MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ – ตอนที่ 79

ตอนที่ 79

“ตราบใดที่ความแข็งแกร่งของโฮสต์เพิ่มขึ้นความแข็งแกร่งของขุนพลที่ถูกอัญเชิญมาก็ย่อมเพิ่มตามแม้ว่า ชูหยี จะเป็นตัวละครรองที่เกิดจากฮัวโต๋โดยบังเอิญแต่เขาก็ยังได้อิทธิพลความแข็งแกร่งด้วย”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของระบบ ลู่เฟิงถึงกับพูดไม่ออก

อ่า นี่คงไม่ได้หมายความว่าถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้น มันก็เทียบเท่ากับการปรับปรุงความแข็งแกร่งของศัตรูด้วยใช่ไหม?

ลุงแกสิ!

โชคดีที่อีกฝ่ายมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงคนเดียว แต่ทว่า เขามีแม่ทัพที่แข็งแกร่งหลายคนอยู่ภายใต้อาณัติของเขา เขาจึงไม่เกรงกลัว

ที่คฤหาสน์ของอ๋องแห่งเมืองว่านเหอ ข่าวของ จินยี่เหว่ย ได้มาถึงภายในห้าชั่วโมง

เมื่อ ลู่เฟิง ได้ยินดังนั้น เจตนาฆ่าที่รุนแรงของเขาก็ปรากฏในสายตาของลู่เฟิง

ฮวามู่หลาน ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พอเห็นท่าทีที่โกรธเคืองของลู่เฟิง เธอได้ยื่นมือออกไปจับมือของลู่เฟิงทันที”ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ”

“หึ่ม!”

ลู่เฟิง สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะสงบลงเล็กน้อย”มู่หลาน เจ้าคิดว่า ตระกูลใหญ่เหล่านี้ จะยังคงเป็นประโยชน์ต่ออาณาจักรอยู่อีกหรือไม่?”

ตามข่าวที่ได้รับจาก จินยี่เหว่ย ฮัวโต๋ ถูกควบคุมโดย ตระกูลหมิง ตระกูลแม่ทัพที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลจงซาน

แต่ไม่ใช่เพียงข่าวนี้เท่านั้น ยังมีบทสรุปของเหล่าทหารที่ซ่อนตัวหลบอยู่แต่ในตระกูลอีก

มณฑลจงซานมีตระกูลมากกว่าร้อยตระกูลใหญ่เล็กทหารส่วนตัวของพวกเขารวมกันย่อมมากกว่า 100,000 คน!

กล่าวอีกนัยนึงคือ มณฑลจงซาน ไม่ได้ไร้ซึ่งอำนาจ

แต่เพราะการต่อสู้ทั้งหมดเหล่าตระกูลพวกนี้ไม่ได้เข้าร่วมโดยการส่งทหารออกมาช่วยเหลือ!

และมันไม่ใช่เพียงตระกูลเดียว !!!

สิ่งนี้แหละที่ทำให้ลู่เฟิงโกรธ

ตระกูลเหล่านี้ ใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนของอาณาจักรหนานหยานและเพลิดเพลินไปกับความสุข เมื่ออาณาจักรตกอยู่ท่ามกลางวิกฤติคนเหล่านี้กลับรักษาผลประโยชน์ของตระกูล เหนืออาณาจักร เชี่ย!

ฮวามู่หลาน ได้คร่ำครวญเล็กน้อยและถอนหายใจออกมา”ฝ่าบาท นี่เป็นเรื่องปกติของตระกูลเหล่านี้ พวกเขาต้องการรักษาอำนาจฐานความแข็งแกร่งของพวกเขาเอาไว้ดังนั้นในสายตาของพวกเขาอาณาจักรของพวกเรา…”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ ฮวามู่หลาน รู้สึกอ้ำอึงจนพูดไม่ออก

ดูเหมือนเธอจะปกปิดบางสิ่งไว้

ลู่เฟิงได้กล่าวถามตริง ๆ “พูดมา”

ฮวามู่หลานได้พยักหน้าและตอบกลับลู่เฟิง”อาณาจักรก่อนหน้านี้ไม่ได้มีความแข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็นดังนั้นตระกูลเหล่านี้จึงเลือกที่จะปกป้อง…”

ฮวามู่หลาน ไม่ทันได้พูดจบ แต่ลู่เฟิงก็เข้าใจความหมาย

เขาได้กล่าวพูดอย่างเย็นชา”ตระกูลเหล่านี้ต้องชดใช้!”

