ตอนที่ 1102
หลังจัดการปัญหามื้อเช้าให้คิเมร่าเรียบร้อย ลั่วฉวนและเหยาซือหยานจึงเดินออกมาจากร้าน
หากออกมาพร้อมคิเมร่า เช่นนั้นอาจเกิดปัญหา ดีกว่าหากปล่อยให้มันอยู่เฝ้าร้านกาแฟ
ด้วยเพราะเป็นเมืองชายทะเล เซ็นน่ามีหลากหลายสถานที่ควรค่าไปเยือนและชื่นชม ลั่วฉวนกับเหยาซือหยานทำตัวประหนึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ…
“หือ? เถ้าแก่กับเหยาซือหยานไปไหนกัน?” ชิงหยวนที่เพิ่งมาถึงร้านพบเห็นเป็นเหยาซือเย่ว์นั่งที่โต๊ะกลางเพียงคนเดียว
“ไปใช้งานเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงกันที่พื้นที่ส่วนต่อขยายของร้าน” เหยาซือเย่ว์ยิ้มตอบคำ “พี่ชิงหยวน วันนี้ไม่หลงหรือ?”
กล่าวถึงประเด็นนี้ สีหน้าชิงหยวนกลายเป็นกระดาก “แค่ก แค่ก ไม่มีแล้ว ข้าขอตัวไปซื้อกาแฟที่หมู่บ้านซากุระก่อน”
เหยาซือเย่ว์มองตามแผ่นหลังของชิงหยวนด้วยสีหน้าไม่คิดเชื่อ
“หือ? ซือเย่ว์ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ? เถ้าแก่กับซือหยานไปไหนแล้ว?” อวี่เว่ยที่มาถึงร้านเผยความสงสัยเอ่ยถามออกมา
“ทั้งสองคนไปพื้นที่ส่วนต่อขยาย เห็นว่าจะไปเดินเล่นกันในเก๋อหลัว” เหยาซือเย่ว์ตอบรวบรัด
“เป็นเช่นนี้” อวี่เว่ยพยักหน้ารับ นางคล้ายคิดอะไรได้ก่อนจะหรี่ดวงตา “เจ้าว่าทั้งสอง…”
พบเห็นท่าทีอวี่เว่ย เหยาซือเย่ว์คิดตามก่อนจะส่ายศีรษะ “จากความรู้สึกข้า ไม่น่าใช่”
“งั้นก็คงเป็นดังเจ้าว่า” อวี่เว่ยถอนหายใจ “ช่างมัน เวลายังมีอีกมาก เรื่องพวกนี้ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว”
อวี่เว่ยเดินไปซื้อชานมก่อนจะหาที่นั่งตรงเครื่องเล่นเกมเสมือนจริง จากคำของนาง วันนี้มีนัดเล่นกลอรี่เรียบร้อยแล้ว
ลูกค้าคนอื่นเริ่มมาถึงร้านกันมากขึ้น พวกเขาต่างได้เห็นเหยาซือเย่ว์ที่อยู่หลังโต๊ะกลางต่างเกิดความสงสัย หลายคนมุ่งตรงมาเอ่ยคำถามด้วยซ้ำ
นับตั้งแต่คนแรก เหยาซือเย่ว์ตอบกลับอย่างอดทน แต่ไม่ช้าก็คร้านจะตอบ ตอนนี้เดินไปหยอกล้อเล่นกับก้อนดำน้อยแทนแล้ว
โชคดีที่ลูกค้าทั้งหลายในร้านที่มาถึงก่อนทราบเรื่องแล้ว กลายเป็นว่าพวกเขาช่วยอธิบายแทนเหยาซือเย่ว์…
ระหว่างช่วงกลางวัน เซ็นน่าค่อนข้างคึกคักกว่าตอนกลางคืน รถรางเวทมนตร์ที่นำเที่ยวทั่วทั้งเมืองทำให้ลั่วฉวนครุ่นคิด ว่าตนประหนึ่งมาท่องเที่ยวประเทศทางตะวันตกที่ค่อนข้างทันสมัย
