ในไม่ช้าข่าวรายงานสนามรบก็มาถึงเหลียนป๋อ พวกเขาประสบความสำเร็จในการกวาดล้างทหารม้า 50,000 นาย โดยฝ่ายเขามีทหารชั้นยอดที่เสียไปไม่กี่สิบคน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวและยากที่จะทำใจเชื่อได้
ลู่เฟิงพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก เขาได้จ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวของทหารหลายสิบคนที่สูญเสียชีวิตในการช่วยเหลือการกวาดล้างทหารม้า 50,000 นาย ของราชาเมกาทรอน
“ฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่าพวกเราควรกระจายข่าวชัยชนะในครั้งนี้ออกไปทันที เพื่อให้ตระกูลชนชั้นสูงเหล่านั้นหวาดกลัวและลังเลที่จะเข้าทัพกับราชาเมกาทรอน ด้วยสิ่งนี้จะทำให้ชื่อเสียงของฝ่าบาทเพิ่มพูนอย่างมหาศาล!”ซุนฮก กล่าวแนะนำ
ลู่เฟิง ได้พยักหน้าตอบกลับ”เอาล่ะ ข้ายกหน้าที่นี้ให้เจ้า!”
“ขอรับ!”
หลังจาก ซุนฮก ขอตัวไปจัดการ ลู่เฟิง ก็มองไปที่ เหลียนป๋อ”แม่ทัพเฒ่า หลังจากท่านทำความสะอาดสนามรบเสร็จแล้วให้กองทัพพักผ่อนพวกเราจะออกเดินทางไปยังเมืองงูหยกในวันพรุ่งนี้!”
“ขอรับ!”
เหลียนป๋อ ได้ทำตามคำสั่ง
ในตอนนี้ ลู่เฟิง ได้กล่าวถามในใจของเขา”ระบบ ฉันเรียก เหลียนป๋ออกมา ระดับพลังของเขาถึงขั้นที่กำหนด ใช่เขาจะมีตัวละครรองห้อยติดตามมาด้วยหรือไม่ ทำไมฉันถึงไม่มีข้อมูลใด ?”
“ติ๊ง เนื่องเพราะโฮสต์เริ่มคุ้นเคยกับข้อกำหนดพิเศษของตัวละครรองที่มีผลต่อตัวละครที่อัญเชิญ จากกรณีที่ตัวละครที่อัญเชิญมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา ระบบ จะไม่ทำการเปิดเผยข้อมูล แต่จะให้ข้อมูลเฉพาะคำใบ้ให้เท่านั้น”
“ให้ฉันดู!”
ข้อมูลตัวละครได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของลู่เฟิง
อย่างไรก็ตาม มันกลับมี สองตัว ทำให้ ลู่เฟิงขมวดคิ้ว”ระบบทำไม ถึงมีตัวละครรองสองตัวได้?”
“ติ๊ง เนื่องเพราะตัวละครเหลียนป๋อ เป็นยอดขุนพลและมีความแข็งแกร่งในระดับพิเศษดังนั้นจึงได้แนบตัวละครรองเพิ่มขึ้นมาอีกตัว”
ลู่เฟิงได้พยักหน้า”ระบบตอนนี้ตัวละครทั้งสองอยู่ที่ไหน?”
“ตอนนี้ระบบยังไม่สามารถบอกได้ จะสามารถบอกได้ก็ต่อเมื่อ ตัวละครเหล่านี้มอบความภักดีหรือกลายเป็นศัตรูของโฮสต์!”
แม้ว่าคำตอบของระบบจะทำให้เขาพูดไม่ออก แต่ ลู่เฟิง ก็หยุดถามและตรวจสอบข้อมูลของตัวละครทั้งสอง
นามสกุลตัวแรกคือ เตียว ผู้บัญชาการทหารที่มีความแข็งแกร่งระดับ 7 ขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ
นามสกุลตัวละครรองที่สองคือ จ้าว ผู้บัญชาการทหารและความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อ่อนเเอเพราะมีพลังถึงขั้นปรมาจารย์!
