ทหารแนวหน้าระลอกที่สองของอาณาจักรอู๋เซียงรีบรวบรวมกองทัพที่เหลืออยู่เพื่อพยายามต่อต้าน
แต่เพราะทหารของอาณาจักรอู๋เซียงขาดการฝึกฝนและมันก็ยากเกินกว่าที่จะฟังคำสั่งสู้รบ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของกองทัพเตียวเลี้ยว พวกเขาก็ทำได้แค่ถอยกลับอย่างมั่นคง
แต่เพราะ พลธนูบนภูเขาติงจิ้ง ทำให้ เตียวเลี้ยว ไม่สามารถเคลื่อนพลได้ง่ายนัก
ท้ายที่สุด เตียวเลี้ยว ก็ไม่ได้เคลื่อนพลอย่างเร่งด่วน
ทหารชั้นยอดของเขายังไงก็ดีกว่าทหารของอาณาจักรอู๋เซียง
หลิวจี๋ ได้เฝ้ามองดูกองทัพและขมวดคิ้ว”แม่ทัพเตียวเลี้ยว กลับระมัดระวังตัวเกินไปแล้ว”
ลู่เฟิง ได้สั่นศีรษะทันที”ข้าคิดว่า เตียวเลี้ยว คงไม่ต้องการสังเวยทหารชั้นยอดของเรา มันไม่คุ้มค่ากับการแลกชีวิตกับทหารของอาณาจักรอู๋เซียง!”
“ขอรับ,เป็นเพราะ พลธนูเหล่านั้นทำให้ แม่ทัพเตียวเลี้ยว ต้องมีความรอบคอบในการเดินทัพ”หลิวจี๋ ได้ถอนหายใจออกมา
ลู่เฟิง ได้มองดูดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้น”ฮ่าฮ่า,ข้ามีวิธีแก้ไขปัญหาพลธนูเหล่านี้!”
หลิวจี๋ รู้สึกตกตะลึง เขามองไปที่ ลู่เฟิง ด้วยความประหลาดใจและกล่าวถาม”ฝ่าบาททรงมีแผนอะไรหรือพะยะค่ะ?”
“อาจารย์หลิวท่านลืมไปแล้วหรือ?”ลู่เฟิง มองไปที่ หลิวจี๋” ถ้าหากต้องการแก้ไขพลธนูเหล่านี้ ดังนั้นจึงต้องการใช้กองกำลังชั้นยอดในการเคลื่อนไหว ซึ่งข้าเองก็มีกองกำลังชั้นยอดนี้!”
“กองพันทหารค่าย!”
ดวงตาของ หลิวจี๋ ได้สว่างขึ้น เขาได้กล่าวออกมา”ฝ่าบาท กองพันทหารค่าย สามารถข้ามเขาไปจัดการพลธนูของศัตรูเหล่านี้ได้ใช่หรือไม่?”
แม้ว่า หลิวจี๋ จะเคยได้ยินว่า กองพันทหารค่ายนี้ ทรงพลังไร้เทียมทาน แต่เขาก็ไม่เคยเห็นประสิทธิภาพของตนเอง
ลู่เฟิง ได้ยิ้มออกมา”กองพันค่ายทหารของเกาชุน ย่อมไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
“เตียวอุ๋น!”
“ขอรับ!”
“ส่งคำสั่งให้ เกาชุน ที่ ไป่เหลียนโป บอกเขาให้ ซุ่มโจมตีกองทัพของอาณาจักรอู๋เซียงจากทางด้านหลัง ทำลายพลธนูของศัตรูซะ!”ลู่เฟิง ได้กล่าวสั่งการ
“ขอรับ!”
เตียวอุ๋น ได้ตอบเสียงดังและรีบไปส่งคำสั่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เกาชุน ก็ได้รับคำสั่ง เขาได้นำ กองพันทหารค่าย เข้าร่วมสนามรบโดยเร็วที่สุด
“ฝ่าบาท แม่ทัพเกาชุน เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักร ให้เขาเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง ถ้าเกิดมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น”หลิวจี๋ ได้กล่าวพูด
ลู่เฟิง ได้สั่นศีรษะ”มีเพียงเกาชุนเท่านั้นที่จะสามารถใช้งานกองพันทหารค่ายของเขาเพื่อระเบิดพลังที่แท้จริงออกมาได้”
ดังนั้น การปล่อยให้ เกาชุน นำ กองพันทหารค่าย เคลื่อนไหวโจมตี ย่อมดีที่สุด
แม้เขาจะห่วงความปลอดภัยของเกาชุน แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น
โชคดีที่ ความแข็งแกร่งของเกาชุนไม่ได้อ่อนเเอ ลู่เฟิง จึง รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
เตียวเลี้ยว ที่มองเห็น เกาชุน นำกองพันทหารค่ายเคลื่อนไหว เขาได้ให้กองทัพระงับการโจมตีและเคลียร์ทาง
เขาและเกาชุน ได้ทำงานร่วมกันโดยที่ฝ่ายศัตรูไม่รู้ตัว
ขณะที่ เกาชุน เดินตามเส้นทางกองทัพที่ เตียวเลี้ยว ได้เปิดเอาไว้ ใบหน้าของพวกเขาก็สงบนิ่งราวกับแม่น้ำ
“ศัตรูเคลื่อนไหวโจมตี!”
พลธนูที่เห็นกองพันทหารค่ายเคลื่อนไหวได้สั่งให้โจมตี
แต่คราวนี้ พลธนูของทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากยิงกัน
“พลโล่ตั้งขบวน!”
เกาชุน ได้ตะโกนใส่กองพันทหารค่าย และ เขาก็ถือโล่หนักในมือมุ่งตรงขึ้นไป
การโจมตีทั้งหมดไม่สามารถผ่านไปได้
ทั้งกองพันทหารค่ายของเกาชุนยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว
“ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยม!”
หลิวจี๋ เฝ้าดูการกระทำของอีกฝ่ายดวงตาของเขาได้สว่างวาบขึ้น”ภายใต้การสั่งการของแม่ทัพเกา กองพันทหารค่ายนั้นสมคำร่ำรือจริง ๆ !”
“นี่ไม่ใช่ความสามารถทั้งหมดของกองพันทหารค่าย!”ลู่เฟิง ได้ยิ้มจาง ๆ ออกมา”อาจารย์หลิววันนี้ข้าจะให้ท่านได้เห็นถึงการบัญชาทัพของเกาชุนและความสามารถของกองพันทหารค่าย!”
“กระหม่อมจะรอรับชม!”หลิวจี๋ ได้ตอบ
บนภูเขาติงจิ้ง จิ้งวือหรง ที่เห็นการโจมตีของกองพันทหารค่ายของเกาชุน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมอย่างมาก มีข่าวลือว่าทหารค่ายนี้เป็นทหารราบที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรหนานหยาน
ที่เมืองว่านเหอ ด้วยจำนวนทหารน้อยนิดกลับสามารถกวาดล้างกองพันหกออันทรงเกียรติของอาณาจักรซีหยางไปได้ครึ่งนึง ครั้งนั้นทำให้ชื่อเสียงของเกาชุนได้แพร่กระจายออกไปโดยสมบูรณ์
ใคร ๆ อาจจะยังไม่รู้ แต่ในเวลานั้นกองพันทหารค่ายของเกาชุนกลับมีทหารเพียงแค่ 3,000 นายเท่านั้น
และตอนนี้ ทหารด้านล่าง กลับมีมากถึง 8,000 นาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะประมาทได้!
“ดูเหมือนว่าเกาชุน จะมุ่งมั่นฝึกฝนกองพันทหารค่ายเหล่านี้มาก แต่…”
จิ้งซือหรง ได้ตะคอกออกมาอย่างเย็นชา”มันจะทรงพลังขนาดไหนกัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่า มันจะสามารถฝ่ากองทัพทหารที่มีมากกว่า 100,000 นาย ภายใต้การสนับสนุนของพลธนู 30,000 นายได้!’
กองทัพแนวหน้าของอาณาจักรอู๋เซียง ที่สู้กับ เตียวเลี้ยวก่อนหน้านี้ ได้เสียชีวิตไปมากกว่า 30,000 นาย เพราะการโจมตีของ พลธนูทำให้ พวก เตียวเลี้ยว ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ต่อ
นี่แสดงให้เห็นว่า จิ้งซือหรง พอจะมีทักษะในการคุมสถานการณ์อยู่บ้างเล็กน้อย
แต่มันก็เป็นเพียงทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ มันไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของการต่อสู้ได้
“ฆ่า!”
เมื่อเขาเข้าใกล้ศัตรูเกาชุนก็ตะโกนขึ้น
กองพันทหารค่ายเกราะดำ 8,000 นายได้เคลื่อนไหวราวกับหมึกที่ดำสนิท
ในพริบตาเขาก็มาถึงแนวข้าศึก
ภายใต้ชุดเกราะสีดำและหน้ากากสีดำ แรงกดดันที่ทหารของอาณาจักรอู๋เซียงได้รับกลับน่าหวาดกลัวมาก
“สังหารศัตรู!”เกาชุนได้ตะโกน
“มีชีวิตรอด และ มอบความตายให้ศัตรู!”
ทหารทั้งหมดได้ตะโกนพร้อมกัน
เสียงระเบิดได้ดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ
ทหารที่ได้ยินล้วนสั่นสะท้านและมองไปที่ทหารชุดเกราะดำด้วยความหวาดกลัว
“ปะทะ!”
เกาชุนได้ตะโกนอีกครั้ง ทหารที่อยู่แนวหน้าได้ตั้งโล่และพุ่งเข้าไปพร้อมกับถือดาบที่หนักแน่น
ทหารทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันอย่างดุเดือด
นี่คือรูปแบบโล่ติดดาบที่เกาชุนได้พัฒนาขึ้นเขาได้ใช้โล่ในการป้องกันและใช้ปลายดาบในการสังหารศัตรู
ส่วนที่คมที่สุดของดาบก็คือปลายดาบแน่นอนว่าทันทีที่ศัตรูโดนก็ย่อมต้องบาดเจ็บสาหัส
ดังนั้นจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่าปลายดาบสังหาร!
แต่ทว่าการทำเช่นนี้ได้ก็มีแต่คนที่ไม่เกรงกลัวที่จะพุ่งปะทะกับศัตรูเท่านั้น