แสงตะวันสาดส่อง ท้องฟ้ากระจ่าง สีครามเผยเด่นชัด ผู้สัญจรไปมาบนฟากข้างของถนนกว้างมีค่อนข้างมาก และรถยนต์เวทมนตร์แปลกตาหลากหลายก็วิ่งผ่านไปมา
แน่นอนว่าตรงหัวมุมถนนจะมีแผงขายหนังสือพิมพ์และนิตยสาร คติประจำหนังสือพิมพ์ยังคงเดิม กล่าวว่ารู้ทัน รวดเร็ว และชัดเจนต่อสถานการณ์บ้านเมือง
และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เหยาซือหยานได้เห็นเมืองมนุษย์เพียงอย่างเดียว นางเกิดความสนใจ ลั่วฉวนนำทางเดินเตร่เที่ยวไปทั่ว วันนี้เขาค่อนข้างเข้าใจเซ็นน่าไม่น้อยจนเดินไปไหนมาไหนสะดวกแล้ว
เส้นทางของรถรางเวทมนตร์จะมีที่เลียบชายฝั่งด้วย เมื่อท้องทะเลสีครามตีแผ่กว้างใหญ่ไพศาลตรงหน้า ผู้โดยสารหลายคนที่ไม่ใช่คนท้องที่ต่างอุทานกันออกมา
ผืนน้ำทะเลเป็นลอนคลื่น รับกับแสงแดดมันเกิดเป็นประกายระยิบระยับสุดสายตา ราวกับมันหลอมรวมผืนฟ้าสีครามเป็นหนึ่งเดียว นกทะเลสีขาวจำนวนมากโบยบินเบื้องบนพร้อมเสียงร้องอันน่ารับฟัง
ในช่วงเช้าตรู่เช่นนี้ เรือประมงหลายลำต่างกลับมาเทียบท่า ลูกเรือเริ่มทำการรวมปลาที่จับได้อย่างเนืองแน่น จากนั้นจึงกระจายส่งออกไปจำหน่าย
ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว เขายังผ่านภัตตาคารชายหาดศิลาทมิฬ ร้านที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานกลับต้องปรับปรุงใหม่อีกครั้ง คนงานมากมายเดินขวักไขว่พร้อมของประดับร้านที่ต่างไปจากเดิม
เอวาน เลโอนาร์ดที่เป็นชนชั้นสูง ตอนนี้ยังยืนควบคุมงานด้วยตนเองอย่างแข็งขัน
ตอนนี้เองที่เขาพบเห็นรถรางเวทมนตร์เคลื่อนผ่านมา ชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งบนรถในเครื่องแต่งกายต้องตา เขาโบกมือให้ทั้งสองทันทีที่พบเห็น
“ผู้จัดการ เจอคนรู้จักหรือ?” ชายหนุ่มมองตามรถรางไปก่อนจะเอ่ยถาม ที่เขาได้เห็นก็มีแต่รถราง เพราะกำลังช่วยปรับปรุงร้านอยู่จึงค่อนข้างวุ่นวายไม่มีเวลาสนใจทางอื่น
“สองท่านที่มาเยือนร้านเมื่อวานนี้” เอวาน เลโอนาร์ดยิ้มตอบรับ
“ทั้งสองท่านนั้นนี่เอง” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เขาค่อนข้างประทับใจในตัวเหยาซือหยาน เรียกว่าตื่นตะลึงก็ไม่ผิด
“ฮ่าฮ่า อย่าได้กล่าวถึงแล้ว ตอนนี้เร่งรีบตกแต่งร้านให้เสร็จจะได้รีบเปิดอีกครั้ง” เอวาน เลโอนาร์ดโบกมือสั่งงานวุ่นวายอีกครั้งหนึ่ง
…..
