ตอนที่ 1098
ความมืด
โลกทั้งใบได้กลับกลายเป็นขมุกขมัวจนสภาพแวดล้อมมองเห็นได้แค่เพียงโดยคร่าว เค้าลางของสิ่งปลูกสร้างในบริเวณที่เชื่อมโยงต่อกันกลายเป็นภาพที่น่ารับชมประหนึ่งห้วงความฝัน
เฮอร์แมนกำลังมองหมอกสีขาวที่ปกคลุมรอบกาย มันคือ “สื่อ” ที่ทำให้ตัวเขาได้เห็นโลกในสภาพเช่นนี้ได้
ที่แห่งนี้… มันคือโลกแห่งความฝันที่มีไว้เพื่อเผยความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริง มีน้อยคนที่จะได้มาเยือนและสัมผัสถึงที่นี่
ร่างมนุษย์ได้กลายเป็นกลุ่มควันสีขาวเดินไปมาตามถนน ร่างเงาของผู้คนทั่วไปจะเชื่อมโยงถึงกันในโลกแห่งความฝัน และสิ่งที่จะได้เห็นจากที่นี่ มันคือริบบิ้นหลากสีสันที่ปะปนกันยุ่งเหยิง
ผู้ที่สามารถควบคุมเวทมนตร์ได้จะมีร่องรอย รถรางเวทมนตร์ที่ใช้เวทมนตร์เป็นพลังงานก็เช่นกัน ทว่าร่องรอยที่เหลือเอาไว้โดยวัสดุที่ไม่เคลื่อนไหวจะไม่เกิดสีสัน
“งานยากแฮะ” เฮอร์แมนมองที่ร่องรอยสีแดงที่ติดตามมา ตอนนี้มันหลอมรวมเข้ากับริบบิ้นหลากสีบนท้องถนน เขาถึงกับต้องกุมขมับตนเอง
เสียงถอนหายใจดังปรากฏ เขานำเอาขวดน้อยขวดเดิมออกมา พ่นสเปรย์สองครั้งที่รอบด้าน จากนั้นชั้นหมอกบางจึงเริ่มปรากฏและหนาขึ้น
อีกทางหนึ่ง โลกแห่งความฝันที่เดิมมีหมอกขาวปกคลุมได้กลายเป็นชัดเจนมากขึ้น ริบบิ้นหลากสีสันเริ่มหดขนาดเล็กลงจนมองเห็นความยุ่งเหยิงได้กระจ่างมากขึ้น
ตรวจหาแยกแยะเส้นทางของร่องรอยสีแดง เฮอร์แมนติดตามเดินอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งพบเจอผู้คนสัญจร หรือก็คือกลุ่มควันสีขาวที่เดินไปมา พวกเขาผ่านไปโดยไม่หลบเลี่ยง ตัวเขาที่อยู่ในโลกแห่งความฝัน มันคือคนละห้วงกาลอวกาศกับผู้คนทั่วไป
ด้วยตามร่องรอยต่อไป สุดท้ายเขามาถึงถนนสายหนึ่ง ผ่านหัวมุมตรงหน้า จากนั้นฝีเท้าจึงหยุดลง
ร่างสีแดงที่เหมือนดังเลือดกำลังเดินอยู่ตรงหน้า ร่องรอยทิ้งเอาไว้ในทางที่ผ่านอย่างเด่นชัด สิ่งปลูกสร้างรอบด้านต่างก็โดนผลกระทบไปด้วย
เฮอร์แมนหยุดและถอยไปยังมุมถนน สีหน้าของเขากลับกลายเป็นประหลาดใจ ราวกับเขาไม่คิดเชื่อสิ่งที่ได้เห็น
โรนาที่กำลังจะเปิดประตูห้องพัก ราวกับตระหนักรู้ถึงสายตาที่มองมาจากทางด้านหลัง ถนนสายนี้ไม่มีใครอื่น มีเพียงแต่แสงจากไฟส่องทางทั้งสองฟากข้างที่เป็นแหล่งให้กำเนิดแสงสว่าง
เขาขมวดคิ้ว ราวกับไม่เชื่อว่าการรับรู้ของตนผิดเพี้ยน ฝีเท้าก้าวเดินออกไปและสำรวจมองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
เขาเลือกที่พักอาศัยในสถานที่ไกลห่าง และตอนนี้ก็ยังไม่ใช่ดึกมากขนาดที่ผู้คนจะกลับมา รอบด้านไม่มีคนอื่น หากจะมีก็คงเป็นแสงไฟส่องทางที่ทอดยาวออกไปตามถนน
เฮอร์แมนยืนอยู่ไม่ไกล เพียงอึดใจ เขานำเอาขวดน้อยออกมาพ่นออกไปหลายครั้ง หมอกฉับพลันหนาขึ้นกว่าที่เคยเป็น
เขามองโรนาที่ถอยกลับหลังสำรวจมองอยู่พักหนึ่ง ลมหายใจต้องผ่อนลากยาวพร้อมพึมพำกับตนเอง “การรับรู้ระดับนี้น่าสะพรึงนัก”
ถัดจากนั้นเขาจึงมองขวดน้อยในมือ มันเต็มไปด้วยของเหลวสีน้ำเงินสว่างที่สะท้อนราวกับแสงดาว ตอนนี้ถูกใช้งานไปราวหนึ่งในสามได้แล้ว
เมื่อเก็บมันกลับ เขาเผยสีหน้าเคร่งเครียด “ใช้ไปเยอะไม่น้อย… หวังว่าคงไม่เสียเงินเปล่านะ…”
ถัดจากนั้นเขาค่อยเดินออกจากหัวมุมและมองไปยังสิ่งปลูกสร้างสีแดงด้วยดวงตาสั่นระริก
มันต้องมีสาเหตุที่ก่อเรื่องใหญ่แล้วเลือกไม่หนี นั่นเพราะมั่นใจในกำลังของตนเอง? หรือ… เป็นเพราะเซ็นน่ายังมีอะไรติดค้างที่ต้องทำต่อ?
ดวงตาของเฮอร์แมนหรี่ลง เขาเกิดสนใจจนเผยยิ้มบางออกมา แม้พบเจอเป้าหมายของงานในเวลาอันสั้น แต่เขายังไม่คิดเร่งรีบไปแจ้งเออร์ฮาร์ต
บางทีรออีกสักหน่อยคงได้เห็น ว่าเซ็นน่าจะเกิดคดีใหญ่อะไรขึ้น เขาคิดจับตาเฝ้ามอง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
เฮอร์แมนหาวออกมาวอดใหญ่ ความง่วงเริ่มเข้าครอบงำ วันนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ไว้ว่ากล่าววันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
ที่เขตใบเมเปิ้ลแดง กองอัศวินที่นำโดยเออร์ฮาร์ตยังคงประจำการที่นี่ เออร์ฮาร์ตกำลังเดินมาพลางมองสิ่งปลูกสร้างที่เสียหายเป้นครั้งคราว
นี่ก็นานไม่น้อยแล้วตั้งแต่ที่เฮอร์แมนเดินหายเข้าไป จนกระทั่งถึงตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังไม่ออกมา
หลังเดินวนไปมาสองรอบ เออร์ฮาร์ตขมวดคิ้วและตัดสินใจ “ไปกัน ตามข้าเข้าไปด้านในเพื่อตรวจสอบ”
อัศวินหลายคนที่ประจำการต่างร่วมทางกับเขาเข้าไปยังด้านในอาคารผ่านทางหน้าต่าง ชั้นแรกนั้นยุบตัวพังทลาย หน้าต่างจึงเป็นทางเข้าที่เหลืออยู่
“เข้าไปและค้นหา อย่าได้ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวจนกระทบซากสิ่งปลูกสร้าง” หลังออกคำสั่ง เออร์ฮาร์ตและอัศวินหลายนายจึงเริ่มทำการตรวจสอบ
สิบนาทีผ่านพ้น พวกเขากลับมารวมตัวกันที่ด้านนอก เออร์ฮาร์ตรับฟังรายงานก่อนจะได้ข้อสรุปออกมา เฮอร์แมนหายไปราวอากาศธาตุ
“ได้ยินว่านักสืบเฮอร์แมนมักจะกลับไปโดยไม่บอกผู้อื่นเป็นประจำ กว่าผู้อื่นจะรู้ตัวเขาที่เข้าไปสำรวจที่เกิดเหตุก็หายตัวไปแล้ว นึกว่าเป็นเพียงข่าวลือ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง!”
