“โทษสถานเบาคือตัดศีรษะส่วนโทษสถานหนักคือลงโทษตระกูลเก้าชั่วโครต!”จางฮั่น ได้เหลือบมองไปที่ จางซุนหวูจี๋ และตอบกลับ
“เช่นนั้น โทษของเขา สถานเบาหรือหนักล่ะ?”ลู่เฟิงกล่าวถามอีกครั้ง
“จางซุนหวูจี๋ มิได้ออกมาต้อนรับพระองค์ ทั้งเมื่อออกมาแล้วยังแสดงกิริยาท่าทีที่หยาบตายต่อพระองค์ ข้าน้อยเห็นว่าควรลงโทษเขาสถานหนักหรือก็คือฆ่าล้างตระกูลเก้าชั่วโครต!”จางฮั่น ได้พูดเสียงดัง
ในความเป็นจริง ไม่มีกฏหมายดังกล่าวเลย
ดังนั้นโทษสถานหนักที่สุดของ จางซุนหวูจี๋ ก็อาจจะแค่ตัดศีรษะ
แต่ทว่า จางฮั่น ตระหนักได้ว่า ลู่เฟิง ต้องการสั่งสอนบทเรียนให้แก่ จางซุนหวูจี๋ ดังนั้นเขาจึงร่วมมือเป็นอย่างดี
“เช่นนั้นก็จัดการเขาซะ!”
“ขอรับ!”
ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของลู่เฟิง เฉินกัง ได้หายตัวไปและปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของ จางซุนหวูจี๋ เขาได้วางดาบบนคอของอีกฝ่าย
ฟุ่บ!
จางซุนห่าว รีบคุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวขอร้อง”ฝ่าบาท โปรดไว้ชีวิต หวูจี๋ ได้โปรดไว้ชีวิตเขาด้วยเถิด!”
ลู่เฟิง ไม่ได้สนใจท่าทีของ จางซุนห่าว เขาจ้องมองไปที่ จางซุนหวูจี๋ ด้วยรอยยิ้มและกำลังดูท่าทีของอีกฝ่าย
การแสดงออกบนใบหน้าของ จางซุนหวูจี๋ นั้นแข็งค้างเล็กน้อย เขาเดาในใจว่าจักรพรรดิที่อยู่ตรงหน้าของเขาเพียงทำเพื่อสั่งสอนบทเรียนให้แก่ตนเองอย่างแน่นอน อีกฝ่ายคงไม่ฆ่าเขาและนับประสาอะไรกับการฆ่าล้างตระกูลเก้าชั่วโครต
เพราะเขารู้จักกับลู่เฟิง แม้ว่าอีกฝ่ายจะฆ่าคนมามากมาย แต่ก็ไม่ได้ฆ่าใครสุ่มสี่สุ่มห้า
ตอนนี้ เขากำลังเดิมพันว่าวันนี้ ลู่เฟิง จะฆ่าเขาหรือไม่
แต่ทว่า จางซุนห่าว ยังคงคุกเข่าลงบนพื้นและอ้อนวอนต่อไป”ฝ่าบาท บุตรชายคนโตของข้า อาจจะมีกิริยาหยาบคายไปบ้าง แต่ข้าหวังว่าฝ่าบาทจะประทานอภัยให้แก่เขา!”
“ก็ได้ เห็นแก่ทัศนคติที่จริงใจของเจ้า ข้าจะทำเป็นลืมเรื่องนี้ไปซะ!”ลู่เฟิง ได้ตอบกลับเบา ๆ
จางซุนห่าว ได้มองอย่างตกตะลึง ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายอยากจะสังหารบุตรชายของเขาและลงโทษฆ่าล้างตระกูลเก้าชั่วโครตก่อนหน้านี้?เหตุใดอีกฝ่ายจึงยอมง่ายเกินไป
นี่มันเร็วเกินไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน ในใจของเขาก็ระมัดระวังยิ่งขึ้น หัวใจของ จักรพรรดิคนนี้ยากที่จะคาดเดาจริง ๆ
“ถวายบังคมฝ่าบาท ข้าน้อย จางซุนหวูจี๋ ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน”จางซุนหวูจี๋ ได้กล่าวพูดขึ้น
ลู่เฟิงพยักหน้าและมองไปที่อีกฝ่าย”จางซุนหวูจี๋ ข้าได้ยินมาจากปากพ่อของเจ้า ว่าเจ้าเป็นคนบอกเขาให้ยอมจำนนต่อข้า เหตุใดเจ้าถึงไม่มาพบข้าก่อนหน้านี้?”
จางซุนหวูจี๋ ได้ตอบกลับ”เรียนฝ่าบาทตามตรง ข้าน้อยเป็นเพียงคนไร้ความสามารถไหนเลยจะกล้าพบฝ่าบาท เพียงได้ยลโฉมพระองค์สักคราก็นับเป็นบุญวาสนาแล้ว”
“จางซุนหวูจี๋!”
