ตอนที่ 1063
“อะไรกันที่อยู่ในโบราณสถาน?” เหยาซือหยานที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสดเอ่ยคำถามที่หลายคนต่างสงสัยออกมา สายตาของนางหันมองทางลั่วฉวนอย่างไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าลั่วฉวนไม่ทราบ เขาไม่ได้มีความสามารถในการทำนาย เพียงแค่เป็นเถ้าแก่ร้านธรรมดาคนหนึ่งก็เท่านั้น
“เดี๋ยวก็ได้ทราบกัน” ลั่วฉวนกล่าวตอบ
ในการถ่ายทอดสดของเอเลน่า เมื่อเหวินเทียนจีกล่าวออก ลูกค้าหลายคนก็เตรียมผ่านทางเข้าเข้าไป
หากเทียบกับรอยแยกที่แทบจะแบ่งสองโลก กลุ่มลูกค้าหลายสิบคนที่ปรากฏตัวตรงหน้าก็ไม่ต่างอะไรกับจุดแสง
เมื่อผ่านแสงอันโกลาหลเข้าไป มันไม่มีใดเกิดขึ้น
มันเหมือนกับการข้ามผ่านสิ่งกีดขวางที่ไม่อาจมองเห็น ความรู้สึกนั้นค่อนข้างเลวร้ายยิ่งกว่าการข้ามผ่านเส้นทางเคลื่อนย้ายที่เถ้าแก่ทำเอาไว้
เอเลน่าอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนี้ตอนผ่าน “เส้นทาง” เข้าไป
เหมือนดังที่เห็นจากภายนอก เข้ามาแล้วมันก็ยังคงเป็นสีสันวกวนโกลาหลบิดเบี้ยวไปมา แนวคิดเรื่องเวลาและมิติที่นี่ค่อนข้างทำให้เกิดความสับสน ส่วนแรงโน้มถ่วงนั้นไม่มีคงอยู่
ถัดจากนั้นลูกค้าคนอื่นที่รับชมการถ่ายทอดสดกันอยู่จึงได้ยินเสียงอุทานดังจากปากของเอเลน่า
ระหว่างการถ่ายทอดสด ภาพฉากรอบด้านได้บิดเบี้ยวไปไม่ถึงชั่ววินาทีก่อนจะกลับคืนความปกติ
ทว่าในการรับรู้ของเอเลน่าและลูกค้าผู้อื่นที่ผ่านเส้นทางเข้าไป พวกเขาใช้เวลาในพื้นที่โกลาหลมากกว่านั้น สาเหตุนั้นเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะมันคือความบิดเบี้ยวของกฎพื้นฐานทำให้เกิดความต่างทั้งเวลาและมิติ
หลังได้ยินเสียงอุทานของเอเลน่า กลุ่มคนที่กำลังรับชมเรื่องราวกันอยู่ฝั่งร้านต้นตำรับก็อดไม่ได้ที่จะอุทานร้องดังตามกันออกมา
เพราะภาพที่ได้เห็นผ่านหน้าจอมันชวนให้เกิดอาการนึกทึ่ง
“ที่นี่…” เอเลน่าเหม่อมองโลกในโบราณสถาน นางไม่อาจหาคำมาบรรยายได้พักหนึ่ง
ทรุดโทรมและเย็นเยือก เป็นสองคำแรกที่ปรากฏในความคิดเมื่อได้เห็นโลกตรงหน้า
สายตาของนางมองไปยังป่าเหล็กอันไร้สิ้นสุด สิ่งปลูกสร้างที่ปรากฏมันแตกต่างจากทวีปเทียนหลันอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังมีแต่รูปแบบเช่นเดียวกันนี้ยาวสุดสายตา กระทั่งว่ากลายเป็นความทรุดโทรมเพราะกาลเวลา พวกมันก็ยังแสดงให้รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต
เส้นทางภายในเมืองตัดกันไปมา ทว่ามีแต่รอยแตกร้าวปรากฏ เศษซากยานยนต์พาหนะเต็มท้องถนนเกลื่อนกลาด มันเป็นดินแดนที่ไร้ซึ่งสีเขียว และก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดคงอยู่ ที่นี่เป็นแดนรกร้างที่ไร้ซึ่งชีวิตอย่างเต็มรูปแบบ
ซากปรักหักพังท่ามกลางแสงสลัว ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีส้มที่ค่อนข้างประหลาด ทั้งยังมีสายลมแรงและฝุ่นควันหนาทึบปกคลุม เสียงสายลมที่พัดผ่านซากปรักหักพัง มันจะเกิดเป็นเสียงราวกรีดร้องดังในโลกอันอ้างว้างแห่งนี้
มันคืออารยธรรมที่สูญสิ้นไปยาวนาน
เมื่อเอเลน่าและคณะมาถึงโบราณสถานแห่งนี้ สิ่งที่พวกเขาได้พบคือสภาพโลกที่ล่มสลาย
ทางด้านหลัง รอยแยกแนวตั้งได้เชื่อมต่อผืนฟ้ากับพื้นแผ่นดิน มันเปรียบดังดวงตาของปีศาจที่กวาดมองสรรพสิ่งด้วยความโหดเหี้ยมและเฉยชา
เงียบงัน ไร้ซึ่งคำพูด เรื่องราวที่ได้เห็นกับตามันชวนตื่นตะลึงเกินไป
โทรศัพท์วิเศษของเอเลน่าตอนนี้ยังคงทำหน้าที่การถ่ายทอดสดอย่างดีเยี่ยม ภาพฉากซากปรักหักพังได้ฉายให้ลูกค้าทุกคนที่รับชมอยู่ได้เห็น
ลั่วฉวนจ้องมองการถ่ายทอดสดพลางถอนหายใจ
คำของอานเหวยหยาก่อนหน้านี้กล่าว “โบราณสถานครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ เถ้าแก่ไม่สนใจไปตรวจสอบดูหรือ” ได้ปรากฏขึ้นในใจเขา
มัน “พิเศษ” จริงอย่างที่นางกล่าว
มันคืออารยธรรมที่แตกต่างจากทวีปเทียนหลันอย่างสิ้นเชิง อารยธรรม… ที่กลายเป็นเศษซาก
เศษซากที่หลงเหลืออย่างเงียบงัน มันมากพอจะบอกเล่าทุกสิ่ง
หากลั่วฉวนคาดเดาไม่ผิด มันคืออารยธรรมที่ล่มสลายในเส้นทางของวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ตอนนี้ และความลึกลับก่อนหน้านี้
ทวีปเทียนหลัน… ช่างเป็นโลกที่ไม่ธรรมดา
ร้านต้นตำรับตกสู่ความเงียบงัน ราวกับผู้คนกำลังดื่มด่ำและแตกตื่นกับภาพที่ได้เห็นผ่านการถ่ายทอดสด
ไม่ทราบว่าเป็นเสียงผู้ใดกลืนน้ำลายดัง สภาวะความเงียบงันเลือนหาย บทสนทนากลับมาอีกครั้ง
เสียงตอนแรกนั้นยังคงเบา แต่ไม่ช้าหลังดึงสติกลับมากันได้ เสียงพูดคุยยิ่งมายิ่งดังขึ้นอย่างตื่นเต้น
แม้ทวีปเทียนหลันรู้จักถึงการคงอยู่ของโบราณสถานเป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้เข้าไปรับชม
“ทำไมภาพลักษณ์ของโบราณสถานนี้ดูแปลก? เหมือนจะเป็นเมืองหรือเปล่า?”
“เมืองหรือ? เมืองไหนจะใหญ่โตได้ขนาดนั้นกัน?”
“เมืองที่แปลกนัก ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
“มีแต่ซากปรักหักพัง ไม่ทราบเลยว่าจะมีโอกาสได้ไปเห็นกับตาตนเองหรือไม่…”
บทสนทนาค่อนข้างไปทางเดียวกัน หลังเกิดตื่นตกใจอยู่ภายใน พวกเขาก็เริ่มพูดกล่าวกันถึงข้อดีของโบราณสถานแห่งนี้
ในความเห็นของผู้ฝึกตนแห่งทวีปเทียนหลัน ปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างโบราณสถาน ทุกแห่งล้วนมีความแปลก
แม้ว่าระดับความแปลกครั้งนี้ราวคนละโลก แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในขอบเขตที่รับได้
“เป็นยังไงบ้างเถ้าแก่?”
อานเหวยหยาส่งข้อความมาผ่านโทรศัพท์วิเศษ
“พิเศษจริง”
ลั่วฉวนตอบกลับไป
อานเหวยหยาส่งอิโมติค่อนที่สื่อว่า “แหงอยู่แล้ว” กลับมา
ลั่วฉวนรู้สึกนึกขบขัน ทว่าก็ไม่ได้ตอบกลับไป
ครั้งเพิ่มความสามารถในการโทรด้วยเสียงและวิดีโอในแอพแชท เขายังเพิ่มการใส่อิโมติค่อนเข้าไป
ตอนนี้ถือว่าได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าไม่น้อย
“เถ้าแก่ นี่คือความพิเศษที่อานเหวยหยากล่าวงั้นหรือ?” เสียงของเหยาซือหยานดังจากข้างกาย “ที่นี่ดูแปลกออกไปมาก”
“เป็นร่องรอยของอารยธรรมต่างโลก” ลั่วฉวนเผยความเห็น
“ร่องรอยของอารยธรรม?” เหยาซือหยานทวนคำเสียงเบา สายตายังคงจับจ้องที่การถ่ายทอดสด เสียงของนางยังคงเบา “ฟังดูแล้วเป็นเรื่องเศร้า”
“ในห้วงจักรวาลอันไร้สิ้นสุด การถือกำเนิด การพัฒนา และการสูญสิ้น ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เกือบทุกอารยธรรมต้องก้าวเดินไปจนถึง” เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ลั่วฉวนค่อนข้างจริงจัง “แต่กว่าจะก้าวไปจนถึงจุดสูงสุดนั้นได้ เป็นเรื่องหาได้ยากมากทีเดียว”
เนื้อหาของบทสนทนากลับกลายเป็นอีกระดับความเข้าใจหนึ่ง
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ
“โลกแห่งนี้ทำเอาข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ” เอเลน่าถอนฟองน้ำกลับคืนก่อนจะขมวดคิ้ว “มีแต่กลิ่นอายของความตายเต็มไปหมด”
อาการตอบสนองของชาวไซเรนที่เหลือในคณะสำรวจ รวมถึงชาวทะเลต่างก็เป็นเช่นเดียวกับเอเลน่า ทางด้านผู้ที่เป็นมนุษย์มีอาการตอบสนองน้อยที่สุด
“ใช่ ไม่มีตรงใดดีเลย” เหยาซือเย่ว์สงบใจลงก่อนจะพึมพำคำออกมา “ข้านึกเสียใจที่มาแล้ว”
เหวินเทียนจีสำรวจมองรอบ สีหน้าเขาเคร่งเครียด เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าหลังผ่านเส้นทางมาจะต้องพบเจออะไรที่เกินคาดเช่นนี้
โบราณสถานครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนที่เขาเคยไปเยือนอย่างสิ้นเชิง และในบันทึกโบราณก็ไม่เคยมีอะไรที่คล้ายคลึงกันนี้ปรากฏ
หยวนก่วยขมวดคิ้วและสำรวจมองรอบ โลกแห่งนี้ไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต ดังนั้นอย่าได้กล่าวถึงว่าจะมีวัตถุดิบใดคงอยู่
ช่างมัน อย่างน้อยก็ได้มาสำรวจ หวังว่าจะมีอะไรที่ไม่ธรรมดาให้รับชมบ้าง
หลังผ่านอาการครุ่นคิดและเงียบงันกันพักหนึ่ง สมาชิกคณะสำรวจจึงเริ่มหารือกันว่าจะตรวจสอบโบราณสถานแห่งนี้ยังไง