ตอนที่ 1123
ลั่วฉวนวางโทรศัพท์วิเศษลง เขาได้ตระหนักว่าลูกค้าหลายคนกำลังตื่นเต้นกับโลกเสมือนจริง คล้ายว่าจะเพิ่งเข้าไปยังมิติแห่งฝันร้ายกันเป็นครั้งแรก
ชิงหยวนที่เดินผ่านมาพอดี เหยาซือหยานเรียกนางหยุดเอาไว้ “ชิงหยวน เข้าไปลองใช้มิติแห่งฝันร้ายหรือยัง?”
ชิงหยวนหยุดชะงัก ท่าทีของนางราวกับยังหวาดกลัว “ลองแล้ว น่ากลัวเกินไป!”
เหยาซือหยานเกิดสงสัยต่อท่าทีตอบสนองของชิงหยวน “นี่เจ้าประสบพบเจออะไรกัน?”
“ข้ากลายเป็นคนธรรมดา รอบด้านล้อมไว้ด้วยกำแพงสูงใหญ่ ถนนที่ทอดยาวออกไปทั่วทิศล้วนถูกตัดขาด!” ชิงหยวนไม่คิดอยากนึกถึงมัน
ลั่วฉวนดื่มโคล่าไปอึกหนึ่ง เขาคาดเดาได้แล้วว่าชิงหยวนมานครจิ่วเหยายังไง ระหว่างทาง น่าจะหลงทางไปนับครั้งไม่ถ้วน
เหยาซือหยานฝืนหุบยิ้มเผยสีหน้าปั้นยาก “เรื่องนี้… หยิงหยวน เจ้ายังคิดเข้าไปลองอีกไหม?”
“แน่นอน!” ชิงหยวนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับและกัดฟันตอบ “มิติแห่งฝันร้ายคือความท้าทาย ข้าต้องเอาชนะเงาในใจตัวเองให้ได้!”
ส่วนอัตราสำเร็จว่ามีเท่าใด ลำพังแค่ความกล้าที่นางเผยออก มันก็เหนือล้ำกว่าลูกค้าส่วนใหญ่แล้ว เพราะเมื่อครู่ลั่วฉวนได้เห็น ว่าศิษย์หญิงจากสถาบันหนึ่งร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ
“หวังว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จ” เหยาซือหยานยิ้มรับก่อนจะส่งหมัดให้ชิงหยวน
ชิงหยวนตอนนี้เดินไปทางหมู่บ้านซากุระเพื่อหากาแฟดื่มสักแก้ว การได้ฟังเพลงเพื่อปรับสภาพอารมณ์จะช่วยนางผ่อนคลายได้
“ไม่ไปลองดูหรือ?” ลั่วฉวนกล่าวถามเหยาซือหยาน
“ข้ารอช่วงเย็น” เหยาซือหยานยิ้มตอบ
ลั่วฉวนเข้าใจความหมาย เพราะวันนี้ร้านเพิ่งนำเสนอสินค้าใหม่สองอย่างพร้อมกัน แม้ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นหน้าเดิมกันทั้งนั้น แต่ก็มีลูกค้าหน้าใหม่ที่เพิ่งมาร้านอีกไม่ใช่น้อย
เหยาซือหยานยังคงให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่องาน ซึ่งตรงนี้ไม่เหมือนดังลั่วฉวน ที่ส่วนใหญ่มักโยนหน้าที่เจ้าของร้าน จนกลายเป็นว่าเหยาซือหยานแทบจะเป็นเจ้าของร้านเสียเอง
“งั้นข้าไปดูหน่อย” ลั่วฉวนที่เกิดเบื่อ ตอนนี้คิดอยากไปรับชมมิติแห่งฝันร้ายอีกครั้ง เขาคิดอยากได้เห็นว่าจะเผชิญกับอะไร
“เถ้าแก่วางใจได้ เรื่องในร้านให้ข้าจัดการเอง” เหยาซือหยานคุ้นเคยกับการทิ้งหน้าที่ของลั่วฉวนแล้ว นางพร้อมทำทุกหน้าที่ด้วยตนเอง
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ จากนั้นจึงเดินไปยังมิติส่วนต่อขยาย ที่นั่งส่วนใหญ่ถูกลูกค้าจับจอง แน่นอนว่าเขามาที่นี่ก็เพื่อเข้าห้องส่วนตัวของเถ้าแก่
ลูกค้าหลายคนตระหนักเห็นลั่วฉวน กระทั่งร้องเรียกเสียงดังขณะเขาเดินผ่าน
“เถ้าแก่เล่นกลอรี่ไหม? ไม่ได้เห็นท่านเล่นนานแล้ว”
“เถ้าแก่วันนี้เล่นกันสักตาไหม…”
ลั่วฉวนตอบไปเหมือนดังเคย “ข้าคิดไปใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริง แต่ไม่ใช่เล่นกลอรี่”
ร่างลั่วฉวนหายเข้าประตูลับไป กลุ่มลูกค้าเริ่มพูดคุยกันเอง
“พวกเจ้าคิดว่าเถ้าแก่จะลองเล่นมิติแห่งฝันร้ายหรือไม่? เถ้าแก่จะได้พบเจออะไรกันนะ?” ปู้หลี่เกื๋อเริ่มคาดเดา
“มิติแห่งฝันร้ายเป็นเถ้าแก่สร้างขึ้น ดังนั้นไม่น่าส่งผลกระทบอะไรกับเขาได้” เฉินโม่ส่ายศีรษะ เขาได้ทดลองเล่นมิติแห่งฝันร้ายแล้ว ตอนนี้แทบคิดอยากทุบตีผู้ที่กล่าวว่าไม่น่ากลัว
“มิติแห่งฝันร้ายที่เถ้าแก่นำเสนอให้เล่นคราวนี้ร้ายกาจมาก หวังว่าครั้งหน้าจะปกติกว่านี้ อย่างน้อยก็เหมือนกลอรี่” เจียงเฉิงจวินเสนอความเห็นออกมา
ครั้งลั่วฉวนเดินเข้ามายังพื้นที่ส่วนต่อขยาย เขาได้เห็นเหวินเทียนจีที่ยังคงนั่งบนเก้าอี้หันหน้าเข้ากำแพง อีกฝ่ายนิ่งเงียบหาได้รบกวนผู้อื่นแต่อย่างใดไม่
แม้เป็นลั่วฉวนก็ยังไม่เข้าใจ ดอกครามเยือกแข็งงดงามนั้นใช่ แต่เขาเกิดนับถือผู้ที่จดจ่อตั้งสมาธิจับจ้องมันตลอดทั้งวัน แน่นอนว่าเขาไม่คิดเข้าไปรบกวน เพียงแต่เดินผ่านตรงไปยังห้องลับ
มิติเริ่มต้นสีขาวโพลนอันคุ้นเคย ร่างของลั่วฉวนปรากฏขึ้น
เขาเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามีลูกค้าจำนวนหนึ่งเบื่อหน่ายขนาดคิดทดสอบความกว้างใหญ่ของที่นี่ ผลลัพธ์ที่ได้คือเสียเวลาใช้งานเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงไปโดยเปล่า
เมื่อกดเลือกเข้าสู่มิติแห่งฝันร้าย มันยังคงเริ่มด้วยความดำมืดรอบด้าน จากนั้นจึงปรากฏหน้าต่างตัวเลือก ครั้งนี้ลั่วฉวนเลือกเลือกระดับปกติ
หลังกดเริ่ม สภาพแวดล้อมที่ดำมืดกลับกลายเป็นภาพฉากอันคุ้นเคย
“ชั้นเรียนเริ่มแล้ว เก็บโทรศัพท์มือถือให้เรียบร้อย วันนี้พวกเราจะพูดคุยกันถึงวิธีการใช้ JDBC เพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล MySQL รวมถึงการเสริม ลบ และปรับแก้ข้อมูลในฐานข้อมูล”
ที่โพเดี้ยมหน้าชั้นเรียน อาจารย์ที่มีเส้นผมยุ่งเหยิงกำลังเปิดสไลด์สื่อการเรียนการสอน ขณะเดียวกันก็ย้ำเตือนถึงเหล่านักศึกษาที่อยู่ในโถงว่าให้พร้อมรับข้อมูลกันได้แล้ว
สี่ถึงห้าแถวหน้าของโถงเรียนในมหาวิทยาลัยค่อนข้างโล่ง นักศึกษาส่วนใหญ่จะไปนั่งหลบมุม อาจารย์ทั้งหลายก็คุ้นเคยดีแล้ว