ลู่เฟิง จ้องมองไปที่ อีกฝ่ายด้วยสายตาที่รุนแรง”เจ้าคงรู้ใช่หรือไม่ว่าถ้าเจ้าปฏิเสธข้าจะเกิดอะไรขึ้น?”
“ความเมตตาของฝ่าบาท เปี่ยมล้นดั่งขุนเขาและมหาสมุทรฉไนเลยข้าจะอาจหาญมีความกล้าได้ และ ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ข้าน้อยก็คิดว่าพระองค์จะยินยอมปล่อยข้าไปอยู่ดี”จางซุนหวูจี๋ ได้ตอบกลับ
“ปล่อยเจ้าไป?”
ลู่เฟิง สั่นศีรษะทันที”เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าเพียงให้โอกาสเจ้า ถ้าเจ้าไม่ยอมเป็นข้าราชบริพารของข้าข้าก็คงจะลงโทษฆ่าล้างตระกูลเก้าชั่วโครตของเจ้า!”
สิ่งที่ ลู่เฟิง ต้องการทำก่อนหน้านี้ ก็คือการทำให้ จางซุนหวูจี๋ แสดงความทะเยอทะยานของตนเองออกมา จากนั้นเขาก็คล้อยตามไป
แต่ทว่า เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตอนนี้กำลังแข็งข้อกับเขาทำให้เขาเปลี่ยนใจ
จางซุนหวูจี๋ อาจจะมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา ถ้าเขาเอ่ยปากขอร้องอีกฝ่าย เขาจะยังคงเป็นจักรพรรดิอยู่อีกหรือไม่?
ดังนั้นเขาจึงต้องเปลี่ยนวิธีการที่เขาคิดมาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นทางไหน มันก็ทำให้เขาอาจพบเจอข้อขรหาจากตัวข้าราชบริพารได้ ถ้าเกิดตัวละครที่เรียกออกมาใช้การไม่ได้เขาก็คงจำเป็นต้องตัดทิ้ง
เขายังมีหีบสมบัติพิเศษอยู่แต่เขาไม่มีโอกาสที่จะเรียกแค่นั้น
จางซุนหวูจี๋ ได้ยิ้มอย่างบิดเบี้ยวมองไปที่ ลู่เฟิง”ฝ่าบาท ข้าน้อยไม่มีสิทธิ์เลือกหรอกหรอ?”
“แน่นอนว่า ไม่!”น้ำเสียงของ ลู่เฟิง ได้เป็นไปในทางบวก
จางซุนหวูจี๋ ได้ตอบกลับอย่างเลี่ยงไม่ได้”ข้าน้อย จางซุนหวูจี๋ ได้เห็นความสง่างามของพระองค์แล้ว ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!”
“ติ๊ง ตรวจพบค่า ความภักดีของ จางซุนหวูจี๋ อยู่ที่ 89 คะแนน”
เมื่อ จางซุนหวูจี๋ กลายเป็นรัฐมนตรีของเขา เสียงเตือนของระบบก็ดังขึ้น
ลู่เฟิง ผงะ และ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ค่าความภักดี 89 คะแนน ตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนได้แล้ว และถึงแม้จะยอมจำนนค่าเริ่มต้นอาจจะอยู่ที่ 70
เขาไม่คิดเลยว่ามันจะมากถึง 89 คะแนน
เป็นไปได้หรือไม่ว่า จางซุนหวูจี๋ ชอบวิธีการแบบนี้?
ลู่เฟิง รู้สึกหนาวสั่นจากใจ
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเฉลียวฉลาด ไม่เลว!”ลู่เฟิงยิ้มออกมา
จางซุนหวูจี๋ ไม่ได้พูดอะไร
จางซุนห่าว ได้มองไปที่ อีกฝ่ายด้วยความโล่งใจ โชคดีที่ลูกชายของเขาเห็นด้วยมิฉะนั้นครอบครัวของเขาคงจะจบลงจริง ๆ
ไม่นาน จางซุนห่าว ก็ให้คนไปทำอาหาร
ลู่เฟิง ได้อยู่ในศาลาด้านหลังตำหนัก พร้อมกับพูดคุยกับจางฮั่น เกี่ยวกับสงครามเดินทัพ
ลู่เฟิง ไม่มีความเข้าใจในส่วนนี้ดังนั้นเขาจึงต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม
แม้ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิ แต่เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง หากมีศึกใหญ่ในอนาคตแม่ทัพทั้งหมดที่อยู่ภายใต้เงื้อมมือของเขาจะถูกส่งออกไปแทน ไม่จำเป็นต้องทำ ไม่ใช่หมายความว่าไม่มีวิธีอื่นให้ทำ
“ฝ่าบาท จางซุนหวูจี๋ ต้องการเข้าเฝ้าพระองค์!”
ขณะที่ ลู่เฟิง กับ จางฮั่น กำลังสนทนากัน ก็มีเสียงดังขึ้น
“ให้เขาเข้ามาเถอะ”
“ขอรับ!”
ไม่นาน เฉินกัง ก็พา จางซุนหวูจี๋ มาหา
“ถวายบังคมฝ่าบาท”จางซุนหวูจี๋ ได้โค้งคำนับและแสดงความเคารพ
“ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ลู่เฟิง มองไปที่เขาและกล่าวถาม”เจ้ามาหาข้ามีธุระอะไร?”
จางซุนหวูจี๋ ได้กล่าวถามเล็กน้อย”ฝ่าบาท ข้าน้อยอยากทูลถาม หากข้าไม่ตกลงยินยอมเป็นข้าราชบริพารของฝ่าบาท พระองค์จะสังหารข้าจริงงั้นหรือ?”
“ย่อมแน่นอน!”ลู่เฟิง ตอบกลับโดยไม่ลังเล
“ฝ่าบาท พระองค์ไม่เกรงกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงจากการฆาตกรรมงั้นหรอ?”จางซุนหวูจี๋ ได้มองไปที่ ลู่เฟิง”หากเรื่องที่ฝ่าบาทต้องการเชิญข้าให้เข้าร่วมและข้าไม่เห็นด้วย ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปว่าข้าถูกฝ่าบาทสังหาร ชื่อเสียงของพระองค์จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง”
“แล้วไงต่อ?”
ลู่เฟิง มองไปที่ จางซุนหวูจี๋ ด้วยรอยยิ้ม”เจ้ามีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา และ ความสามารถของเจ้า น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับ ซุนฮก คนของข้า เจ้าคิดว่าข้าอยากจะปล่อยคนมีความสามารถเช่นนี้ออกไปหรือไม่ ? ถ้าเจ้ากลายเป็นคนของอาณาจักรอื่นหรือก็คือรัฐมนตรีของประเทศศัตรูของข้า มันจะดีกว่าหากข้าจะกำจัดเจ้าซะตั้งแต่ตอนนี้ เหตุใดข้าจะปล่อยให้ตัวเองอาจมีปัญหาภายหลังตามมา?”
“เมื่อเทียบกับ ชื่อเสียง เรื่องพวกนี้ ล้วนไม่ต้องกล่าวถึง! และ แม้ว่าชื่อเสียงของข้า ที่ทำลายฆ่าล้างตระกูลเก้าชั่วโครตของเจ้าจะแพร่งพรายออกไป อย่างมากก็แค่กล่าวหาว่าข้าเป็นทรราช เป็นจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม แต่ข้าหาได้สนใจไม่ สิ่งที่้ข้าสนใจก็คือ การเป็นจักรพรรดิ แน่นอนว่าหมายถึง จักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า!”
“นี่…”
จางซุนหวูจี๋ ได้มองไปที่ ลู่เฟิง และกล่าวถาม”ฝ่าบาท มีอาณาจักรหลายพันแห่งภายใต้สวรรค์มีราชวงศ์ใหญ่อยู่สิบราชวงศ์ พระองค์ต้องการขึ้นเป็นจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียว อย่าบอกนะว่าพระองค์ไม่เกรงกลัวราชวงศ์เหล่านี้?”
“ทำไมถึงต้องกลัว?”
ลู่เฟิง ยิ้มออกมา”หลายพันปีก่อนราชวงศ์เหล่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่อาณาจักรธรรมดาหรอกหรอ ? หรือแม้แต่ตระกูลที่ทรงพลังพวกเขาก็เคยเป็นอดีตตระกูลธรรมดามาก่อน มันก็เหมือนกับว่า ทำไมข้าถึงไม่สามารถกลายเป็นจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียวได้ ทั้ง ๆ ที่ต้นตอของทุกคนมีจุดเริ่มมาจากสิ่งที่เหมือนๆ กัน เกิดมามีเพียงชีวิตเดียว หากคิดการทำงานใหญ่ ถ้าบังเกิดความหวาดกลัว ไม่ว่าจะงานอะไรก็ล้วนไม่สำเร็จผล”
จางซุนหวูจี๋ ได้เงียบลง จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงบนพื้น”ฝ่าบาท ข้าน้อย จางซุนหวูจี๋ ยินดีจะติดตามฝ่าบาทไปตลอดชีวิต ตอนนี้ ข้าได้ตระหนักแล้วถึงความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์!”
“ติ๊ง ตรวจพบ ค่าความภักดีของ จางซุนหวูจี๋ ที่มีต่อโฮสต์เพิ่มขึ้น 10 คะแนน ค่าความภักดีในในปัจจุบัน 99 คะแนน!”