ไม่ว่าจะเป็นการจับกุม ฮัวโต๋ หรือ การกระทำผิดต่าง ๆ ลู่เฟิง ไม่มีทางปล่อยพวกคนเหล่านี้ไปแน่

“เข้ามา!”

“ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ!”

“ไปเรียก เกาชุน,ลิโป้,และ หานเซิ่น มาพบข้า!”

“ขอรับ!”

ในไม่ช้า เกาชุน ลิโป้ และ หานเซิ่น ก็มาถึง รวมถึง เจี๋ยสวี่ เองก็เดินทางกลับมาถึง

ลู่เฟิง ไม่คิดเลยว่า เจี๋ยสวี่ จะเดินทางกลับมาเร็วขนาดนี่ แต่ก็ดีเหมือนกัน

ผู้คนจำนวนมากได้จ้องมองไปที่ ลู่เฟิง พวกเขาราวกับคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ด้วยความลังเล เกาชุน ได้ก้าวออกไปข้างหน้าและกล่าวถามด้วยความเคารพ”ฝ่าบาทมีอะไรเกิดขึ้นหรอพะยะค่ะ?”

ลู่เฟิง ได้บอกข่าวที่ได้รับมาจาก จินยี่เหว่ย

เกาชุน และ ลิโป้ กลายเป็นโกรธเคืองทันที”เมื่ออาณาจักรกำลังตกอยู่ในความยากลำบาก ตระกูลเหล่านี้ ยังเลือกที่จะปกป้องตัวเอง โทษของพวกมันสมควรตาย!”

หานเซิ่น ได้ก้าวออกไปข้างหน้าและคุกเข่าลง”ฝ่าบาทก่อนเริ่มสงครามเมืองว่านเหอ ข้าได้ส่งสาร์นขอความช่วยเหลือจากพวกกเขาไปนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีใครเลยที่ตอบรับการขอร้อง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สนใจใยดีอาณาจักรแม้แต่น้อยโทษของพวกมันสมควรถูกฆ่าล้างเก้าชั่วโครต!”

เมื่อ เกาชุน และ ลิโป้ ได้ยินดังนั้นเขาก็พูดทันที”ฝ่าบาท ได้โปรดออกคำสั่ง ข้าน้อยจะนำทัพไปสังหารตระกูลล้างตระกูลใหญ่เหล่านี้ทันที”

ลู่เฟิง ไม่ได้ตอบทันที แต่เขามองไปที่ เจี๋ยสวี่ และกล่าวถาม”เหวินเหอ เจ้าไม่มีอะไรจะพูดงั้นหรือ?”

เจี๋ยสวี่ ได้ครุ่นคิดเล็กน้อยและตอบกลับ”ฝ่าบาท ตระกูลเหล่านี้ไม่สามารถให้อภัยได้จริงพวกเขาสมควรถูกทำลายมิฉะนั้นใครต่อไปพวกเขาอาจจะก่อการกบฏขึ้นโดยตรง แต่…”

“แต่อะไร?”

เจี๋ยสวี่ มองไปที่ ลู่เฟิงและตอบกลับ”ฝ่าบาท อาณาจักรของพระองค์ในปัจจุบัน ถูกควบคุมโดยตระกูลชั้นสูงจำนวนมาก ถ้าเราทำลายพวกเขาตอนนี้ พวกเราจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อตระกูลชั้นสูงเหล่านี้ดังนั้นข้าคิดว่า…”

ก่อนที่ เจี๋ยสวี่ จะพูดจบ ลู่เฟิงได้โบกมือขึ้น”เหวินเหอ ข้ารู้ว่าเจ้าหมายถึงอะไร แต่ข้ามีเรื่องที่จะถามเจ้าบางอย่าง เจ้าคิดว่า ราชาลู่เว่ย จะเคลื่อนไหว จัดการข้าเมื่อไหร่?”

เจี๋ยสวี่ รู้สึกผงะ เขาไม่เข้าใจว่าทำไม ลู่เฟิง ถึงถามคำถามนี้อย่างกระทันหัน

แต่เมื่อคิดได้เข้าก็พูดทันที”ชัยชนะครั้งใหญ่ของพระองค์ในวันนี้ คงทำให้ ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย ไม่สามารถนั่งติดบัลลังก์ของเขาได้ และ ภายในหนึ่งเดือนเขาจะต้องลุกขึ้นมาต่อต้านอย่างแน่นอน!”

“ชื่อเสียงของข้าเมื่อเทียบกับลุงของข้าในฐานะจักรพรรดิของอาณาจักรหนานหยานเจ้าคิดว่าอย่างไร?”

“นี่…”

เจี๋ยสวี่ ไม่สามารถพูดออกมาได้

พูดตามตรง ชื่อเสียงของ ลู่เฟิง ไม่ได้ดีไปกว่า ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย อย่างแน่นอน เพราะ ลู่เว่ย เป็นพี่ชายของจักรพรรดิองค์ก่อน ทั้งยังเป็นผู้ควบคุมกองทัพนับล้านในมือ เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาล้วนมีมากเหล่ากับปุยเมฆ

นอกจากนี้ อิทธิพลของ ราชาเมกาทรอน ในหมู่ตระกูลชั้นสูงยังมีมากกว่า ลู่เฟิง

หาก เจี๋ยสวี่ พูดออกไป เขากลัวว่า ลู่เฟิง จะโกรธ

แต่ถ้าเขาโกหกออกไป นั่นก็คือการไม่ให้เกียรติจักรพรรดิของเขา

โทษความผิดฐานหลอกลวงกษัตริย์คือตัดศีรษะสถานเดียว!

“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าถามหรืออย่างไร?”ลู่เฟิงกล่าวถาม

เจี๋ยสวี่ หยุดกังวลและตอบกลับ”ฝ่าบาท ขออภัยที่ ข้าน้อยเสียมารยาท แต่ชื่อเสียงของท่านย่อมไม่สามารถเทียบเคียงกับราชาเมกาทรอนลู่เว่ยได้ในเวลานี้…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เจี๋ยสวี่ ก็มองไปที่ลู่เฟิงด้วยความตกใจเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธแต่เขากลับนึกบางอย่างขึ้นได้”ฝ่าบาทหรือว่าพระองค์คิดจะ…”

ลู่เฟิง รู้ได้ทันทีว่า เจี๋ยสวี่ เดาแผนในใจของเขาออกแล้วเขาได้พยักหน้าทันที”ถูกต้องนี่คือแผนของข้า!”

เจี๋ยสวี่ เองก็อมยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงกับพื้นอย่างเสียงดัง”ฝ่าบาทพระองค์ช่างปรีชาสามารถยิ่งนัก!”

เกาชุน ลิโป้ และ หานเซิ่น ได้มองหน้ากัน พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจว่า ลู่เฟิง และ เจี๋ยสวี่ กำลังสื่อถึงอะไร

แต่ทั้งสามคนก็ไม่ได้กล่าวถาม”ฝ่าบาทพระองค์และท่านอัครมหาเสนาบดีเจี๋ย นั้นต่างก็มีความสามารถพวกเราเชื่อว่าพวกท่านย่อมจัดการปัญหาได้อย่างแน่นอน!”

“พวกเจ้าทั้งสามรู้หรือไม่ว่าข้ากับเหวินเหอคิดอะไร?”ลู่เฟิง กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

“เรื่องนี้…”

ใบหน้าของทั้งสามคนได้กลายเป็นเขินอายเล็กน้อย

ลู่เฟิง ยิ้มและตอบกลับ”เหวินเหอ อธิบายให้พวกเขาฟัง”

“ขอรับฝ่าบาท!”

เจี๋ยสวี่ ได้มองไปที่ พวกเกาชุนทั้งสามคน”ระหว่างฝ่าบาทและราชาเมกาทรอนลู่เว่ยอย่างมากที่สุดหนึ่งเดือนจะมีการสู้รบเกิดขึ้นอีกครั้ง ในเวลานั้น ผู้คนจำนวนมากย่อมสนับสนุนราชาเมกาทรอนลู่เว่ยอย่างแน่นอน ดังนั้นฝ่าบาทจึงได้คิดแผนการนี้ขึ้น”

“ตระกูลใหญ่ของ มณฑลจงซาน จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้ มันจะทำให้ชื่อเสียงอำนาจบารมีของฝ่าบาทเพิ่มมากขึ้น!”

เกาชุน ได้คร่ำครวญเล็กน้อยและกล่าวพูดออกมา”ข้าน้อยเข้าใจแล้วพะยะค่ะ”

แต่ ลิโป้ และ หานเซิ่น ยังไม่เข้าใจ

เจี๋ยสวี่ ได้พูดต่อ

“ลงไปสั่งการทหารม้า 20,000 นาย และ เตรียมถอนรากถอนโคนตระกูลชั้นสูงทั้งหมดใน มณฑลจงซาน ที่มองว่าอาณาจักรนี้ไม่มีอะไรเลย!”

“ขอรับ!”

เกาชุน ได้ลงไปจัดการทันที

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่เฟิง ได้ออกจากเมืองว่านเหอพร้อมกับทหารม้า 20,000 นาย และ มุ่งหน้าไปยังตระกูลใหญ่ในมณฑลจงซาน

MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ

MPESIH-ระบบจักรพรรดิไร้เปรียบ

Status: Ongoing

ข้ามต่างโลกไปเป็นเพียงแค่จักรพรรดิที่ถูกควบคุมหรือไม่ ? ไม่สำคัญเพราะข้ามีระบบจักรพรรดิ!

พวกเจ้ารวมหัวกันแก่งแย่งชิงอำนาจ ? ข้าไม่สนเพราะข้ามี เจี๋ยสวี่

พวกเจ้ามีนักรบที่เก่งกาจไร้คู่เปรียบ ? เหอะ ข้ามี เทพสงคราม ฮั่

ลำดับขั้น

เนื่องจากผู้อ่านอาจเข้าใจลำดับขั้นในภาษาไทยยาก จึงอยากจะขอเปลี่ยนเป็นการทับศัพท์ลำดับขั้นแทนทั้งหมด เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น *

1.Elemental Guider จากเดิม ผู้นำธาตุ – พลังงานก๊าซ

2.Elemental Apprentice จากเดิม เด็กฝึกธาตุ – พลังงานก๊าซ

3.Elemental Journeyman จากเดิม นักผจญภัย – พลังงานก๊าซ

4.Elemental Master จากเดิม ผู้เชี่ยวชาญด้านธาตุ – พลังงานก๊าซ

5.Elemental Mage จากเดิม นักเวทย์ธาตุ – พลังงานก๊าซที่กลั่นได้, อาณาจักรแห่งพลังจิต, พลังงานจิต

6.Elemental Archmage จากเดิม ผู้วิเศษธาตุ – พลังงานก๊าซที่กลั่นได้, อาณาจักรแห่งพลังจิต, พลังงานจิต

7.Elemental Overlord จากเดิม เจ้าเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่แห่งพลังงานธาตุ – พลังงานเหลว, อาณาจักรลึกลับ, พลังลึกลับ

8.Elemental Archlord จากเดิม ผู้พิพากษาธาตุ – พลังงานเหลว + พลังงานของแก่นแท้ (ต่อธาตุหนึ่งธาตุ), อาณาจักรลึกลับ,พลังลึกลับ

9.Elemental Dominator จากเดิม ผู้ครอบครองพลังงานแห่งธาตุ – พลังงานของแก่นแท้ (ต่อธาตุหนึ่งธาตุ), อาณาจักรลึกลับ , พลังลึกลับ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท