉลาดพอ น่าจะปกป้องตัวเองได้ ตอนเช้าจนถึงเวลานี้ มากสุดก็ไม่เกินสามชั่วโมง ตระกูลถัง ตระกูลเย่ ยังมีองค์กรโกสต์ซิตี้อีก เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถพาคนออกไปได้อย่างราบรื่นปลอดภัย
หลินฉือได้ยินเสียงของมู่เฉิง ก็ลุกเดินไปข้างกายเขา มู่เฉิงไม่ได้หลบหลีก ในเมื่อทั้งสองตัดสินใจจะคบหากันอย่างดีแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดมากมาย หลินฉือไม่มีทางทำร้ายถังจื่อโม่ VG ก็เช่นกัน ดังนั้นสำหรับหลินฉือแล้ว เรื่องนี้เขาไว้ใจเธออย่างยิ่ง
เกิดอะไรขึ้น? หลินฉือถาม ท่าทางของมู่เฉิงดูจริงจังมาก ถ้าไม่ใช่องค์กรโกสต์ซิตี้เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น ก็เป็นคนที่เขาห่วงใยเกิดเรื่อง
จื่อโม่ถูกลักพาตัวไป ฉันจะกลับไปดูหน่อย มู่เฉิงบอกตรงๆโดยไม่ปิดบัง ตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า เขาไม่เข้าใจตระกูลถัง ไม่เข้าใจเย่ซือเฉินเช่นกัน การลักพาตัวถังจื่อโม่เรื่องนี้ จะต้องผ่านการคิดใคร่ครวญมาเป็นเวลานานค่อยลงมือจริง เช่นนั้นเวลานานเพียงนี้ เย่ซือเฉินจะไม่มีการเตรียมป้องกันอะไรเลยหรือ?
มู่เฉิงรู้สึกขัดแย้งอยู่เล็กน้อย สิ่งที่สามารถสืบสาวในเรื่องนี้ คะเนว่าคงไม่น้อย
ต้องการให้ฉันไปกับนายไหม? หลินฉือไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนี้ เธอกระจ่างใจดี ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนใจถังจื่อโม่แม้แต่น้อย เพียงแต่ไม่ได้สนใจมากพอ หากคนที่ถูกลักพาตัวไปเป็นถังจื่อซี เธอคงไม่สงบถึงเพียงนี้ ใจของคน ลำเอียงมากจริงๆ
ไม่ต้อง ฉันจัดการได้ มู่เฉิงพูด ต่อให้ไม่มีเขา เย่ซือเฉินก็จัดการได้ เพียงแต่ตนได้คอยดูอยู่ข้างๆถึงจะสบายใจ
หลินฉือพยักหน้า
บรรยากาศในตระกูลถังเคร่งเครียด ถังจื่อซีเพิ่งจะร้องไห้ไปเป็นเวลานาน บนใบหน้ายังมีหยาดน้ำตา เดิมทีเธอควรจะออกไปละลายทรัพย์ด้วยกันกับพี่ชาย แต่เป็นเพราะมีเรื่องจึงไม่ได้ไป ผลคือพี่ชายถูกคนพาตัวไปอย่างน่าประหลาด ถังจื่อซีกังวลใจอยู่บ้าง ทั้งยังหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย
แม่คะ ถังจื่อซีอิงแอบอยู่ข้างกายเวินลั่วฉิง เวินลั่วฉิงกอดเธอ แล้วพูดปลอบ ไม่เป็นไร พี่ชายของลูกดูแลตัวเองได้
ในใจของเวินลั่วฉิงเป็นกังวล กระวนกระวายใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีความมั่นคงแปลกพิลึกอย่างหนึ่งอยู่ด้วย ที่นี่ไม่มีใครกล้าหาเรื่องตระกูลถังกับตระกูลเย่ ดังนั้นคนที่พาตัวถังจื่อโม่ไป ความเป็นไปได้สูงสุดก็คือคนของถังไป๋เชียน นานถึงเพียงนี้ ในที่สุดก็ลงมือแล้ว
พูดแล้วก็ช่างบังเอิญ คนที่พาถังจื่อโม่ไป ก็เป็นหลินฉีพอดี คนที่พบกับถังไป๋เชียนครั้งหนึ่งที่ ‘ชิงฮวน’ บุคคลธรรมดาเช่นนี้ มักจะไม่เป็นที่สนใจ จนทำให้ละเลยมองข้ามไป
มีทิศทางแล้วหรือยัง? ท่านย่าถังกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง ตอนที่ได้ยินข่าวก็เกือบจะเป็นลมไป ถ้าไม่ใช่ว่าหลายปีมานี้ผ่านมรสุมคลื่นลมมามาก ก็ไม่แน่ว่าจะทนได้ไหว
คุณยาย ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันรู้ว่าใครเป็นคนทำ เวินลั่วฉิงพูดอย่างใจเย็น มอบพลังมากมายที่มองไม่เห็นให้คนที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้เย่ซือเฉินไม่อยู่ เขาไปตรวจหาร่องรอย ดังนั้นตอนนี้ที่ตระกูลถัง เธอจำเป็นต้องทำให้สภาพจิตใจของทุกคนมั่นคง ตอนนี้วิธีการของถังไป๋เชียน ทำให้เธอวางใจลงได้ด้วยซ้ำ เป้าหมายของถังไป๋เชียน มีเพียงเธอเท่านั้น