ตอนที่ 1145
ตี้อู๋ปาเต๋าชะงัก
เขาค่อยนึกขึ้นได้ ว่าอาวุธที่มีขายภายในมิติขายอาวุธของร้านต้นตำรับ มันแทบจะเรียกได้ว่ามีทุกสิ่งอย่าง
ไม่ว่ากระบี่กร่อนวิญญาณเป็นสิ่งหาได้ยากเพียงใด มันสมควรมีขาย
“ขอบคุณท่าน” ตี้อู๋ปาเต๋ากล่าวขอบคุณ
เดิมเขาคิดส่งข้อความหาฉู่หยางช่วยเข้าร่วมประมูลซื้อหามาแทน
แต่ที่ร้านของเถ้าแก่สมควรมีขาย เพราะแบบนั้นเขาไม่ควรจำเป็นต้องจ่าย นี่เท่ากับช่วยประหยัดผลึกวิญญาณไปได้มาก
“ก็แค่กล่าวบอกไปเรื่อย” ผู้อาวุโสที่สามหุบเขาโอสถไม่คล้ายใส่ใจ
และหากตี้อู๋ปาเต๋าร้องขอให้ฉู่หยางเสนอราคาแทนตนเอง ก็คงจะต้องมีลูกค้าบางคนกล่าวบอกให้เขาทราบอย่างแน่นอน
เมื่อเซี่ยเมิ่งอู๋กล่าวราคาประมูลออกไปแล้ว ไม่ช้าก็มีคนเข้าร่วมการประมูลโดยทันที
“หกแสนผลึกวิญญาณ”
เป็นชายตาเดียวที่ลุกขึ้นยืน เขาสำรวจมองรอบ น้ำเสียงเผยความดังชัดเจนพร้อมออร่าขอบเขตทดสอบเต๋าที่แผ่ขยาย
“เจ็ดแสน”
ก่อนจะสิ้นเสียงชายตาเดียว คนหนึ่งขานราคาใหม่ขึ้นมา
“แปดแสน!”
“เก้าแสน!”
“เก้าแสนห้าหมื่น!”
เพียงไม่กี่ถ้อยคำ ราคาประมูลกระบี่กร่อนวิญญาณทะลุไปกว่าล้านผลึกวิญญาณ
เรื่องนี้เป็นผลให้เหล่าลูกค้าของร้านต้นตำรับที่รับชมการถ่ายทอดสดต้องเดาะลิ้นกันออกมา พร้อมกล่าวออกว่าคนของเมืองแห่งความโกลาหลช่างร่ำรวยกันจริงแท้
“เคี๊ยกเคี๊ยก ตาเฒ่าคนนี้เสนอสองล้านสามแสนผลึกวิญญาณ!” เสียงหัวเราะอันแปลกหูดังภายในห้องที่ฉู่หยางอยู่
อีกฝ่ายเป็นชายชราร่างผอมบาง เบ้าตาค่อนข้างลึก สวมใส่ชุดขาดวิ่น ออร่าค่อนข้างแปลกประหลาด
“หือ นั่นตาเฒ่าอสูรโลหิตไม่ใช่หรือ? ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นตัว”
“ข่าวลือกล่าวว่าได้เป็นใหญ่เป็นโตไปแล้ว ออร่าที่เผยนั่นชวนสะพรึงโดยแท้!”
“ทั้งยังร่ำรวยมหาศาล ขานราคาสองล้านผลึกวิญญาณได้หน้าตาเฉย…”
ลั่วฉวนที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่นึกประหลาดใจ
เสียงหัวเราะ และก็ชื่อ… ไม่ผิดแน่ ตัวตนอีกฝ่ายต้องเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์สักเรื่อง
หากเขาจำไม่ผิด อีกฝ่ายเป็นตัวร้ายที่หาเรื่องตัวเอกเพราะความบังเอิญหลายครั้ง
และเหมือนว่าจะยังคอยตาราวีตัวเอกหลายครั้ง รวมถึงแย่งชิงสตรีก็ด้วย
แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดคงไม่เหมือนกัน ลั่วฉวนเพียงคิดว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลกระทบจากความผิดเพี้ยนของข้อมูลที่เกิดขึ้น
บางทีภายหน้าหากพบเจอตัวตนอะไรที่คุ้นเคย ถึงตอนนั้นอาจไม่มีอะไรให้ต้องประหลาดใจแล้วก็เป็นได้
ก็ประมาณนี้…
ในห้องถ่ายทอดสดของฉู่หยาง ข้อความแชทสดเริ่มเปลี่ยนไป
“เสียงหัวเราะนั่น ทำเอาข้าตัวสั่น”
“นั่นขอบเขตราชันจริงหรือ? รูปลักษณ์ไม่คล้ายใช่เลย+.