นี่คือข้อมูลเพียงชื่อ และความแข็งแกร่ง ไม่ได้บ่งบอกความภักดี
“นามสกุล เตียว และ มีความแข็งแกร่งสูงกว่าระดับ 7 ขั้นเชื่อมจิตวิญญาณ…”
แม่ทัพคนแรกมีนามสกุลว่า เตียว นามสกุลนี้ มีมากในประวัติศาสตร์และ ลู่เฟิง รู้เพียงไม่กี่คน เตียวก๊ก,เตียวสิ้ว, และ เตียวอุ๋น
เมื่อเทียบกันแล้ว ลู่เฟิง สนใจตัวละครรองตัวที่สองมากกว่า เพราะเขาหวังว่าจะไม่ใช่ จ้าวหยุน ยังไงท้ายที่สุดเขาก็เป็นกังวลทั้งสองคน หากไปอยู่ในเงื้อมมือศัตรูเขาไม่อยากจะคิดถึงมัน!
ลู่เฟิง ได้ครุ่นคิดเล็กน้อย เขาได้คิดถึง แม่ทัพหลายคนที่มีนามสกุลว่า จ้าว เช่นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในสงครามรัฐ จ้าวเซอ, จ้าวหยุน จักรพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์ซ่งเหนือ จ้าวกวง
“ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้อย่าเป็น จ้าวหยุนเลย ฉันยังไม่อยากเห็นหอกเงินและม้าขาวที่กลายเป็นศัตรูของฉัน!”
ลู่เฟิง ทำได้แค่หวัง ท้ายที่สุดแล้ว จะเป็น จ้าวหยุน หรือไม่ เขาก็จะรู้ได้เมื่อพบกันในอนาคต
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ราชาเมกาทรอนได้กลับไปที่่ค่ายของเขาด้วยสีหน้ามืดมน!
เพราะเขาได้ยินว่า แม่ทัพของเขาได้นำทัพม้าออกไปห้าหมื่นนายไล่ล่าทหารม้าที่โจมตีค่ายเมื่อคืนแต่ก็ยังไม่กลับมา
สิ่งนี้ทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก!
“รายงานฝ่าบาท จักรพรรดิลู่เฟิง ได้ส่งจดหมายถึงพระองค์!”
ลู่เว่ย ขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบกลับ”ส่งมาให้ข้า!”
ในไม่ช้า จดหมายก็ถึงมือของ ลู่เว่ย เขาได้ตรวจสอบอย่างแน่ชัดแล้วว่าไม่มีปัญหากับตัวจดหมายก่อนที่เขาจะเปิดและอ่านดูเนื้อหา
หลังจากที่ เขาเห็นเนื้อหาในจดหมายสีหน้าของเขาก็กลายเป็นน่าเกลียดทันที!
เพราะมันมีเพียงประโยคเดียวในจดหมายฉบับนี้ : ท่านลุงจักรพรรดิ หวังว่าท่านจะพอใจกับของขวัญชิ้นนี้
ลู่เว่ย เข้าใจแน่ชัดว่าของขวัญที่ลู่เฟิงพูดถึงจะต้องเป็นกองทัพม้าเหล็ก 50,000 นายของเขาที่ยังไม่ได้กลับมา และ ส่วนใหญ่น่าจะถูกฆ่าตายไปแล้ว
“ฝ่าบาท นอกค่ายทหาร ดูเหมือนจะมีศพมากมาย…มันเป็นศพของทัพม้าของเราที่ส่งออกไปเมื่อคืน!”
การแสดงออกของลู่เว่ยได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ทันทีที่เขาได้ยินเขาก็รีบออกจากค่ายไปพร้อมกับทหารคนสนิทของเขา
แน่นอนว่าในเวลานี้ ด้านนอกเต็มไปด้วยซากศพทั้งหมดและทุกคนล้วนเป็นทหารม้าของเขา
ลู่เว่ย รู้สึกปวดใจอย่างกระทันหัน แม้ว่าเขาจะมีทหารจำนวนมากในมือ แต่ทหารม้าก็มีเพียงแค่ 150,000 นาย แต่ตอนนี้ เขากลับสูญเสียไปมากกว่า 50,000 นายในคืนเดียว นี่คือหนึ่งในสามของทหารม้าทั้งหมดของเขา
อีกอย่างจะต้องรู้ว่าเขาทุ่มเงินไปจำนวนมากเพื่อบ่มสร้างทัพม้า 150,000 นายเหล่านี้ขึ้นมา ทุกสิ่งที่เขาจ่ายไปมันสามารถจัดตั้งกองทัพทหารราบนับล้านได้!
แต่ตอนนี้เขากลับสูญเสียมันไปเพียงชั่วข้ามคืน นี่จะไม่ทำให้เขารู้สึกโกรธได้ยังไง
เมื่อมองไปที่ จดหมายในมือเขาขยำมันและอดใจรอไม่ไหวที่จะฆ่าลู่เฟิง
เขาไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้ แต่ยังไงก็ต้องเก็บมันไว้
ลู่เว่ย ได้พึมพัมอยู่ในใจ ส่วนทหารในค่ายที่เห็นกองซากศพจำนวนมากคนเหล่านี้หน้าซีดและสูญเสียจิตวิญญาณต่อสู้ของพวกเขา
มันเป็นเรื่องจริงว่าทหารเหล่านี้ไว้ใจลู่เว่ย และ แต่ละคนก็เป็นทหารที่มากประสบการณ์อย่างไรก็ตาม ศพของทหารม้า 50,000 นายเหล่านี้ที่กองรวมกัน กลับถูกปักไปด้วยธนูและหน้าไม้โลหิตของพวกเขาไหลย้อยอย่างน่าหวาดกลัวจริง ๆ
ทันใดนั้นเอง ฟ่านจุน ก็ค้นพบบางอย่างและกล่าวเตือนลู่เว่ย”ฝ่าบาท จิตวิญญาณต่อสู้ของทหารของเราได้รับผลกระทบ พระองค์จะต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง!”
ลู่เว่ย ได้พยักหน้า”มาที่นี่ ช่วยฝังศพพี่น้องห้าหมื่นนายของพวกเรา ในขณะเดียวกัน ก็ปฏิบัติต่อครอบครัวของพวกเขาด้วยความกรุณา!”
“ขอรับ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าทหารก็แสดงออกดีขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อย คนที่ตายไปจะได้รับการปฏิบัติต่อครอบครัวในทางที่ดี
ลู่เว่ย เห็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกโล่งใจ
เขามองไปยังทิศทางเมืองหลวงและกล่าวพูดด้วยสีหน้าแห่งความโกรธ”ลู่เฟิง ข้าจะต้องตัดศีรษะของเจ้ามาเพื่อบรรณาการให้กับทหารม้าห้าหมื่นนายของข้าที่เสียไป!”
“ฟ่านจุน!”
“ข้าน้อยอยู่นี่พะยะค่ะ!”
“ส่งคำสั่งของข้าออกไป ให้กองทัพทั้งหมดเตรียมพร้อมข้าจะไปบุกยึดเมืองหลวงภายในสองวันนับจากนี้!”
“ขอรับ!”
ในอีกด้านหนึ่ง กองทัพ 400,000 นาย ของลู่เฟิง ก็มาถึง เมื่อรวมกับทัพ 100,000 นายก่อนหน้า ทำให้เขามีทัพทั้งหมด 500,000 นาย มุ่งหน้าไปยังเมืองงูหยก ภายใต้การชี้นำของ เหลียนป๋อ
“ฝ่าบาท พระองค์คิดว่า คนเหล่านั้นจะรู้หรือไม่ว่าเราใช้แหวนเก็บของ เก็บศพเหล่านี้ไปมอบให้พวกเขาถึงที่บ้าน?”ซุนฮก ได้กล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม