ตอนที่ 1094
“จะให้ดื่มกาแฟฟรีก็ไม่ได้จริงไหม?” ลั่วฉวนเผยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
กล่าวถึงเรื่องนี้ เหยาซือหยานไม่อาจหาคำโต้แย้งได้ “เอ่อ แต่ที่ข้ากล่าวนั้นหมายถึง… ไม่เป็นไร เถ้าแก่ว่วาอย่างไรข้าก็ว่าอย่างนั้น”
ถัดจากนั้นเขาจึงหยิบผลึกทั้งสองสีซึ่งโรนาจ่ายเป็นค่ากาแฟขึ้นมา สายตาเขาเริ่มพิจารณามอง แต่สุดท้ายก็ไม่อาจพบเห็นอะไร
“เถ้าแก่ สองก้อนผลึกที่ลูกค้าคนนั้นจ่ายไว้น่าจะมีมูลค่าไม่ใช่น้อย” หลังสำรวจมองครู่หนึ่ง เหยาซือหยานก็ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น” ลั่วฉวนวางพวกมันลงที่ชั้นวางเช่นเดิม “แต่มันก็แทบไม่ต่างอะไรกับของประดับร้าน”
เหยาซือหยานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะตอบ คล้ายว่ามุมมองเรื่องนี้ของลั่วฉวนจะเกินกว่าที่ผู้ใดคาดคิด
“นี่จึงเป็นเถ้าแก่” เหยาซือหยานยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอีกครั้ง จากนั้นจึงมองออกไปยังแสงที่อยู่นอกหน้าต่าง “เซ็นน่าเหมือนว่าจะเจริญยิ่งกว่าออรัน”
“ทั้งสองเมืองอยู่ห่างไกลกันมาก เซ็นน่าแทบไม่โดนผลกระทบจากเก้าหายนะธรรมชาติเลย ทั้งยังรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ได้” ลั่วฉวนกล่าวบอก
“ไม่ใช่ว่าครั้งเก้าหายนะธรรมชาติปรากฏตัว มันได้แผ่ขยายไปทั้งเก๋อหลัวไม่ใช่หรือ?” เหยาซือหยานเผยข้อสงสัย
“หายนะปรากฏขึ้นที่แดนโกลาหล มันกระจายออกไปโดยรอบและกัดกร่อน” ลั่วฉวนอธิบาย
“เข้าใจแล้ว ที่เถ้าแก่หมายความถึงคือหากอยู่ไกลจากแดนโกลาหล เช่นนั้นผลกระทบที่ได้รับก็ยิ่งน้อยลง” เหยาซือหยานตอบคำ
ลั่วฉวนเดินออกจากด้านหลังเคาน์เตอร์ “รู้สึกเบื่อนิดหน่อย ออกไปเดินเล่นกันดีกว่า เซ็นน่าเป็นเมืองชายทะเล มีพื้นที่ใหญ่ยิ่งกว่าออรัน มีหลายสิ่งอย่างน่าสนใจไม่ใช่น้อย”
เขายังคงนึกถึงการปิ้งเนื้อย่างข้างทะเล ภัตตาคารชายหาดศิลาทมิฬที่เพิ่งเปิดกิจการก็กำลังไปได้ด้วยดี แต่ค่อนข้างไกลห่างจากที่นี่ และไม่ทราบด้วยว่าตอนนี้รถรางยังวิ่งอยู่หรือไม่
การออกค้นหาอาหารถือเป็นหนึ่งในแรงจูงใจของลั่วฉวนที่ไปเยือนสถานที่แห่งใหม่ การใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงมาเยือนเก๋อหลัว หากได้ทานอะไรก็รู้สึกเหมือนดังได้ทานของจริง เช่นนั้นเมื่อใดที่ภายนอกอิ่มแล้ว เขาก็ยังมาทานที่นี่ได้อีกรอบ
เหยาซือหยานตอบรับด้วยความยินดี ร้านกาแฟมีระบบคอยช่วยรักษาความปลอดภัยให้อยู่แล้ว ดังนั้นทั้งสองจึงเพียงปิดประตูร้านและเดินออกไป
“รอบด้านช่างเงียบเหงานัก” เหยาซือหยานมองรอบด้านก่อนจะเผยความเห็น
แสงไฟจากสองฟากข้างของถนนมีหลายแห่งที่ต้องผ่านการบำรุงซ่อมแซม บ้างก็หม่นแสง บ้างก็กระพริบไปมา สิ่งปลูกสร้างใกล้เคียงก็ค่อนข้างเก่า ส่วนใหญ่มืดมิดสนิท มีเพียงแต่แสงไฟของเมืองที่เจริญแล้วสว่างให้เห็นบนฟากฟ้าไกลออกไป
ยามค่ำคืน หมู่ดาวนับไม่ถ้วนเป็นจุดแสงประดับฟากฟ้า รวมถึงสองดวงจันทราสุกสว่างที่เคียงคู่กันร่วมเผยแสงอันเย็นเยือก
“ผู้คนแถบนี้ค่อนข้างเงียบเหงาไปหน่อย” ลั่วฉวนกล่าวบอก กับสภาพรอบด้านร้านกาแฟเช่นนี้เขาเองก็ไม่ทราบว่าควรทำยังไงดี “การเดินทางไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก ต้องเดินไปอีกหลายถนนกว่าจะขึ้นรถรางเวทมนตร์ได้”
“รถรางเวทมนตร์?” ดวงตาของเหยาซือหยานเผยประกายความสงสัย
ทวีปเทียนหลันไม่มีพาหนะที่เหมือนดังรถยนต์ ตามปกติแล้วจะใช้สัตว์อสูรหลากหลายชนิดเป็นพาหนะเสียมากกว่า นี่เป็นอีกหนึ่งในความแตกต่างระหว่างสองอารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัด
นอกจากนี้แล้ว ที่ออรันซึ่งถือเป็นเมืองด่านหน้าก็ไม่มีของเช่นรถรางเวทมนตร์ให้ใช้งาน พวกเขาค่อนข้างดิบเถื่อนกว่า ส่วนใหญ่จะขึ้นขี่สัตว์อสูรเป็นพาหนะ
“มันคล้ายรถยนต์ในผลงานที่ข้าเขียนขึ้น” ลั่วฉวนนึกหาตัวเปรียบเทียบ “เพียงแต่ใช้แหล่งงานที่แตกต่างกัน”
“ฟังดูน่าสนใจ” เหยาซือหยานเกิดคาดหวังอยากได้เห็น
“ตอนนี้ค่อนข้างดึกแล้ว ไม่ทราบว่ายังมีรถรางวิ่งอยู่หรือไม่ แต่ไปรับชมดูก่อนได้” ลั่วฉวนกล่าวบอก
ภายใต้แสงที่ส่องสว่างมากขึ้น เงามืดอึมครึมทางด้านหลังค่อยเลือนหาย สองร่างยังคงเดินต่อไปจนกระทั่งถึงถนนอีกสายหนึ่ง…
เขตใบเมเปิ้ลแดง เซ็นน่า
พื้นที่บริเวณนี้เป็นของเหล่าชนชั้นสูง สภาพแวดล้อมนำพามาซึ่งมูลค่าที่ดินซึ่งสูงตาม พื้นที่แห่งนี้ประชากรส่วนใหญ่ทำได้เพียงมองรับชม
แต่เพราะเหตุระเบิดเมื่อคืนก่อน หลายคนต่างเลือกเดินทางจากไป แม้มีกองอัศวินคอยเฝ้ายามคุ้มกัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่อาจหลีกพ้นจากคำตำหนิ
เออร์ฮาร์ตที่เป็นหัวหน้ากองอัศวินยากพูดกล่าวตอบโต้ ต่อหน้าชนชั้นสูงทั้งหลาย เขาจะต่อต้านอะไรได้?
แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องมีคำอธิบาย เขาจำเป็นต้องยืนยันข้อคาดเดาให้เรียบร้อยเพื่อหาทางปิดคดี
ส่วนว่าจะยืนยันตัวคนร้ายยังไง เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของนักสืบเฮอร์แมนจากสำนักงานสร้างฝัน
สำนักงานสร้างฝันมีชื่อเสียงโด่งดังในเซ็นน่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชื่อเสียงอันแข็งแกร่งของเฮอร์แมนไร้ผู้ใดกังขา
เวลานี้บ้านซึ่งถูกแรงระเบิดเล่นงานถูกปิดตายและมีกองอัศวินคอยเฝ้าระวังตรวจตราเพื่อค้นหาร่องรอยที่อาจหลงเหลือ
“อัศวินมากมายนัก เหมือนว่าจะคุ้มกันเป็นอย่างดี เหตุการณ์นี้ดูไปแล้วได้รับความสนใจไม่ใช่น้อย แปลว่าจะต้องหาทางจับตัวผู้ก่อเหตุให้ได้ใช่หรือไม่?”
ชายที่สวมชุดสูทเดินเข้ามา ศีรษะเขามีหมวกทรงสูงสวมใส่เอาไว้พร้อมไม้เท้าสีดำที่พาดกับข้อมือ จากรูปลักษณ์น่าจะอายุราวสามสิบปี ใบหน้ามีริ้วรอยบ้างตามกาลเวลา ตัวตนของเขานั้นคมกริบประหนึ่งมีด และสายตาเขากำลังมองซากปรักหักพังตรงหน้าที่กองอัศวินประจำการณ์ด้วยความสนใจ
“ที่เซ็นน่า หากลงมือโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ต่อให้เป็นยอดฝีมือแห่งตำนานก็ต้องโดนกฎเกณฑ์ลงโทษทัณฑ์” หัวหน้ากองอัศวินเออร์ฮาร์ตกล่าวคำหนักแน่นเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ถัดจากนั้นเขาจึงสำรวจมองโดยรอบก่อนจะลดเสียงลง “หากนึกถึงสถานะเจ้าของบ้านเช่นอัลบูเคอร์ แม้ชื่อเสียงไม่ดีไปบ้าง แต่การจะตายอย่างไม่ทราบวิธีการเช่นนี้ออกจะเป็นไปไม่ได้จนเกินไป”
อัลบูเคอร์แห่งตระกูลวาโรเล็ทยังมีชีวิตหรือตกตายแล้วยังไม่ทราบ แต่พวกเขาทราบดี ว่าการจะรอดชีวิตจากแรงระเบิดรุนแรงมหาศาลเช่นนั้นได้ โอกาสมันไม่ต่างกับรอเหรียญทองตกจากฟ้า
อีกฝ่ายพยักหน้ารับพร้อมเผยยิ้มบาง “ด้วยเพราะเป็นมิตรสหาย เช่นนั้นข้าก็อยากกล่าวเอาไว้ เจ้าเพิ่งพูดว่าเหตุระเบิดเกิดขึ้นเพราะยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง หากคิดอยากหาตัวผู้ลงมือ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะสืบสาวจากร่องรอย เกรงว่าต่อให้พบก็มีแต่ความเสี่ยงรอคอยอยู่”
สุดท้ายเฮอร์แมนจึงส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้มที่เลือนหาย เสียงถอนหายใจดังปรากฏจากปากของเขา
เออร์ฮาร์ตส่ายศีรษะพลางยิ้ม เขาตรวจสอบกระเป๋าตนเองก่อนจะยื่นให้เฮอร์แมน “ค่าตอบแทนหนึ่งล้านริก จ่ายก่อนห้าแสน อีกห้าแสนจ่ายก็ต่อเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น”
ใบหน้าเฮอร์แมนค่อยกลับมายิ้มได้อีกครั้ง หลังรับเงินและตรวจนับเรียบร้อยเขาจึงเก็บไป “ไปกัน ตอนนี้ไปดูกันว่าอาคารหลังนั้นสภาพเป็นยังไง สิ่งสำคัญสำหรับนักสืบคือการสืบหาร่องรอยในที่เกิดเหตุ”