“สองล้านผลึกวิญญาณ แค่คิดยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะมากขนาดไหน”
“…”
“สองล้านสามแสนผลึกวิญญาณ ผู้เฒ่าอสูรโลหิตเป็นคนขานราคา” เซี่ยเมิ่งอู๋เผยยิ้มแย้ม
“ผลึกวิญญาณก็แค่ของนอกกาย หากจะใช้จ่ายกับอาวุธที่ชอบก็ไม่เห็นจะเป็นไร” ตัวร้าย… แค่ก หมายถึงเสียงของผู้เฒ่าอสูรโลหิตที่ค่อนข้างแหบแห้งดังปรากฏ ทำเอาผู้รับฟังทั้งหลายต่างเกิดความไม่สบายใจกันขึ้นมา
“นั่นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง” เซี่ยเมิ่งอู๋พยักหน้าตอบรับ ดวงตางดงามของนางหรี่ลงเล็กน้อย “แต่หากมีใครใช้กำลังเข้าแย่งชิงหลังการประมูลนั่นก็อีกเรื่อง…”
ทหารรักษาการณ์ในชุดเกราะซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วโรงประมูลเผยออร่าเล็กน้อยออกมา พวกเขาแข็งแกร่ง ผู้คนต่างรับรู้ เสียงในโรงประมูลตอนนี้ค่อยเงียบลง
ฉู่หยางขมวดคิ้ว เขาตระหนักได้ถึงออร่าอันตรายจากหุ่นกลในชุดเกราะเช่นเดียวกัน
ภัยคุกคามจากขอบเขตราชันระดับสูง นั่นคือคำอธิบายถึงความชวนสะพรึงจากร่างในชุดเกราะ
“ข้าเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องราวผิดพลาดขึ้น” เซี่ยเมิ่งอู๋ยังคงเผยยิ้ม ทว่าเนื้อความนั้นเรียกเหงื่อเย็นของเหล่าผู้เข้าร่วมประมูลได้ดีเยี่ยม “และขอย้ำอีกครั้ง เมื่อใดการประมูลสิ้นสุดลง อย่าได้ลืมเลือนเรื่องห้ามต่อสู้ในเมืองแห่งความโกลาหล”
หากเพิ่งซื้อของจากโรงประมูล แค่เดินออกไปก็โดนปล้นได้แล้ว ถึงตอนนั้นคงมีผู้ฝึกตนกว่าครึ่งที่เข้าร่วมเป็นผู้ต้องสงสัย
หากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นจริงคงไม่มีการเสนอราคาแล้ว เพียงแต่ยืนสังเกตการณ์ตรงทางเข้าออกโรงประมูล ดูว่าคนไหนที่ชนะซื้อสินค้าไปแล้วค่อยปล้นชิงเอาไม่ดีกว่าหรือยังไง?
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้น ทางคฤหาสน์จ้าวเมืองได้ออกกฎที่ใช้งานเป็นการชั่วคราว ระยะเวลาการใช้งานกฎนี้ไม่นาน เพียงแค่สิบวัน
แน่นอนว่าหากพ้นช่วงบังคับใช้กฎ หากเกิดการปล้นชิงขึ้นในเมืองก็ไม่ถือว่าเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์จ้าวเมือง
“ตาเฒ่าผู้นี้ย่อมทราบ” ผู้เฒ่าอสูรโลหิตไม่กล้าเห็นต่าง ต่อให้เขาคือขอบเขตราชันก็ไม่ใช่กล้าหาเรื่องเซี่ยเมิ่งอู๋
ตัวตนของเซี่ยเมิ่งอู๋ทราบกันดีกว่าเป็นคนดูแลเรื่องราวของคฤหาสน์จ้าวเมือง ตัวจ้าวเมืองไม่ได้ปรากฏมายาวนานแล้ว เรื่องราวทั้งหลายในเมืองแห่งความโกลาหลจะเป็นนางจัดการดูแล
ทัพรักษาการณ์คฤหาสน์จ้าวเมืองยังมีความแข็งแกร่งชวนสะพรึง ทั้งยังเป็นตัวตนลึกลับที่อยู่ภายใต้การบัญชาของนาง
นอกจากนี้แล้วลำพังแค่ความแข็งแกร่งของเซี่ยเมิ่งอู๋ก็มากล้น ดังนั้นในเมืองแห่งความโกลาหลและใกล้เคียง สถานะของนางจึงเปรียบดังผู้ไร้เทียมทาน
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง การประมูลกลับคืนสภาพเดิม บรรยากาศไม่ได้หนักอึ้งเช่นก่อนหน้า
ตี้อู๋ปาเต๋าเข้าไปยังมิติขายอาวุธ หลังค้นหาข้อมูลอาวุธที่ต้องการซื้ออยู่พักหนึ่งก็ได้พบ
“ชื่อ : กระบี่กร่อนวิญญาณ ระดับ : ศักดิ์สิทธิ์ ราคา : สองแสนผลึกวิญญาณ”
พบเห็นข้อมูลบนม่านแสง ตี้อู๋ปาเต๋าถึงขั้นชะงัก
สองแสนผลึกวิญญาณ มันถูกเสียยิ่งกว่าราคาเริ่มประมูลเสียด้วยซ้ำ หากให้กล่าวคือถูกกว่าราคาขายประมูลไปถึงสิบเท่า!
ไม่ทราบว่าหากผู้เฒ่าอสูรโลหิตทราบเรื่องจะเผยสีหน้าเช่นไร แค่นึกก็น่าตื่นเต้นแล้ว
ด้วยไม่คิดลังเล เขากดยืนยันการซื้อ และไม่เลือกแผนการผ่อนชำระแต่อย่างใด
สำหรับเขาแล้ว สองแสนผลึกวิญญาณเป็นจำนวนที่นำมาใช้จ่ายได้โดยไม่คิดอะไรมาก
โทรศัพท์วิเศษปรากฏหน้าจอแจ้งผลึกวิญญาณที่ถูกหักไปจากบัญชี แสงขาวปรากฏขึ้นตรงหน้า กระบี่กร่อนวิญญาณถูกวางเอาไว้บนแท่นยกสูงพร้อมฝักกระบี่
“มีฝักกระบี่ด้วย?” ตี้อู๋ปาเต๋าเผยความประหลาดใจ พร้อมอดไม่ได้ที่จะนึกเปรียบเทียบกับอาวุธวิญญาณที่ผ่านโลกมามากราคาสองล้านของผู้เฒ่าอสูรโลหิต
ด้วยถือกระบี่กร่อนวิญญาณในมือ มันรู้สึกราวกับเป็นแขนของเขา
ดังที่เคยบอกเล่าไปแล้ว อาวุธทุกระดับที่ขายในมิติขายอาวุธ ทั้งหมดสามารถจดจำเจ้าเอง และสามารถเรียกออกมาใช้งานได้โดยง่าย
วูบ!
เพียงดึงกระบี่ออกมา สายลมเย็นเยือกฉับพลันปรากฏ
ดวงตาตี้อู๋ปาเต๋าเผยความประหลาดใจ กระบี่เล่มนี้ถึงขั้นดียิ่งกว่ากระบี่ที่เขาใช้งานอยู่
พลังวิญญาณถูกถ่ายเทเข้าใส่ตัวกระบี่ ร่องรอยสีแดงตรงกลางด้ามจับเริ่มเคลื่อนไหว มันเผยแสงสีแดงสว่างเจิดจ้าปกคลุมทั้งตัวกระบี่
จับให้มั่น และสับฟันออก
เสียงตัดอากาศเคลื่อนตัว ร่องรอยปรากฏเล็กน้อยก่อนจะเลือนหาย
“มิติแห่งนี้น่าทึ่งเกินไปแล้ว” ตี้อู๋ปาเต๋าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจก่อนเก็บกระบี่กร่อนวิญญาณเข้าฝัก