ตอนที่ 1165
รสชาติของผลไม้เข้าคู่กับน้ำเชื่อมที่เคลือบภายนอกอย่างดีเยี่ยม เป็นรสหวานที่กลมกล่อม และอุณหภูมิก็เหมาะสมกับรสชาติ
เหมือนดังสายน้ำในหมู่บ้านชนบทที่อ่อนโยนและน่ารับชม ความอิ่มเอมปรากฏขึ้นในใจจนทำลั่วฉวนนึกประหลาดใจ
อาหารภายในปากถูกกลืนลงท้อง กลิ่นหอมหวานของผลไม้ยังคงตกค้างในช่องปากราวกับยังไม่ได้กลืนลงไป
“อร่อยมาก” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ ถ้อยคำเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
สำหรับอาหารส่วนใหญ่ เขาจะเพียงกล่าวชมในใจ แต่จานนี้ดีเยี่ยมและควรค่าได้รับการเอ่ยปากชมเชย
“เถ้าแก่อย่าได้มองว่ามันดูง่ายทำเพราะเป็นผลไม้เคลือบน้ำเชื่อม อันที่จริงแล้วกว่าจะทำได้ก็ลำบากไม่น้อย”
เหยาซือเย่ว์ตักผลไม้ชิ้นน้อยส่งเข้าปากตัวเอง แก้มขยับเคี้ยวตุ้ยลิ้มรสชาติของมัน
“ก็พอทราบได้” ลั่วฉวนเข้าใจกระบวนการทำผลไม้เคลือบน้ำตาล มันค่อนข้างยากในส่วนของการต้มน้ำเชื่อม
หากอุณหภูมิสูงเกินไป สีของน้ำเชื่อมจะเข้มจนน้ำตาล รวมถึงมีการตกผลึกทำให้เสียรสชาติการกัดเคี้ยว หากอุณหภูมิต่ำเกินไปก็จะกลายเป็นแข็งตัวทำให้เกิดรสสัมผัสที่แปลกออกไป
มีแต่ควบคุมอุณหภูมิอย่างเหมาะสม ใส่ชิ้นผลไม้ที่หั่นพอดี และเคลือบมันด้วยเวลาที่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้คือส่วนประกอบของความสำเร็จ
เหยาซือหยานเผยยิ้ม “สำหรับข้าไม่ยากเพียงนั้น เถ้าแก่ชอบก็ดีแล้ว”
เหยาซือเย่ว์ตักข้าวขึ้นทานพลางเงียบ นางตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นหุ่นไม้กินอาหารบนโต๊ะโดยไม่กล่าวคำขัดบทสนทนาคนทั้งสอง
ทานอาหารมื้อเย็นเรียบร้อย เหยาซือเย่ว์รู้สึกกระดากใจที่จะอยู่ต่อ ตอนนี้ช่วยเก็บของเสร็จแล้วจึงกล่าวลา “พี่หญิง ข้าขอตัวก่อน”
“ไว้พบกันพรุ่งนี้” เหยาซือหยานมองร่างเหยาซือเย่ว์เดินหายไปในความมืดยามค่ำคืน มือนั้นยื่นออกไปสัมผัสกับเม็ดฝนที่ร่วงหล่น ความเย็นสัมผัสกับฝ่ามือนาง “เถ้าแก่ เหมือนว่าเม็ดฝนเริ่มเล็กลงแล้ว”
“เล็กลงแล้วจริง” ลั่วฉวนยืนเคียงข้าง มือถือถุงมันฝรั่งทอดพลางมองออกไปนอกร้าน “คงใช้เวลาอีกสักพัก”
ท่ามกลางแสงไฟส่องสองฟากข้างเส้นทาง เม็ดฝนที่ร่วงหล่นจะเป็นประหนึ่งเส้นสายสีเงินที่ลากลงจากเบื้องบน สุดท้ายกระทบกับพื้นและกลายเป็นน้ำขัง