ณ โบราณสถาน
ท้องฟ้าเผยซึ่งแสงสีแดงส้มแปลกประหลาด สายลมกระโชกรุนแรงยังคงพัดหวีดร้องพร้อมมวลฝุ่น โลกหล้าถูกย้อมด้วยสายลมสีเหลือง ซากปรักหักพังมากมายปรากฏสุดสายตา พวกมันพังทลายเพราะกาลเวลาและสภาพอากาศเช่นนี้ที่แทบไม่อาจนับถ้วน
หลายสิบร่างกำลังออกค้นหา พวกเขาคือคนของตำหนักจักรกลสวรรค์ มาที่นี่ก็เพราะคำสั่งของเหวินเทียนจี หากเทียบกับทั้งโบราณสถานอันกว้างใหญ่ พวกเขาก็เพียงจุดเล็กจ้อย
คิดผ่านปราการพลังผันผวนภายนอก อย่างน้อยก็ต้องเป็นขอบเขตทดสอบเต๋า หมายความถึงต้องเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตทดสอบเต๋าระดับกลางถึงสูงจึงเข้ามาทำการสำรวจระยะยาวได้ และจนกระทั่งตอนนี้พวกเขายังไม่ได้พบอะไร
“นอกจากทรายกับซากผุพังของที่นี่ อื่นใดไม่คล้ายเห็นว่ามีค่า” ซือฉีเผยท่าทีเบื่อหน่ายขณะที่มีคนร้องบ่นในกลุ่มแชท
“ใต้ดินของที่นี่ใหญ่มาก มันสมควรมีอะไรมากมายซุกซ่อนเอาไว้ รอจนกว่าพวกเราค้นพบ” อีกเสียงหนึ่งดังตอบกลับมาจากกลุ่มแชท
“วาจานี้ทราบหรือไม่? โบราณสถานนี้กว้างใหญ่มหาศาล คิดว่าสำรวจทีละน้อยเมื่อไหร่จะพบเจอ?”
กระทั่งว่าเป็นจิตรับรู้ของขอบเขตราชัน ก็ยังไม่อาจฝ่าผืนแผ่นดินลึกลงไป โครงสร้างหรืออื่นใดใต้ดิน ทั้งหมดต้องขุดและมองด้วยตาเปล่าเพื่อสำรวจ
“ที่หุบเหวยักษ์นั่น พวกเราน่าจะลงไปด้านล่าง บางทีอาจพบเจออะไรเข้า”
หุบเหวดังกล่าว มันราวกับแผ่นดินถูกผ่าแยกอย่างสะดุดตาและทอดยาวจนไม่อาจมองเห็นสุดปลาย เบื้องล่างไม่อาจพบเห็นว่ามีอะไร มองลงไปจะเป็นประหนึ่งประตูสู่ขุมนรกที่พร้อมกลืนกินสรรพสิ่ง
กล่าวถึงเรื่องนี้ หัวข้อสนทนาในกลุ่มแชทเงียบงันไปครู่ อย่างไรแล้วพวกเขาก็ยังไม่ทราบว่าโลกแห่งนี้มีอันตรายใดคงอยู่หรือไม่ ไม่มีใครทราบว่าลงไปก้นบึ้งหุบเหวดำมืดนั่นแล้วจะพบเจอกับอะไร
“บางทีพวกเราควรลงไปตรวจสอบ มันอาจมีของมีค่า”
“ข้าคิดว่าเป็นไปได้ คนอื่นล่ะ?”
“ก็…”
…..
หลังเตรียมมื้อเที่ยงให้คิเมร่าเรียบร้อย ลั่วฉวนกับเหยาซือหยานค่อยกลับออกจากเก๋อหลัว
“เถ้าแก่ เหตุใดไม่ใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงพวกนี้วางแทนที่มีอยู่ในร้านกัน?” เหยาซือหยานที่กลับออกมา นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ขนาดของมัน” ลั่วฉวนนำขวดโคล่าอกจากระบบมิติเก็บของและยกขึ้นดื่ม
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ นางรอคอยคำถัดมาจากลั่วฉวน
“แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุด หากเปลี่ยน เช่นนั้นจะไม่รู้สึกแปลกตอนลูกค้าใช้แล้วก็กลับไปหรือ?” ลั่วฉวนถามกลับ
ในความนึกคิดเหยาซือหยาน คนเล่นเกมนอนเรียงรายในร้านปรากฏขึ้น…
นางส่ายศีรษะไล่เอาภาพประหลาดนั้นออกจากหัว “อืม… เก็บไว้เช่นนี้ดีกว่า”