ตอนที่ 1104
มื้อเที่ยงที่ร้านต้นตำรับวันนี้คือหม้อไฟ จากคำของเหยาซือเย่ว์ เมื่อคืนนางยังทานไม่สาแก่ใจ
และนางก็อยู่ช่วงเฝ้าร้านช่วงเช้า ดังนั้นลั่วฉวนกับเหยาซือหยานจึงไม่ขัด
ทว่าครั้งนี้รสชาติของหม้อไฟแปรเปลี่ยนเป็นเผ็ดร้อน น้ำซุปสีแดงเดือดปุดพร้อมพริกที่ภายในกำลังพลิ้วไหวไปมาในหม้อ
เพียงทานไปสองคำ เหยาซือเย่ว์ถึงกับต้องหลั่งเหงื่อล้นหน้าผาก เหยาซือหยานส่งขวดโคล่าให้ช่วยแก้วิกฤตอย่างทันท่วงที
“เผ็ดมาก แต่ก็อร่อยมากด้วย” เหยาซือเย่ว์หอบหายใจ ตะเกียบในมือนางขยับเคลื่อนไหวไม่หยุด
“ใส่พริกเยอะเกินไปแล้ว” เหยาซือหยานกล่าวหลังได้เห็น “แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้”
ลั่วฉวนไม่ออกความเห็น เผ็ดถือความชอบของแต่ละคน และเขาก็ชอบทานเผ็ด
หลังมื้อเที่ยง เวลาทำการช่วงบ่ายของร้านเริ่มขึ้น เหยาซือเย่ว์ไปนั่งประจำที่เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเรียบร้อย
ทางด้านลั่วฉวนไปนอนเอกเขนก ราวกับวันนี้ไม่คิดอยากขยับไปไหน หลังเดินเล่นที่เซ็นน่าไปตลอดทั้งเช้า เขาก็เกิดเป็นความเหนื่อยล้าคิดหลับพักผ่อน
หากให้กล่าว เหยาซือหยานจึงยังมีกำลังเหลือล้น นางถือโทรศัพท์วิเศษในมือ นิ้วเพรียวบางขยับเคลื่อนไหวแตะสัมผัสหน้าจอ ลั่วฉวนมองที่หน้าจอจึงได้เห็น ว่ามันคือเนื้อหาของ “กลอรี่” ที่นางกำลังคิดอ่าน
กล่าวโดยทั่วไป ผลงานยิ่งผ่านไปนานยิ่งเกิดเป็นความคาดหวัง ตลอดเวลาต้องคอยรักษาคุณภาพเอาไว้ ลั่วฉวนทราบเรื่องนี้ดี แต่เขาไม่ทราบว่านางจะคงสภาวะนี้เอาไว้ได้จนถึงเพียงใด
หลังครุ่นคิดไปครู่ ลั่วฉวนเกิดรู้สึกว่าจิตสำนึกของตนคล้ายลอยล่อง ความนึกคิดลอยออกจากร่างไปเล่นโกะในโลกแห่งความฝันกับเทพแห่งโกะ
“อาจารย์ไม่ใช่กลับไปแล้วหรอกหรือ?” เฉินอี้อี้ที่เล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดกับลูกค้าคนอื่น ตอนนี้พบเห็นเหวินเทียนจีเดินเข้ามาในร้านจึงร้องถาม
เท่าที่นางทราบ เหวินเทียนจีที่สำรวจตลอดทั้งช่วงเช้าเรียบร้อย ตามปกติจะกลับตำหนักจักรกลสวรรค์เพื่อไปย่อยความรู้ที่ได้รับ
เหวินเทียนจีพยักหน้ารับบางเบา คำไม่กล่าวตอบ แต่มุ่งตรงไปยังพื้นที่ส่วนต่อขยาย เขาเพิ่งกลับมาจากร้านของหยวนก่วย และรสชาติของดอกครามเยือกแข็งก็ทำได้ดีเยี่ยม
เฉินอี้อี้ขมวดคิ้ว ในใจเกิดรู้สึกว่าผิดแปลก “ประหลาดนัก อาจารย์ดูไม่เหมือนปกติ”
“แปลกออกไปบ้าง ข้าก็ว่าปกติดี” เฉินโม่ที่อยู่ใกล้เคียงไม่คล้ายใส่ใจ “น้องหญิงเร่งรีบแล้ว ถึงตาเจ้าเล่น”
“รู้แล้วน่า ราชาน้อย” เฉินอี้อี้ดึงสายตากลับคืนพร้อมโยนสองไพ่ลงไป
“นี่น้องหญิง พวกเราพวกเดียวกันนะ!” เฉินโม่แทบถลนตา
“แค่ก แค่ก ไพ่ก็ลงไปแล้ว เอากลับคืนไม่ได้แล้ว” เจียงเฉิงจวินที่เป็นแลนด์ลอร์ดเอ่ยคำออก
“แล้วทำยังไงดี?” เฉินอี้อี้มองไพ่ที่เหลือในมือ “เครื่องบิน…”
…..
