ตอนที่ 1105
ลั่วฉวนลืมตาพลางหาว เสียงพูดคุยลูกค้าภายในร้านมีดังและเบาสลับกัน ใช้เวลาพักหนึ่งกว่าหัวเขาจะโล่งกระจ่างได้
เหยาซือหยานที่อยู่ใกล้เคียงยังคงจับโทรศัพท์วิเศษใช้งาน ราวกำลังคิดผลงาน ลั่วฉวนมองนาฬิกา พบว่ากว่าครึ่งของช่วงบ่ายผ่านพ้นไปแล้ว
“เถ้าแก่ตื่นแล้ว” เหยาซือหยานพบเห็นลั่วฉวนขยับตัวจึงเผยยิ้ม
“ร้านค่อนข้างคึกคักไม่น้อย” ลั่วฉวนปรับองศาเก้าอี้จากนอนเป็นนั่ง “มีอะไรเกิดขึ้นกัน?”
กล่าวถึงประเด็นนี้ เหยาซือหยานคล้ายยินดี “วันนี้ร้านน้อยหยวนก่วยนำเสนออาหารจานใหม่”
ลั่วฉวน : ?
อาหารใหม่ของร้านหยวนก่วยกับร้านต้นตำรับมีอะไรเกี่ยวข้องกัน? ราคาอาหารเหล่านั้น ไม่ใช่อะไรที่ผู้ฝึกตนทั่วไปจะจ่ายได้ไหว
แต่เดี๋ยว กล่าวถึงอาหารใหม่ ลั่วฉวนนึกอะไรขึ้นได้ ไม่นานมานี้ครั้งค้นพบดอกไม้ หยวนก่วยกลับมาพร้อมอาการข้างเคียงปากส่องแสง
เหยาซือหยานไม่ทราบความคิดเขา ตอนนี้นางกล่าว “อาหารจานใหม่เหล่านั้นทำขึ้นโดยดอกครามเยือกแข็ง ลูกค้าหลายคนได้ลองกันแล้ว”
ลั่วฉวนเริ่มคาดเดาได้ ว่าลูกค้าหลายคนในคำของเหยาซือหยาน มันคือเหล่าผู้ทรงอำนาจและร่ำรวยของร้านต้นตำรับ อานเหวยหยาเป็นตัวอย่างชั้นดี
แน่นอนว่ามังกรสาวมักจะไปขลุกตัวอยู่ในห้องส่วนตัวของพื้นที่ส่วนต่อขยาย ครั้งมาถึงร้าน นางไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดกับลูกค้าคนอื่นนอกจากชาวไซเรน
“อย่างนั้นแล้ว ที่คึกคักกันนี่คือเพราะอาการข้างเคียงหรือ?” ลั่วฉวนคิดอยากหัวเราะเสียงเบา มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกับเทพแห่งอาหาร
“แต่ที่ข้าได้ยินมา รสชาติของดอกครามเยือกแข็งดีไม่ใช่น้อยเลย” เหยาซือหยานที่เริ่มปรับเปลี่ยนแนวคิด ตอนนี้นางอยากทดลองดู “เถ้าแก่ มื้อเย็นวันนี้ลองดีไหม?”
“ไม่ดีกว่า” ลั่วฉวนกระแอมไอก่อนจะส่ายศีรษะตอบรับ
เหยาซือหยานก็เพียงถามไปเรื่อย จากนั้นยังสอบถามลั่วฉวนเรื่องอื่นอีกหลากหลาย
ไม่ว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น ทั้งสองจะนำมาสนทนาต่อกัน
ที่มิติส่วนต่อขยายของร้าน เหวินเทียนจียังคงนั่งนิ่งพิจารณาดอกครามเยือกแข็งบนกำแพง
ในสายตาของคนทั่วไป มันก็คือความงดงามธรรมดา แต่ในความซับซ้อน มันแฝงไว้ด้วยข้อมูล พวกมันกระทั่งซ้อนทับและหลอมรวมเข้าด้วยกันจนกฎแห่งฟ้าดินก่อเกิดขึ้น
หลายครั้งเขาพยักหน้ารับ จากนั้นจึงบันทึกความคิดของตนเองหินผลึกโปร่งแสง โทรศัพท์วิเศษเองก็มีความสามารถบันทึกข้อมูล แต่เขารู้สึกว่าตอนที่ใช้มันยังไม่แม่นยำดังที่คุ้นชิน
บรรดาลูกค้าในร้านไม่ประหลาดใจ เพราะพวกเขาเห็นบ่อยจนชินแล้ว จากสิ่งที่น่าสนใจ พบเห็นประจำก็กลายเป็นความเคยชิน
ที่ร้านต้นตำรับ เหวินเทียนจีจะดื่มด่ำไปกับความคิดของตนเอง แต่เขาไม่ใช่เพียงนั่งนิ่งโดยเปล่า คิ้วนั้นขวดก่อนจะนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา เพราะเขารับรู้ได้ถึงข้อความแชทที่แจ้งเตือนเข้ามา
รับชมข้อความบนหน้าจอ เขาขมวดคิ้ว หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเก็บเก้าอี้และเดินกลับออกไป
ลั่วฉวนที่เพิ่งสนทนากับเหยาซือหยานจบ ขณะกำลังจะเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดบนโทรศัพท์วิเศษ เขาได้เห็นเหวินเทียนจีกลับออกมา
“จ้าวตำหนักเหวินเกิดอะไรขึ้นหรือ?” ด้วยความสงสัย เหยาซือหยานเอ่ยถามเสียงดัง เหวินเทียนจีถือเป็นยอดฝีมืออันสูงสุดคนหนึ่งของทวีปเทียนหลัน จากท่าทีของเขาที่กลับออกมาผิดปกติเวลาจึงเกิดเป็นความสงสัย
เหวินเทียนจีคิดไปครู่ เขามองว่าเรื่องนี้ไม่มีใดต้องปิดบัง “คนของตำหนักจักรกลสวรรค์ที่เข้าไปสำรวจโบราณสถานตอนนี้ได้เรื่องแล้ว”
มีการค้นพบใหม่ที่โบราณสถาน? ลั่วฉวนพอได้ยินคำเหล่านี้จึงเกิดสนใจ “พบเจออะไรใหม่กัน?”
เหวินเทียนจีส่งโทรศัพท์วิเศษให้ลั่วฉวน “เถ้าแก่ลองรับชมด้วยตนเอง”
ลั่วฉวนรับมา พบว่าเป็นภาพถ่ายที่ถูกส่งมาอีกทีหนึ่ง เหยาซือหยานเข้ามาร่วมรับชม
ภาพแรก สภาพแวดล้อมค่อนข้างแสงน้อยมาก ผนังกำแพงดินปรากฏสองฝั่ง และที่ด้านล่าง มันปรากฏแม่น้ำสีขาวเงินราวกระจกสะท้อน จากสภาพน่าจะเป็นใต้ดินลึก
ภาพที่สองค่อนข้างแปลก มันปรากฏเมฆสายฟ้าลอยต่ำพร้อมประกายสายฟ้าแปลบปลาบ
“นี่คือทัณฑ์สายฟ้าหรือ?” เหยาซือหยานเกิดประหลาดใจ “แต่พลังไม่คล้ายใช่”
“ไม่คล้ายกัน ดูที่ภาพอื่น” ลั่วฉวนเปิดภาพถัดมา มุมของภาพนี้ค่อนข้างแปลก แต่เป็นภาพของสัตว์อสูรอย่างไม่ต้องสงสัย และจากตัวของมัน แขนขานับไม่ถ้วนปรากฏเชื่อมต่อขยับไปมา
ลั่วฉวนและเหยาซือหยานรับชมภาพที่เหลือและทวนซ้ำ มันเป็นสัตว์อสูรประหลาด ตัวของมันคล้ายแมลงเรืองแสงขนาดใหญ่และมีโครงกระดูกสีแดงทอง
“สัตว์อสูรในโบราณสถานงั้นหรือ” ลั่วฉวนกล่าวถามเหวินเทียนจีพร้อมส่งโทรศัพท์วิเศษกลับคืน
เหวินเทียนจีส่ายศีรษะพร้อมเผยสีหน้าเคร่งเครียด “พูดให้ถูกต้อง พวกเขาคือคนของตำหนักจักรกลสวรรค์ที่เข้าไปสำรวจโบราณสถาน”
ลั่วฉวนและเหยาซือหยานเผยสีหน้างงงัน
“หรือก็คือ สัตว์อสูรเหล่านี้ เดิมเป็นผู้ฝึกตนที่กลายสภาพงั้นหรือ?” เหยาซือหยานเกิดประหลาดใจ
“ตามที่ว่า” เหวินเทียนจีพยักหน้ารับ “แม่น้ำแห่งนั้นแปลกประหลาด มันกระตุ้นความกลัวในใจผู้คนก่อนจะส่งผลให้ร่างเกิดความเปลี่ยนแปลง”
“มันทำให้คนได้เห็นสิ่งที่หวาดกลัวที่สุดในใจสินะ” ลั่วฉวนเผยข้อสรุป ภายในเขาเกิดตระหนักได้ ว่ามันคล้ายกระจกวิเศษในผลงานชื่อดังที่เคยได้อ่าน
“ไม่เพียงเท่านั้น มันแพร่กระจายผ่านการสัมผัสหรือพลังงานที่แผ่พุ่งออกมา กระทั่งขอบเขตราชันก็ไม่อาจต้านทาน” เหวินเทียนจีถอนหายใจลากยาว “ยิ่งเวลาผ่านไปจิตใจยิ่งได้รับผลกระทบ การโจมตีเช่นนี้ผิดหลักสามัญสำนึกที่พวกเราเคยได้พบเจอ”
“ตระหนักถึงความหวาดกลัวและกระจายออกไป” เหยาซือหยานราวได้เห็นวิกฤตตรงหน้า นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ผู้คนเหล่านี้อย่างน้อยก็ขอบเขตทดสอบเต๋า หากออกจากโบราณสถานและปรากฏตัวที่ทวีปเทียนหลันละก็…”
ขณะเดียวกัน ในใจลั่วฉวนได้ยินเสียงระบบมอบภารกิจให้ บอกกล่าวตามตรง เขาแทบลืมเลือนไปแล้วว่าระบบสามารถมอบภารกิจให้ได้
“ส่งมอบภารกิจ รีไซเคิลแม่น้ำแห่งฝันร้าย รางวัล โอกาสในการสุ่มหนึ่งครั้ง”
“รีไซเคิล?” ลั่วฉวนตระหนักเห็นคำแปลกในคำอธิบาย
“แม่น้ำแห่งฝันร้ายสามารถกลายสภาพ มันจะเป็นแอพพลิเคชั่นใหม่ของเครื่องเล่นเกมเสมือนจริง” ระบบตอบกลับมา
“มันคือสิ่งที่ดึงเอาความหวาดกลัวในใจของลูกค้าออกมา?” ลั่วฉวนคาดเดาความสามารถของมัน
“ถูกต้อง” ระบบตอบรับ
เพราะลั่วฉวนไม่คิดอยากเคลื่อนไหว คิดออกไปก็ไม่ เขาเกิดรู้สึก ว่าระบบมอบภารกิจให้เพราะไม่อาจทนเห็นเขาอยู่แต่ในร้าน แน่นอนว่าการไปเดินเล่นที่เซ็นน่าไม่นับ
“ต้องไปแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง?”
“ถูกต้อง”
“ยุ่งยากจริง แต่คงเปิดประตูมิติเดินทางไปได้สินะ”
“ถูกต้อง”
หลังบทสนทนากับระบบจบลง ในความเป็นจริงใช้เวลาชั่วพริบตา
ภารกิจก็คือความสนุกอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่กับลั่วฉวน เพราะเพียงเขาไปถึงก็ดีดนิ้วแก้ปัญหาให้คลี่คลายได้แล้ว
ช่างมัน อย่างน้อยก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกเสียนาน คิดเสียว่าไปเดินเล่นซื้อของเหมือนที่เซ็นน่า แถมยังได้โอกาสสุ่มโชคหนึ่งครั้ง นั่นหมายความถึงจะมีสินค้าใหม่ปรากฏในร้าน