ตอนที่ 1146
มูลค่าการซื้อขายของกระบี่กร่อนวิญญาณที่สูงกว่าสองร้าน มันมากพอทำให้บรรยากาศในโถงประมูลเดือดพล่าน
สำหรับผู้ฝึกตนทั้งหลาย แค่หนึ่งล้านผลึกวิญญาณก็ถือว่าเป็นสิ่งหาได้ยากในชีวิตแล้ว
ด้วยถ้อยคำของเซี่ยเมิ่งอู๋ที่กล่าวออกก่อนหน้านี้ มันลดทอนความคิดปล้นชิงของผู้คนนับไม่ถ้วนได้เป็นอย่างดี
หลังการปรากฏของดาบกร่อนวิญญาณ เซี่ยเมิ่งอู๋นำเอาวิชาฝึกฝนหายาก ยาวิเศษ และสินค้าอื่นนำออกประมูลต่อเนื่อง ความสนใจของผู้คนค่อยถูกดึงกลับคืน สุดท้ายเริ่มประมูลแข่งขันชนะกันไปด้วยราคาสูงล้ำ
บางคนเกิดคิด ว่าสินค้าประมูลเหล่านี้ราคาแพงล้ำจนเกินไป ขณะที่บางคนมองว่าควรค่าแก่สิ่งที่จ่าย ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน
ยกตัวอย่างฟิกเกอร์อนิเมะที่ได้รับการสร้างอย่างประณีต ในสายตาของคนที่ไม่เข้าใจเรื่องตัวละครสองมิติ เพียงจำนวนเงินเท่าข้าวหนึ่งจานพวกเขาก็มองว่าแพงแล้ว
แต่ในสายตาของผู้ที่รักชอบการสะสมสินค้าสองมิติ เงินถือเป็นของนอกกาย ความสุขส่วนตนไม่ใช่อะไรที่วัดค่าด้วยเงินได้
โรงประมูลย่อมมีกฎการแจ้งทรัพย์สินเพื่อเข้าร่วมการประมูล ตราบเท่าที่มีผลึกวิญญาณมากพอ เช่นนั้นต่อให้เสนอราคาสูงเพียงใดผู้อื่นก็ไม่มีสิทธิ์พูดกล่าว
เว้นแต่คิดอยากท้าทายอำนาจคฤหาสน์จ้าวเมือง นั่นก็ถือเป็นอีกเรื่อง
แน่นอนว่าเรื่องราวเคยเกิดขึ้น และก็ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในความทรงจำของผู้คนกันไปแล้ว
“การประมูลใกล้จบแล้ว” ฉู่หยางหาวลากยาว หลังรับชมอยู่นาน เขาเริ่มเบื่อ
เมื่อสินค้าชิ้นหนึ่งถูกขายไปด้วยราคานับแสนผลึกวิญญาณ เซี่ยเมิ่งอู๋ตอนนี้เกิดเว้นช่วงไม่นำเอาสินค้าชิ้นใหม่ออกมาทันทีเช่นก่อนหน้า
ภายในโถงกลับกลายเป็นเงียบงัน หลายคนต่างยืนขึ้น รั้งลมหายใจ ราวกับหวาดเกรงอะไรบางอย่าง
ผู้คนที่อยู่ในห้องชั้นสูงต่างรับชมสภาพงานประมูลที่ผิดแปลก สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังเวทียกสูงกลางโรงประมูล
“บรรยากาศเปลี่ยนไปแล้ว!”
“ถึงคราวสินค้าชิ้นสุดท้ายเสียที”
“คิดว่าจะทะลุล้านหรือไม่? ราคาแค่คิดก็น่ากลัวแล้ว”
“…”
เหล่าลูกค้าที่รับชมการถ่ายทอดสดต่างส่งข้อความแชทสดกันเข้ามาไม่ขาด
การได้เห็นผู้ฝึกตนทั้งหลายยอมใช้จ่ายเงินประหนึ่งถมที่ ยกมือขึ้นขานเงินนับหมื่นหรือแสนผลึกวิญญาณ หลายคนต่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับฝันไป
ผลึกวิญญาณนั้นคุ้มกับที่จ่ายไปจริงหรือ?
