ตอนที่ 1113
วันนี้ช่วงเวลาอาหารเช้าผ่านไปเร็วกว่าปกติ สาเหตุก็เรียบง่าย ลั่วฉวนค่อนข้างสงสัยว่ามิติแห่งฝันร้ายที่ระบบนำเสนอส่งมอบประสบการณ์จะเป็นเช่นไร เขาคิดว่าในใจไม่น่ามีความหวาดกลัวคงอยู่ เขากำลังคาดหวังว่าที่แห่งนั้นจะได้พบกับอะไรกันแน่
ในมิติเริ่มต้นขาวโพลน ร่างของลั่วฉวนปรากฎจากความว่างเปล่า ก่อนอื่นคือมองหาตำแหน่งแอพพลิเคชั่นใหม่ เดิมมีสามไอคอน ตอนนี้กลายเป็นสี่ ทางซ้ายสุดซึ่งมีสีขาวเงินและมีรูปลักษณ์แปรเปลี่ยนไปมา พร้อมชื่อกำกับว่ามิติแห่งฝันร้าย
“ท่านต้องการเข้ามิติแห่งฝันร้าย?”
ลั่วฉวนเดินไปตรงหน้าไอคอนที่ราวกับของเหลวแปรสภาพไปมา มือยื่นไปสัมผัส หน้าต่างข้อมูลปรากฏตรงหน้าให้เลือก “ใช่” และ “ไม่ใช่”
เขาเลือก “ใช่”
ภาพรอบด้านแปรเปลี่ยน มิติสีขาวโพลนกลับกลายเป็นห้วงความมืดมิด ลั่วฉวนยืนอยู่ในความว่างเปล่าอันดำมือพลางมองหาสิ่งเปลี่ยนแปลง
“ระบบ นี่มีปัญหาอะไรหรือไม่?” ลั่วฉวนเอ่ยถามเสียงดัง
“ขั้นตอนนี้คือการเลือกระดับ มิติแห่งฝันร้ายจะปรากฏขึ้นภายหลัง” ระบบตอบกลับมา
ตามที่ระบบกล่าว ลั่วฉวนได้เห็นไอคอนขนาดเล็ก กดเข้าไป ม่านแสงสีครามโปร่งใสปรากฏขึ้น
ข้อมูลบนม่านแสงปรากฏ ส่วนใหญ่คือตัวเลือกระดับของฝันร้าย ลั่วฉวนคิดไปครู่ก่อนจะปรับเลือกเป็นระดับสูงสุด
จากนั้นจึงกดปุ่มเริ่ม
“นักเรียนฟัง คิดว่าหลายคนคงจัดการคำถามครั้งก่อนไม่เสร็จดี ซึ่งมันก็อาจจะยากไปบ้าง โดยวันนี้เราจะเน้นที่หัวข้อนี้กัน ก่อนอื่นคือการพิจารณาเรื่องยีนเด่นและยืนด้อย เราจะได้ทราบอย่างไรว่า…”
ที่โพเดี้ยมด้านหน้า อาจารย์หญิงถือกระดาษปึกหนึ่งยืนบรรยายอธิบายหัวข้อการเรียนการสอน ชอล์กในมือของนางกำลังวาดเขียนบนกระดานประหนึ่งโรมรันในสมรภูมิรบ ลายเส้นสีขาวมากมายถูกทิ้งเอาไว้บนกระดานดำ
นักเรียนหญิงหลายคนในชุดขาวแซมน้ำเงินที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ ส่วนใหญ่กำลังรับฟังอย่างตั้งใจ แน่นอนว่ามีเพื่อนร่วมชั้นบางคนนอนฟุบหลับกับโต๊ะ บ้างก็หันไปสนใจทำอย่างอื่น บ้างก็พูดคุยกันเอง แถวหลังยิ่งย่ำแย่ที่สุด บางคนกระทั่งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น หาอะไรดู หรือหาอะไรอ่านกัน
อาจารย์หญิงวิชาชีววิทยายอมรับความพ่ายแพ้ นางไม่อาจแปรเปลี่ยนความดื้อรั้นของเด็กทั้งหลาย นักเรียนหลายคนที่แถวหลังก็เป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าผลของการไม่ตั้งใจเรียน ภายหลังมันจะเผยออกมาให้เห็นเอง
ข้างกระดานดำมีป้ายน้อยแขวนเอาไว้ ในป้ายมีอักษรลายมือเขียนเอาไว้ “สี่สิบแปดวันก่อนสอบคัดเลือกเข้ามหาลัย” อย่างสะดุดตา นักเรียนชั้นมัธยมปลายทุกคนต่างกำลังจะจบการศึกษา คำกล่าวของผู้ใหญ่ต่อเรื่องนี้มักเป็นไปในแนวทางเดียว “สิ่งนี้คือตัวเลือก ที่จะชักนำพวกเธอเดินออกไปบนหนทางอันยาวไกล หากเลือกไม่ดีมันจะกลายเป็นเหมือนดังกรงขัง” ซึ่งก็ไม่ได้ว่าจะเป็นเช่นคำกล่าว หลายคนก็ยอมแพ้ปล่อยความฝันไปกลางทาง หลายคนเดินไปถึงฝั่งฝัน และอีกหลายคนที่ไม่ได้ก้าวเดินไปเลยแม้สักก้าว
ลั่วฉวนนั่งพิงกำแพง มือเท้าคาง หากเขาจำไม่ผิด นี่สมควรเป็นชั้นเรียนมัธยมปลายปีที่สามซึ่งเขาเคยเรียน
เป็นความทรงจำที่ห่างไกล
“ลั่วฉวน ท่าทีเธอแปลกไปนะ” เด็กสาวที่นั่งโต๊ะด้านข้างใช้ปากกาจิ้มแขนลั่วฉวน เธอพูดออกมาเสียงเบา แน่นอนว่าสายตายังคงจับจ้องไปยังกระดานดำพลางพยักหน้ารับเป็นการบ่งบอกว่าเข้าใจ
หลังผ่านเวลาในมหาลัยหลายต่อหลายปี ลั่วฉวนก็แทบลืมเลือนชีวิตมัธยมปลายหมดสิ้น ได้เห็นเรื่องราวปรากฏอีกครั้ง ความทรงจำที่ขมุกขมัวมันก็เริ่มถูกซ้อนทับกับความเป็นจริง
หยางเสี่ยวคือชื่อของนักเรียนโต๊ะใกล้เคียง เธอเป็นคนดูแลชั้นเรียน เกรดการเรียนดีระดับแนวหน้า ลั่วฉวนได้ยินว่าเกรดของเธอดีระดับที่ว่าทางมหาวิทยาลัยของเมืองหลวงยอมให้โควต้าการเข้าเรียนได้ผ่านฉลุย
สุดปลายของเส้นทางมัธยมปลาย คือการที่แต่ละคนแยกย้ายเลือกเดินตามเส้นทางการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของตนเอง เว้นแต่จะพูดคุยกันไม่กี่คำในห้องแชทประจำชั้นเรียนที่ตั้งขึ้น อื่นใดแทบไม่เคยได้พบเห็นหน้ากันอีก
“คิดอะไรไปเรื่อยน่ะ” ลั่วฉวนลดเสียงเบาลงตอบกลับ หลังได้ยินเสียง อาจารย์หญิงวิชาชีววิทยาจึงหันมองมาทางนี้ ลั่วฉวนจึงนั่งตรงและรับฟังอย่างตั้งใจ
เขาก็ไม่ได้แปลกใจว่าเหตุใดปรากฏภาพฉากนี้ขึ้นมา และลั่วฉวนก็เพียงเล่นตามบทไป เป็นนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม
หลังรับฟังการเรียนการสอนไปพักหนึ่ง ลั่วฉวนรู้สึกเบื่อ เขาค้นลิ้นชักใต้โต๊ะ และก็เป็นดังที่คาด มันมีนิตยสารฉบับน้อยอยู่ เขาเลือกเปิดมันวางบนตักเพื่ออ่านด้วยความสนใจ…
ขณะอาจารย์สาวกำลังจะสรุปหัวข้อที่เรียนคราวนี้ กระติกน้ำร้อนทึบแสงที่อยู่ข้างกายถูกเปิดฝาออก เธอยกขึ้นดื่มเพื่อปรับความชุ่มในลำคอ ตามปกติแล้ว ที่ดื่มนั่นน่าจะเป็นชานม
ตอนนี้ยังพอมีเวลาก่อนจะเลิกชั้นเรียน ดังนั้นนักเรียนหลายคนจึงเริ่มพูดคุยกัน “วิชาชีววิทยาเป็นชั้นเรียนสุดท้ายของวันศุกร์ อาจารย์ทราบดีว่าหลายคนกำลังนึกถึงวันหยุดกันเรียบร้อยแล้ว เพราะแบบนั้นความคิดเลยไม่อาจจดจ่อกับการเรียนการสอน แต่นี่คือเรื่องของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต่อให้ไม่อยาก แต่ชีวิตก็ไม่เคยง่าย ขอให้จดจำเรื่องนี้เอาไว้ด้วย”
ได้ยินดังนี้ ลั่วฉวนอดไม่ได้ที่จะเก็บนิตยสารกลับไป สายตาหันมองทางเพื่อนร่วมชั้นเรียน จากนั้นจึงส่ายศีรษะ เรื่องนี้ในหมู่นักเรียนโต้แย้งกันมานานแล้ว เพียงแค่อาจารย์สาวเอ่ยกระตุ้นยากจะได้ผล
มัธยมปลายปีที่สามเป็นช่วงเวลาอันเคร่งเครียด ชั้นเรียนปกติและชั้นเรียนพิเศษต่างมีเพิ่มมากขึ้น วันนี้บังเอิญว่าเป็นช่วงวันสุดท้ายก่อนหยุดยาวสี่วันสุดสัปดาห์ เพราะอย่างนั้นนักเรียนหลายคนจึงโดนเบี่ยงเบนความสนใจกันไป
อาจารย์สาวเองก็เข้าใจดี เธอเผยยิ้มให้นักเรียนในชั้นเรียนที่กำลังถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ราวกับนึกย้อนถึงตัวเธอเองครั้งยังเรียน ชั้นเรียนก็คึกคักเช่นนี้ และก็จะยังเป็นเช่นนี้ต่อไป
“เฮ้ลั่วฉวน ไปร้านเน็ตคาเฟ่กันไหม” คนหนึ่งทางด้านหลังตบไหล่ลั่วฉวนพร้อมเอ่ยถาม
“ใช้บัตรฉันไม่ได้แล้ว” ลั่วฉวนหันมองตอบเด็กหนุ่มใส่แว่น
“ยืมมาให้เรียบร้อยแล้ว อย่าได้คิดหนี พวกเราขาดคน” เด็กหนุ่มใส่แว่นเผยบัตรให้ลั่วฉวนเห็นว่าเตรียมมาพร้อม
“ดี” ลั่วฉวนยิ้มตอบรับ
นักเรียนส่วนใหญ่ในห้องต่างก็พูดคุยกันอย่างครื้นเครง เพราะนี่เป็นช่วงเวลาก่อนหยุดยาวสุดสัปดาห์ บางส่วนอาจไปคร่ำเคร่งอ่านตำรา ทบทวนบทเรียน ขณะที่บางส่วนก็เที่ยวเล่น…
เสียงเพลงดังจากลำโพงที่แขวนบนผนัง ประกาศแจ้งถึงวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง เหล่านักเรียนในชั้นต่างอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นจากที่นั่ง คว้ากระเป๋าขึ้นมา และพร้อมที่จะพุ่งออกจากห้องเรียน
เวลาเช่นตอนนี้ ทุกคนต่างเผยสีหน้าอันแน่วแน่ออกมาราวพร้อมใจ ลั่วฉวนลุกขึ้นจากที่นั่งตนเอง เดินผ่านนักเรียนคนอื่น และออกจากชั้นเรียนไป
ช่วงบ่ายวันศุกร์ก็เป็นเช่นนี้ที่ไม่มีวิชาอื่นให้เรียนต่อแล้ว แสงแดดภายนอกค่อนข้างอบอุ่น นักเรียนหลายคนต่างพุ่งตัวกันออกมาจากชั้นเรียนของตนเองวิ่งผ่านแสงแดดอันอบอุ่นออกไปสู่ภายนอก