“ภาคเรียนนี้ทุกคนต้องเปิดฐานข้อมูลกันขึ้นมา รายละเอียดจะไม่อธิบายอะไรมาก MySQL จะเป็นหัวข้อหลักของการออกแบบจนสิ้นสุดภาคเรียน เพราะงั้นสิ่งนี้สำคัญ ขอทุกคนตั้งใจฟังให้ดีด้วย…”
กลุ่มนักศึกษาที่นั่งอยู่แถวหน้าพยักหน้ารับ พวกเขาเหล่านี้คือนักศึกษาชั้นแนวหน้าที่แตกต่างจากแถวหลังอย่างสิ้นเชิง แถวหน้าตั้งใจเรียน ขณะที่แถวหลังนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น
วิธีการดูแลชั้นเรียนของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจะแตกต่างกันไป บางคนก็มองว่าฟังหรือไม่ก็ตามสะดวก ขณะที่บางส่วนก็เข้มงวดขนาดต้องวางโทรศัพท์มือถือไว้หน้าชั้นเรียนก่อนเริ่มการเรียนการสอน
อาจารย์ที่สอนวิชา Java ไม่ค่อยสนใจนักศึกษาในชั้นเรียนเท่าไหร่ หน้าที่ของเขาคือการสอน รับรู้หรือไม่เป็นความรับผิดชอบของตัวนักศึกษาเอง อาจารย์ส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัยมักเป็นเช่นนี้ อย่างไรมันก็ถือเป็นระดับอุดมศึกษา เวลาและความตั้งใจเรียนต้องบริหารกันเอาเอง
ลั่วฉวนเกิดรู้สึกพูดกล่าวไม่ออกกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ตอนนี้ เหตุใดฝันร้ายสองครั้งต้องเป็นช่วงการเรียนทั้งสิ้น? หรือนี่จะเป็นความหลังฝังใจที่เขาไม่อยากจดจำกัน?
และต้องกล่าว ว่าภาพการเรียนการสอนเหล่านี้ธรรมดาไม่มีใดหวือหวา
การศึกษาในมหาวิทยาลัย ทราบกันดีว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญ ตึงเครียดหรือผ่อนปรนอยู่ที่ตัวคน และวิชา Java ที่กำลังเรียนอยู่นี้… ลั่วฉวนเกิดรู้สึกว่าตอนสอบเหมือนจะทำไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่…
“ลั่วฉวน นั่งเหม่ออะไรน่ะ?” เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่นั่งด้านข้างเอ่ยถามเสียงเบา “เปิดหน้าจอเร็วเข้า เหลือแค่นายคนเดียวแล้ว”
ภาพอันคุ้นเคยไม่ต่างกับความทรงจำ ลั่วฉวนจำชื่อเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ดี เฉิงเซวียน
“เปิดแล้ว” ลั่วฉวนพยักหน้าตอบก่อนจะนำเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ หากให้พูด มันแตกต่างไกลห่างจากโทรศัพท์วิเศษ
โทรศัพท์มือถือที่เขาเคยใช้ มันมีระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกหน้าจอ แน่นอนว่าแม้มีลายนิ้วมือให้สแกนก็ต้องไม่ลืมรหัสผ่าน และที่หน้าจอตอนนี้ เหมือนว่าแบตเตอรี่จะเหลือไม่มาก
“มีที่ชาร์จพกพาไหม แบตจะหมดแล้ว” ลั่วฉวนลดเสียงเบาเอ่ยคำถามออกไป ตอนนี้เขาไม่ใช่เถ้าแก่ร้านต้นตำรับ แต่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาคนหนึ่ง