ที่โบราณสถาน สายลมกระโชกแรงยังคงมีอยู่ไม่คิดเลือนหาย ไม่ว่าเดินทางไปที่ใด ที่นั่นจะมีสิ่งปลูกสร้างที่ผ่านกาลเวลาอันนับไม่ถ้วนคงอยู่ หากจะมมีอะไรที่สุดปลายโลกแห่งนี้ มันก็คงมีแต่ภาพเช่นเดียวกัน
รอยแยกที่ปรากฏบนพื้นทอดยาวสุดไกลสายตา เบื้องล่างรอยแยกพบเห็นแต่ความมืดมิดหนาทึบ ราวกับแม้แสงก็ถูกมันกลืนกินลงไป
คณะของตำหนักจักรกลสวรรค์เคยมาสำรวจที่ปากหุบเหวนี้บ่อยครั้ง
ตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเขากังวล อย่างไรแล้วมันก็ดูไม่ปกติอย่างมหาศาล ผู้ใดกันทราบว่าเบื้องล่างนี้จะมีอะไรซุกซ่อนอยู่ในความมืด
เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จัก มนุษย์มักพยายามหาคำอธิบาย โดยสรุปก็คือความหวาดกลัว
ผู้คนเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างน้อยก็ขอบเขตทดสอบเต๋า หลังสำรวจว่าปากหุบเหวไม่มีอะไรผิดปกติ พวกเขาค่อยผ่อนคลาย
แน่นอนว่าความระวังขั้นพื้นฐานยังมีอยู่ อย่างไรแล้วก็ไม่มีใครทราบว่าโบราณสถานแห่งนี้จะมีอะไรคงอยู่บ้าง สถานการณ์จะดีหรือร้ายมันอาจพลิกไปมาได้ในชั่วพริบตา
หลายสิบคนแยกเว้นระยะออกไป พวกเขากำลังสำรวจลงไปด้วยอัตราความเร็วคงที่ ขณะเดียวกันก็ให้ความสนใจกับรอบด้านและเบื้องล่าง ตระหนักหาถึงความอันตรายที่อาจมาเยือน
ตอนนี้ถือว่าลึกระดับหนึ่งแล้ว มองขึ้นไปจะเห็นก็เพียงสีเหลืองของสายลมกระโชกของซากปรักหักพัง และตอนนี้ระยะห่างทางการมองเห็นก็เริ่มมากขึ้น
ร่างทุกคนมีม่านพลังวิญญาณคุ้มกัน ทั้งยังส่องแสงเจิดจ้าที่ห้วงลึกมืดมิดแห่งนี้ มันเปรียบดังไฟส่องค้นหา แต่หากเทียบกับขนาดของหุบเขา สภาพก็ไม่ต่างอะไรกับหิงห้อยยามค่ำคืน
รอบด้านเงียบสงัดถึงที่สุด มันราวกับกำลังจมลงไปในห้วงสมุทรที่เย็นเยือกและมืดมิด โดดเดี่ยวและไร้การเชื่อมต่อกับโลก เป็นการร่วงหล่นสู่เบื้องล่างอันไร้สิ้นสุด แต่ภายในกลุ่มแชทของโทรศัพท์วิเศษก็ยังคงคึกคักดีอยู่
ด้วยเพราะโทรศัพท์วิเศษของร้านต้นตำรับ นอกจากคุณภาพดีเยี่ยมแล้ว ปัญหาทางด้านสัญญาณครอบคลุมไม่เคยมีปรากฏ จากที่ระบบบอกกล่าว การสื่อสารระหว่างโทรศัพท์วิเศษจะส่งตรงภายใต้รากฐานข้อมูลแห่งโลก
ส่วนว่าใช้พลังงานอะไร… เรื่องนี้ไม่กล่าวถึงจึงดีกว่า กับอารยธรรมที่แตกต่าง อธิบายเรื่องแนวคิดทางพลังงานไปก็มีแต่จะยาวยืด ในห้วงดาราจักรมีหลากหลายอารยธรรมที่เป็นของตัวเอง ระดับทั้งหลายต่างก้าวไกลเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้
แม้ว่าความเป็นจริงเงียบงัน แต่กลุ่มแชทก็ยังคงคึกคักต่อเนื่อง
“นี่พวกเราลงมานานขนาดไหนกันแล้ว? ผ่านไปนานไม่น้อยแล้วกระมัง? เหตุใดยังไม่ถึงก้นหลุม?”
“ใครจะทราบ สนใจลงนำหน้าไปรับชมก่อนใครเพื่อนไหม?”
“แม้ว่าข้าอยากไป แต่ไม่ไปดีกว่า”
“นี่ก็นานไม่น้อยแล้ว เริ่มรู้สึกไม่สบายใจยังไงชอบกล เร่งรีบลงไปและสำรวจดูให้แน่ชัด และจากที่เห็น ความกว้างของรอยแยกก็เริ่มลดน้อยลงไปมากแล้วด้วย…”
ทุกคนต่างตระหนักพบเห็น ภายใต้แสงสาดส่องจากม่านพลังวิญญาณ พวกเขาได้เห็นผนังหน้าผาโดยคร่าวของอีกฝั่ง ขณะตอนที่ลงมานั้นจะเห็นเพียงแค่ฝั่งเดียว
กล่าวได้ว่ารอยแยกกำลังหดแคบลงไปตามความลึก หากเป็นตามปกติก็ถือว่าใกล้ถึงก้นบึ้งแล้ว
พบเห็นเหตุการณ์ กลุ่มคนกลับกลายเป็นกระชุ่มกระชวยเร่งรีบเร่งความเร็วลงไปด้านล่างให้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรพวกเขาก็เป็นทีมสำรวจ สิ่งที่กำลังจะได้เห็นและพบเจอถือเป็นสิ่งกระตุ้นให้คาดหวัง
ภายนอกพวกเขาเงียบงันไม่พูดไม่จา แต่ในกลุ่มแชทนั้นเดือดพล่าน
“ใกล้ถึงเสียที คิดว่าที่นี่ลึกจากพื้นเท่าไหร่กัน?”
“ไม่ทราบ แต่ตัวเลขคงชวนสะพรึงแน่ ฟากฟ้าด้านบนตอนนี้ไม่อาจมองเห็นอะไรแล้ว”
“เหมือนว่าด้านล่างจะมีอะไรสะท้อน คงไม่ใช่แม่น้ำใต้ดินกระมัง?”
“สะท้อนจริงด้วย ตอนนี้อย่าเพิ่งประมาท หากพบเจออะไรอันตรายให้เร่งรีบถอนตัวกลับไปยังตำแหน่งรวมพลโดยทันที”
“ทราบแล้ว…”