“พวกเราเฝ้าระวังอยู่โดยตลอด แม้แสงไม่สว่างมากจนเห็นกระจ่าง แต่คนคนหนึ่งหายออกไปได้โดยไม่มีใครรู้ตัว นั่นหมายความถึงเขาหายไปได้ราวอากาศธาตุ…”
กองอัศวินพูดคุยกันด้วยอาการประหลาดใจ เหมือนว่าข่าวลือที่พวกเขาได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริงอันน่าทึ่งเข้าให้แล้ว
“เหมือนว่าจะไปนานแล้วด้วย…” เออร์ฮาร์ตมองไปยังสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าที่พังทลาย เขาส่ายศีรษะและถอนหายใจ ตอนนี้ทำเสียเวลาไปมากแล้ว
โรนาที่กลับเข้าห้อง เขาเปิดไฟ ห้องที่เคยมืดมิดกลับกลายเป็นสว่างเพราะพลังเวทมนตร์
เสื้อกันลมถูกถอดออก หมวกทรงสูงก็แขวนไว้ตรงหน้าประตู ถัดจากนั้นเขาค่อยไปนั่งรินน้ำชาพลางดื่มอยู่ในห้องเพื่อผ่อนคลาย
รอบห้องพัก เขาได้วางอักขระเวทมนตร์เอาไว้โดยรอบแล้ว มันสามารถตัดการไหลเวียนของพลังงานภายนอกและภายในสถานที่ ต่อให้เป็นผู้วิเศษก็ไม่มีทางตรวจพบเจอได้
ตอนนี้เขากำลังครุ่นคิด มือของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลง มันราวกับจะระเบิดความร้อนออกมาจนแปรเปลี่ยนเล็บเป็นสีแดง…
เพียงพริบตามันได้กลับกลายเป็นกรงเล็บแหลมคมประหนึ่งสัตว์ร้าย ทว่ามันไม่มีร่องรอยความดุร้าย แต่กลับกลายเป็นความงดงามสูงส่งพร้อมออร่าอันแปลกประหลาด
ก้อนมิธริลสีขาวเงินถูกนำออกมา นิ้วยื่นไปและตวัดใส่ เสียงฟุ่บดังปรากฏ ร่องรอยเผยให้เห็นเด่นชัด แม้มิธริลก็เกิดร่องรอยได้…
นิ้วของเขาขยับอีกครั้งเหวี่ยงออกไปยังผนัง คมมีดได้ก่อตัวขึ้นจากพลังงานสีแดงชาดสัมผัสกับกำแพงในพริบตา อักขระเวทมนตร์ที่ซ่อนตัวอยู่ทำงานโดยทันทีพร้อมเกิดแสงสว่างเจิดจ้า
พลังเวทมนตร์ที่รวมตัวกันต้านรับพลังงานสีแดงชาด เพียงไม่กี่วินาที พวกมันทั้งสองต่าง่ถึงขีดจำกัดก่อนจะเกิดเสียงระเบิดเบาปรากฏขึ้น
โรนาพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ พลังเท่านี้ถือว่าดีแล้ว ความสามารถของตัวเขาได้ก้าวหน้าเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ มันมากพอที่เขาจะเก็บไว้ใช้เป็นไพ่ตายได้