ลองหันมองที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของร้านต้นตำรับ มันช่วยเร่งความเร็วการฝึกฝนได้ ขณะที่ผู้อื่นต้องดิ้นรนอยู่เป็นเวลานาน เหตุใดความแตกต่างถึงมากมายเพียงนี้
และยามนึกถึงผลึกวิญญาณที่สะพัดภายในโรงประมูลของเมืองแห่งความโกลาหล มูลค่าของมันยิ่งแพงล้ำ ในใจของผู้คนที่รับชมอดไม่ได้ที่จะคิดตามความเห็นของตนกันไป
“ในที่สุดก็มาถึงสินค้าชิ้นสุดท้าย ถัดจากนี้ย่อมเป็นวัตถุที่กล่าวขานกันว่าสามารถเสริมศักยภาพได้” เหยาซือหยานเผยยิ้มและอดไม่ได้ที่จะกล่าวออก
ผู้อื่นที่รับชมอยู่ต่างก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ผู้อื่นที่หลบมุมมืดจนไม่ได้ทราบข่าวสาร เพียงแค่ได้เห็น พวกเขาก็นึกเสียดายแทน
“คงได้แต่กล่าวว่าทวีปเทียนหลันกว้างใหญ่จนเกินไป” ลั่วฉวนทานมันฝรั่งทอดพลางรับชมไปเรื่อย
เขาไม่คิดสนใจว่ามูลค่าประมูลของน้ำแร่สุดท้ายจะหยุดที่เท่าใด ผลึกวิญญาณสำหรับเขามันก็แค่ตัวเลข ลั่วฉวนไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย
“เห็นด้วย” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “กระทั่งว่าเป็นผู้แข็งแกร่งขอบเขตราชัน ก็ไม่เคยมีใครกล้ากล่าวว่าเดินทางท่องทั่วทั้งทวีปเทียนหลันแล้ว”
หลังทั้งสองสนทนากันเพียงครู่ ความสนใจก็หวนกลับคืนไปยังหน้าจอโทรศัพท์วิเศษอีกครั้ง
“ถึงคราวเสียที” ฉู่หยางเอนกายกับโซฟาปรับเปลี่ยนท่าทางให้สบายตัวมากขึ้น “ผู้คนเหล่านี้ต่างก็คาดหวังอยู่เช่นเดียวกัน”
ด้วยกวาดสายตามอง เขาได้เห็นท่าทีของเหล่าผู้แข็งแกร่งในห้องรับรองแยกแห่งนี้ พวกเขากำลังตึงเครียด…
ความคาดหวังเผยชัดผ่านสีหน้าพวกเขาอย่างไม่ผิดคาด ราวกับพวกเขามาก็เพื่อสินค้าชิ้นนี้ และต่างก็เตรียมการมาเป็นอย่างดี
ฉู่หยางอาจเป็นกรณีพิเศษ เขาดูท่าทีสุขสบาย แต่ในสายตาของเหล่ายอดฝีมือ ท่าทีเช่นนี้จึงแตกต่าง ราวกับทุกสิ่งอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
“ขอถาม เจ้ารู้จักชายที่นั่งทางด้านนั้นหรือไม่?”
“ไม่ทราบ ในเมืองแห่งความโกลาหลไม่เคยมีตัวตนแข็งแกร่งเช่นนั้นมาก่อน”
“นั่นอาจเป็นผู้ฝึกตนที่ได้ทราบข่าวจึงเดินทางมา”
“เหอะ งานประมูลครั้งนี้น่าสนใจเสียจริง ไม่ทราบเลยว่าสุดท้ายผู้ใดจะได้รับสินค้านั่นไปครอง…”
ฉู่หยางไม่คิดสนใจสายตาที่หันมองตน เหมือนดังก่อนหน้า เขาเพียงพูดคุยกับผู้รับชมการถ่ายทอดสดไปอย่างสนุกสนาน
แต่ในสายตาของเหล่าผู้ฝึกตนในโรงประมูล อีกฝ่ายกำลังใช้งานอุปกรณ์สื่อสารที่หาได้ยากพูดคุยกับผู้อื่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“การประมูลดำเนินถึงตรงนี้ก็เกือบจะสิ้นสุดแล้ว” เซี่ยเมิ่งอู๋เผยยิ้มกล่าวคำออก “เช่นนั้นข้าไม่ขอพูดมากความ ทุกคนเตรียมรับชมสินค้าชิ้นสุดท้ายของวันนี้กันได้”
นิ้วของนางแตะสัมผัสที่แหวนมิติ ขวดกระจ่างใสบรรจุของเหลวใสเผยในมือนาง โลโก้ร้านต้นตำรับบนตัวขวดนั้นเลือนหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“!!!”