เสียงของเม็ดฝนหยดกระทบพื้นดังให้ได้ยิน ราวกับโลกนี้คงเหลือเพียงแต่เสียงฝนตก แสงที่อยู่ไกลห่างก็ค่อนข้างสลัวราวกับถูกม่านฝนซุกซ่อนเอาไว้
“ฤดูฝนครั้งนี้อยู่ยาวนานยิ่งนัก นับตั้งแต่เริ่มตกก็หลายสิบวันแล้ว” เหยาซือหยานกล่าวออกราวรำพึงรำพัน
“ไม่ว่าฤดูฝนคงอยู่ยาวนานเพียงใด แต่สุดท้ายก็มีจุดสิ้นสุด” ลั่วฉวนส่งแผ่นมันฝรั่งเข้าปากเผยเสียง กร็อบ แกร็บ ดังขึ้น “สี่ฤดูการผันเปลี่ยนเวียนวน ธรรมชาติเป็นเช่นนี้”
เหยาซือหยานที่แม้ในใจยังคงถอนหายใจ แต่พอได้ยินก็เกิดประหลาดใจ สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นหัวเราะก่อนจะรับคำ “นั่นสินะ”
ที่เมืองแห่งความโกลาหล ฉู่หยางเดินไปตามเส้นทาง โทรศัพท์วิเศษยังคงลอยตามพร้อมถ่ายทอดสดไปด้วย
“เหมือนฝนกำลังจะตก” เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เมฆสีดำเริ่มลอยต่ำลงมาทำให้บรรยากาศมืดมน
ไม่ช้าฝนก็เริ่มพรำลงมา หยดใส่ใบหน้าของเขาจนรับรู้ถึงความเย็น “เหมือนว่าการถ่ายทอดสดวันนี้คงต้องจากกันแล้ว”
และเพราะเริ่มรู้สึกเบื่อ แม้เพิ่งเริ่มการถ่ายทอดสดไปไม่นานและยังมีคนรับชมเยอะ แต่เพราะเขาหมดความสนใจแล้วจึงปิดการถ่ายทอดสดไป
หลังเดินผ่านถนนหลายสายจนแทบไม่พบเห็นผู้คนสัญจร ตั้งแต่งานประมูลจบลง เหล่าผู้ฝึกตนที่มารวมตัวกันต่างก็เดินทางกลับ
“ขอถาม ตามมานานขนาดนี้มีจุดประสงค์อะไร?” ฉู่หยางหันมองทางด้านหลังพร้อมถอนหายใจ
วงคลื่นมิติปรากฏ เซี่ยเมิ่งอู๋เผยตัว นางยังคงสวมใส่ชุดสีแดงร้อนแรงเผยส่วนโค้งเว้าของร่างกายอันเย้ายวน
“ขออย่าได้เข้าใจผิดไป ข้าเพียงมีเรื่องสอบถาม” เซี่ยเมิ่งอู๋มองตอบ ท่าทีของนางจริงจัง
“ก็ได้ ว่ามา” ฉู่หยางเผยยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “หากมีอะไรก็กล่าวออกมา ถ้าตอบได้ก็จะตอบให้”
“ที่ลอยอยู่นั่นสมควรเป็นสินค้าของร้านต้นตำรับกระมัง?” เซี่ยเมิ่งอู๋ชี้ไปยังโทรศัพท์วิเศษ
“ใช่ รู้จักร้านต้นตำรับด้วยหรือ?” ฉู่หยางเกิดประหลาดใจกับคำของนาง แต่ยามนึกถึงตัวตนของเซี่ยเมิ่งอู๋ ความประหลาดใจก็เลือนหาย
เซี่ยเมิ่งอู๋กลอกตาเล็กน้อย ผ่านไปครู่นางค่อยเอ่ยคำ “ไม่ว่าด้วยอะไร ข้าก็คือผู้ดูแลคฤหาสน์จ้าวเมืองของเมืองแห่งความโกลาหล ข่าวคราวเล็กน้อยเหล่านี้ไม่เกินเลยที่จะทราบกระมัง?”
“ถูกต้อง” ฉู่หยางพยักหน้ารับ มือเขาคว้าโทรศัพท์วิเศษมาส่ายไปมาให้รับชม “สิ่งนี้เป็นสินค้าของร้านต้นตำรับจริง แล้วมีอะไรคิดอยากถามกัน?”
“ขอข้ารับชมได้หรือไม่?” สายตาของเซี่ยเมิ่งอู๋จับจ้องโทรศัพท์วิเศษในมือของฉู่หยาง
“เชิญ” ฉู่หยางตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ
เซี่ยเมิ่งอู๋รับโทรศัพท์วิเศษที่ถูกส่งมาให้ ราวกับได้รับของเล่นชิ้นใหม่ นางพลิกมันไปมาสำรวจด้วยความสงสัย “สิ่งนี้… โทรศัพท์วิเศษนี้ใช้ยังไง?”
“ไม่ยาก แค่ลากนิ้วไปมาก็ใช้งานได้แล้ว” ฉู่หยางรู้สึกตัวเองประหนึ่งเป็นพนักงานขายสินค้าของร้านต้นตำรับขึ้นมา “ภายในของมันมีแอพพลิเคชั่นหลากหลายให้ใช้งาน แต่ละอย่างต่างมีความสามารถแตกต่างกันออกไป…”
“โอ้ น่าสนใจจริง” เซี่ยเมิ่งอู๋ตอบรับ
หลังเปิดแอพพลิเคชั่นที่เรียกว่ากระดานสนทนา ข้อมูลหลากหลายเริ่มปรากฏบนหน้าจอจนทำนางวิงเวียน
“น่าเบื่อเกินไปแล้ว ไม่ทราบว่าจะทำอะไรดี ขยับตัวยังขี้เกียจ”
“ขอปรึกษาเรื่องความยากระดับสามของมิติแห่งฝันร้ายหน่อย”
“ไปพบเจออะไรที่มิติแห่งฝันร้ายเข้าล่ะ? สนใจแบ่งปันให้มิตรสหายได้สำราญกันหรือไม่?”
“การแข่งขันโกะยากเกินไปแล้ว รางวัลกินดื่มไม่ต้องจ่ายที่ร้านต้นตำรับลอยหนีหายไปแล้ว”
“…”
แม้ไม่เข้าใจว่าข้อมูลเหล่านี้หมายความถึงอะไร แต่มันก็ถือเป็นการเปิดโลกใหม่ตรงหน้านาง
ราวกับนางได้ก้าวเดินสู่อีกโลกที่มีผู้คนมากมายหลากหลายกำลังพูดคุย
โทรศัพท์วิเศษเป็นสิ่งที่หากเป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาสักเล็กน้อยก็สามารถใช้งานได้ เซี่ยเมิ่งอู๋หลังได้รับการบอกกล่าวก็ใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว
“ข้อมูลเหล่านี้… หมายความถึงอะไรกัน?” เซี่ยเมิ่งอู๋ส่งโทรศัพท์วิเศษกลับคืนให้ฉู่หยาง ถ้อยคำของนางเปี่ยมด้วยความสงสัย
อย่างไรแล้วนางก็ไม่เคยไปที่ร้านต้นตำรับ และทั้งสองก็ไม่ใช่มิตรสหายกันด้วยซ้ำ ดังนั้นฉู๋หยางจึงตอบไปโดยคร่าว
“เกี่ยวข้องกับสินค้าของร้านต้นตำรับ” ฉู่หยางไม่อธิบายมากกว่านี้ เพราะหากคิดอธิบายให้คนที่ไม่เคยไปได้ฟัง มันก็ยากเข้าใจอยู่ดี
“โอ้” เซี่ยเมิ่งอู๋พยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยคำถามใหม่ “ตำแหน่งที่ตั้งของร้านต้นตำรับอยู่ส่วนใดของทวีปเทียนหลันกัน?”
เมืองแห่งความโกลาหลตั้งอยู่ทางทิศใต้ของทวีปเทียนหลัน ระยะห่างจากนครจิ่วเหยาถือว่าไม่ใช่เล็กน้อย นางไม่ทราบรายละเอียดของร้านต้นตำรับก็ไม่ใช่เรื่องแปลก