เขาไม่ทำอะไรทั้งนั้น ทุกวันต้องอกสั่นขวัญแขวน ตอนนี้ลงมือแล้ว หินใหญ่ในใจของเธอเหมือนร่วงหล่นไปลงเสียที
เยว่หงหลิงอยู่ข้างกายถังไป๋เชียน ถ้าเป็นไปได้ เธอต้องปกป้องถังจื่อโม่แน่ๆ เพียงแต่ ตอนนี้เรื่องที่ถังไป๋เชียนทำ กับเรื่องที่เขาวางแผนไว้ตอนนั้น ห่างไกลกันนัก เวินลั่วฉิงสงสัยเล็กน้อย หรือว่าถังไป๋เชียนจะค้นพบเรื่องราว จึงหลอกใช้ประโยชน์จากเยว่หงหลิง ทำให้ตอนนี้ผู้ที่โดนทำร้ายเป็นถังจื่อโม่
อำนาจของถังไป๋เชียน เวินลั่วฉิงรู้เป็นอย่างดี พันผูกกันมานานถึงเพียงนี้ ถ้าหากไม่มีหนทางเอาสิ่งที่เขาต้องการมา ถังไป๋เชียนจะทำลายให้พังพินาศเสีย ดังนั้น เวินลั่วฉิงไม่กล้าหุนหันพลันแล่น รอให้ถังไป๋ชิวเป็นฝ่ายปรากฏตัว จากนั้นจะได้รู้ ว่าสิ่งที่ถังไป๋เชียนต้องการจริงๆคือสิ่งใด
ตอนนี้เวินลั่วฉิงหวังเพียงว่าถังไป๋เชียนจะมีน้ำใจสักเล็กน้อย อย่าได้ทำให้ถังจื่อโม่ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป สุดท้ายแล้ว จื่อโม่ก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ถึงจะเฉลียวฉลาดสักเท่าไร เรื่องพละกำลัง ก็ยังเทียบคนอื่นไม่ได้เลย
เวินลั่วฉิงคิดว่า ไม่นานก็จะรู้ตำแหน่งของถังจื่อโม่ แต่หลังจากนั้นสองวันก็ยังไม่มีข่าวเลยสักนิด เธอสับสนวุ่นวายใจขึ้นมาเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบถังไป๋เชียนไม้ได้ปรากฏตัว กำลังที่สามารถใช้ได้ของที่นี่ก็ใช้ไปหมดแล้ว แม้แต่เป็นองค์กรโกสต์ซิตี้ก็เสาะหาอยู่ในที่ลับมาโดยตลอด ต่างก็หาคนไม่พบ ราวกับหายไปในอากาศอย่างไรอย่างนั้น ไม่! เป็นการซุกซ่อนตัว
เวินลั่วฉิงรู้สึกได้ถึงความร้อนรน ไม่ได้กลัวว่าถังไป๋เชียนจะทำสิ่งใด แต่กลัวเขาจะไม่กระทำอะไรเลย เพียงกุมตัวถังจื่อโม่ไว้ในมือ ให้ความอดทนของตนหมดลงไปทีละน้อย
ไม่ต้องกังวล ถังจื่อโม่ฉลาดขนาดนั้น ไม่เกิดเรื่องขึ้นง่ายๆหรอก เย่ซือเฉินไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว เขากอดเวินลั่วฉิงเบาๆ พูดอย่างหนักแน่นมั่นคง เวินลั่วฉิงก็ไม่อาจหลับตาได้มาโดยตลอด เธอคิดหาหนทางติดต่อเยว่หงหลิง ติดต่อคนข้างกายถังไป๋เชียน ล้วนติดต่อไม่ได้เลย ดูท่าถังไป๋เชียนจะเตรียมการมานานแล้ว ประหนึ่งงูพิษ เผยเขี้ยวพิษออกมาแล้ว ก็จะโจมตีให้ถึงชีวิตเลยหรือ? ในใจเย่ซือเฉินหนักอึ้ง
ตอนนี้ในใจของเย่ซือเฉินมีเพียงหนึ่งความคิด หาถังจื่อโม่ให้พบโดยเร็วที่สุด แล้วถือโอกาสจัดการถังไป๋เชียนไปด้วย คนคนนี้ ปล่อยไว้ไม่ได้
ถังจื่อโม่ที่ถูกลักพาตัวไป หลังจากขึ้นรถก็ถูกฉีดยาทันที ตอนที่ฟื้นขึ้นมารู้สึกว่าแสงแดดแยงตาเป็นอย่างยิ่ง ปิดตาอย่างแรงปรับตัวอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยลืมตาขึ้น ที่นี่ คือที่ไหน?
ถังจื่อโม่นำพาความสงสัยตะกายตัวขึ้นมาช้าๆ โหดร้ายเสียจริง ข้างๆมีเตียงก็ไม่วางเขาลงบนเตียง ตอนตื่นขึ้นมาก็นอนคว่ำอยู่บนพื้น รู้หรือไม่ว่าเขาเป็นเด็กคนหนึ่งนะ! ถังจื่อโม่บ่นว่าในใจ บนใบหน้าไม่แสดงอาการอะไรแม้แต่น้อย เย็นชาราวกับน้ำแข็ง
ตอนเช้าเขาถูกลักพาตัวมา ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว แสงแดดส่องเข้ามา ยังคงร้อนมาก
ถังจื่อโม่ได้ยินเสียงคลื่น วิ่งมาข้างหน้าต่าง หน้าต่างถูกลวดตาข่ายหนาวเหน็บกั้นเอาไว้ พินิจจากช่องว่างที่ทะลุดูแล้ว ที่นี่ คือชายทะเล ด้านข้างยังมีห้องพักเป็นแถวๆ เหมือนกระท่อมอย่างหนึ่งที่ชาวประมงพักอาศัย เรียบง่ายมาก ไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย ถังจื่อโม่ตั้งใจขบคิด กลับไม่รู้เลยสักนิดว่าที่นี่คือสถานที่ใด
โย่ว ตื่นแล้ว! เสียงทุ้มหยาบดังขึ้น ถังจื่อโม่หันไป เห็นชายหนุ่มสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรคนหนึ่งเดินเข้ามา ในมือถือถ้วยสองใบ ดูไม่เข้ากันอยู่เล็กน้อย
นายหลับไปวันหนึ่งแล้ว เร็วเข้า กินเสร็จพวกเราจะได้ไปต่อ ชายหนุ่มบ่นพึมพำ ถังจื่อโม่หรี่ตา หลับไปวันหนึ่งแล้ว ความหมายคือ ที่เขาโดนลักพาตัวเป็นเรื่องเมื่อวานหรือ? เขาหลับไปนานขนาดนี้? กินเสร็จแล้วไปต่อ อย่างนั้น พวกเขาจะไปที่ไหนกัน? ถังจื่อโม่ระงับความกังวลและความสงสัยในใจ บังคับตัวเองให้ใจเย็นๆ กลิ่นหอมของกับข้าวลอยมา เขากลับรู้สึกหิวเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกเหมือนเดินไม่ไหวเลยสักนิด
ถังจื่อโม่ไม่ทำให้ตัวเองต้องลำบาก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เชื่อฟังสักหน่อยมีประโยชน์กว่าอะไรทั้งสิ้น เขยิบเข้าไปยกถ้วย กินข้าวอย่างเชื่อฟัง
คุณลุง ที่นี่คือที่ไหนเหรอ? ถังจื่อโม่แสร้งทำเป็นเด็กอ่อนหัด ถามอย่างใสซื่อสุดความสามารถ
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ชายหนุ่มพูดโดยไม่ต้องคิด ถังจื่อโม่เข้าใจ คงจะเป็นคนที่ทำตามคำสั่งผู้อื่นอย่างเรียบง่ายคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องรู้มากมาย แต่ว่า อย่างนี้มันยิ่งอันตรายน่ะสิ
แล้วเดี๋ยวเราจะไปไหนกันเหรอ? ถังจื่อโม่แสร้งถามช้าๆอย่างไม่ใส่ใจ ท่าทางกินข้าวไม่หยุดชะงัก เหมือนเอ่ยปากถามไปเรื่อยอย่างสมบูรณ์แบบ
ชายหนุ่มแหงนหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง คนก่อนหน้านี้กำชับไว้ว่า เจ้าเด็กนี่ฉลาดมาก ทางที่ดีอย่าได้พูดอะไรทั้งนั้น เขาคิดว่าเป็นเพียงเด็กอายุสี่ห้าปีคนหนึ่งเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ จึงบ่นพึมพำไปสองสามคำ คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้ยิน ยังคิดถามบางสิ่งกลับด้วย
ถึงแล้วก็รู้เอง น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นเยียบลง ถังจื่อโม่รู้ ตนไม่อาจถามมากไปกว่านี้ได้แล้ว เขามีใจคิดป้องกันเสียแล้ว เขาแค่เชื่อฟังเงียบๆไปก็พอ
ครับ ถังจื่อโม่ไม่ได้แสดงการระแวดระวังกับความสงสัยออกมาแม้แต่น้อย พูดอย่างเชื่อฟัง
ชายหนุ่มยังไม่วางใจ ความสงบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เด็กห้าขวบพึงมี ปรากฏตัวในสถานที่แปลกตาเพียงคนเดียว ไม่เพียงไม่ร้องไห้ไม่โวยวาย ยังมีแก่ใจวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบัน น่ากลัวจริงๆ ยังดี วันนี้เขาก็สามารถส่งคนไปได้แล้ว ถึงตอนนั้นก็ไม่เกี่ยวกับตนแล้ว
ถังจื่อโม่กินข้าวเสร็จอย่างเงียบเชียบ ชายหนุ่มเอาถ้วยออกไปแล้ว ถังจื่อโม่นั่งยองๆอยู่ที่เดิม ครุ่นคิดว่าสองวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ถูกต้อง สำหรับเขาแล้ว นับไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ เมื่อวานขึ้นรถคันหนึ่ง แล้วก็มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่แล้ว
ถังจื่อโม่คิด เมื่อวานตนคิดอย่างไรกัน? ตอนที่คนเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็มีลางสังหรณ์ว่าพุ่งเป้ามาหาตนเอง คงจะไม่มีใครคาดคิด ว่าพวกเขาจะลงมือในสถานที่ที่ไม่ไกลจากบ้านตระกูลถัง คำที่ว่าเงาใต้แสงไฟ คงเป็นเช่นนี้กระมัง
ถังจื่อโม่คิดจะซ้อนแผน แต่คำนวณพลาดไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะฉีดยาใส่ตนตรงๆ สลบไสลไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ถ้าหากว่าตอนอยู่บนรถ รักษาสติเอาไว้ได้ ต่อให้ถูกปิดตา เขาก็สามารถจำทางได้ ตอนนี้ ในสถานที่แห่งนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนสถานที่ไร้ผู้คนอยู่บ้าง จะทำอย่างไรดี?
อีกทั้งเป็นเวลาหนึ่งวันแล้ว พ่อแม่ก็ยังหาไม่เจอน่าจะเป็นห่วงมาก ถังจื่อโม่คิดว่า ตนมีชีวิตอยู่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่า ที่นี่คือที่ไหน พวกเขาต้องทำอย่างไรถึงจะหาตนเจอ ใบหน้าเล็กอ่อนนุ่มของถังจื่อโม่ยับยู่
ช่างมัน เรือถึงหัวสะพานย่อมตรงเอง ตอนนี้ ทำเรื่องที่สมควรทำก่อน
ดังนั้น รอจนถึงตอนที่มีคนเข้ามา ถังจื่อโม่ก็กำลังขีดวาดบนผนัง ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมาตามจิตใต้สำนึก นายกำลังทำอะไรน่ะ?
ฉันกำลังเขียนเวลา! ถังจื่อโม่ไม่แม้แต่หันหน้าไป จริงๆเลย เลขอารบิกง่ายๆอย่างนี้ก็ดูไม่รู้เรื่องหรือ? เมื่อวานฉันถูกลักพาตัว ตื่นขึ้นมาก็เป็นวันนี้แล้ว ถ้าตอนเย็นเปลี่ยนที่อีก ตื่นขึ้นมาก็น่าจะเป็นอีกวันหนึ่งแล้ว รู้สึกว่าจะเป็นลมไป เลยขีดวาดเล่นไปเรื่อย ผ่อนคลายจิตใจเสียหน่อย
ถึงจื่อโม่พูด แล้วทิ้งไม้กระบองในมือไป เขาต้องเปลืองแรงไปมาก ถึงสามารถทิ้งร่องรอยไว้บนกำแพงนี้ได้ ที่สำคัญคือ รอยนี้ไม่อาจถูกลบได้ เขาไม่รู้ว่าพ่อแม่จะหาเขาเจอเมื่อไหร่ ได้แต่ใช้วิธีที่ง่ายที่สุดบอกพวกเขาเท่านั้น ว่าเขาเคยอยู่ที่แห่งนี้
พวกเราต้องไปหรือยัง? ถังจื่อโม่ถาม น้ำเสียงขลาดกลัวเล็กน้อย ราวกับว่าเวลานี้ เขาได้กลายเป็นเด็กห้าขวบคนหนึ่งแล้ว ต่อหน้าเรื่องที่ยังไม่รู้ รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว
อืม จะไปแล้ว ชายหนุ่มพูด เดินไปตรวจดูตัวอักษรที่ถังจื่อโม่ทิ้งไว้เล็กน้อยก่อน เป็นตัวเลขจำนวนหนึ่งจริงๆ เพียงบันทึกว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ ไม่มีเนื้อหาอื่นๆ เขาถึงได้วางใจลงเล็กน้อย แต่ว่าทิ้งไว้อย่างไรก็ไม่ดี ดังนั้นจึงคิดจะถูลบทิ้ง แต่ว่าถูเช็ดแล้ว พบว่าไม่อาจถูออกได้ง่ายๆ งั้นก็ทิ้งไว้เถอะ
ไม่อย่างนั้นคุณก็ขีดทิ้งไปก็ได้ ฉันว่างๆก็เลยเขียนเล่น ถังจื่อโม่มองออกถึงความไม่สบายใจของเขา พูดไปอย่างไม่ใส่ใจ ก็เขากังวลว่าจะหลงเหลือสัญญาณอะไรไว้ไม่ใช่หรือ? ถึงอย่างไร…ก็ไม่ได้สำคัญอะไร
ไม่เป็นไร คนคนนั้นได้ยินถังจื่อโม่พูดเช่นนี้ ก็ไม่ใส่ใจอีก อย่างมากก็แค่อักษรไม่กี่ตัวเท่านั้น ต่อให้ถูกพบจริงๆ คนก็เคลื่อนย้ายจากไปแล้ว พวกเขาก็หาไม่เจออยู่ดี
ถังจื่อโม่พยักหน้า แล้วคลี่ยิ้มเบาบางออกมาในที่ที่ไม่มีใคร เขาเชื่อ ไม่ช้าก็เร็วพ่อแม่ของเขาจะต้องหาสถานที่นี้เจอ เขาก็ถือเสียว่ารายงานความปลอดภัยก็พอ
ถังจื่อโม่คิดเช่นนี้ และเฝ้ารอให้พ่อแม่ของเขาตามหาพบโดยเร็วที่สุดเช่นกัน อยู่ข้างนอกคนเดียว ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย
ม่านราตรีย่างกราย ชายหนุ่มกำลังรอใครอยู่อย่างเห็นได้ชัด ถึงจื่อโม่ไม่ได้คิดที่จะหนี แน่นอนว่าเขาก็หนีไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงทำตามแผนการของพวกเขาอย่างสงบ
เพียงแต่ ตอนที่ถังจื่อโม่เห็นพวกเขาถือกล่อง ทั้งร่างก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา แท้จริงแล้วพวกเขามีความกังวลว่าเขาจะหลบหนีมากขนาดไหนกัน?