“นึกแล้วไม่ผิด!”
“น้ำแร่ของร้านต้นตำรับ!”
“จากท่าทีของแต่ละคนในโรงประมูล ราคาสุดท้ายคงทะลุฟ้าเป็นแน่!”
“แค่พวกเขามาร้านต้นตำรับก็ซื้อน้ำแร่กันได้แล้ว…”
“ตื่น ตื่น อย่าได้มองตนเองเป็นผู้เข้าร่วมงานประมูล อย่าได้กล่าวถึงหนึ่งหมื่นผลึกวิญญาณ แค่หนึ่งพันผลึกวิญญาณก็หามาให้ได้ก่อน”
“…”
ยามเมื่อเซี่ยเมิ่งอู๋นำเอาสินค้าชิ้นสุดท้ายออกมา จำนวนข้อความแชทสดบนหน้าจอเพิ่มขึ้นอย่างพุ่งทะยาน เห็นได้ชัดว่าเหล่าลูกค้าที่รับชมกันอยู่ตื่นเต้นเพียงใด
ภายในโรงประมูล เมื่อสินค้าชิ้นสุดท้ายที่เรียกว่าเป็นดาวเด่นประจำงานวันนี้เผยโฉม หลังเงียบงันไปครู่ เสียงอึกทึกเซ็งแซ่ค่อยดังปรากฏในโสดประสาท
“นี่คือวัตถุที่จะช่วยเสริมศักยภาพได้งั้นหรือ? ไม่เห็นมีอะไรดูยิ่งใหญ่เลย เกินคาดคิดจริง”
“เจ้าจะทราบอะไร! ยิ่งของที่เป็นการต่อต้านฟ้าดินเช่นไรยิ่งยากจะทราบหากมองจากรูปลักษณ์ หากมันโดดเด่น เจ้าคิดสิว่าจนถึงตอนนี้จะถูกค้นพบไปแล้วเท่าไหร่?”
“นั่นก็จริง คิดอยากลองรสชาติมันแล้วสิ แต่มันจะทำอย่างที่ว่าได้จริงหรือเปล่า?”
“ทำได้เพียงคิดแล้ว มูลค่าของมันคงสูงทะลุฟ้า น่าจะเกินกว่าสิบล้านผลึกวิญญาณ…”
เสียงพูดคุยดังทะลุเพดานในโรงประมูล ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างจับจ้องสินค้าชิ้นสุดท้ายบนมือของเซี่ยเมิ่งอู๋ พวกเขาถึงขั้นคิดอยากทะยานไปแย่งชิง
ทว่าเหล่าร่างในชุดเกราะสีแดงและดำยังคงยืนหยัดประจำจุดทั่วทุกที่ เป็นผลให้เหล่าผู้ฝึกตนที่เริ่มจะสูญเสียความมีเหตุและผลดึงสติกลับคืนกันมาได้
อย่างไรแล้วที่นี่ก็คือเมืองแห่งความโกลาหล เป็นสถานที่รวมตัวของผู้ไร้ซึ่งที่ไป บ่อยครั้งมักเกิดเรื่องราวไม่คาดคิด
“หืม เหมือนว่าจะมีคนคิดท้าทายอำนาจคฤหาสน์จ้าวเมือง” เซี่ยเมิ่งอู๋เผยยิ้มบางพร้อมคิ้วเรียวงามที่เลิกขึ้นเล็กน้อย