ตอนที่ 271 แผนของถั่วเจีย
“ประสิทธิภาพการต่อสู้ของทหารอาณาจักรหงเปานั้นสูงกว่าทหารของอาณาจักรอู่เซียงมากจริง ๆ !”
เหลียนป้อ ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมา
ในตอนที่เขาคอยปกป้องเมืองเร้ดเมเปิ้ล ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับกองทัพของ อาณาจักรอู่เซียง
แต่ทุกครั้งที่ฝ่ายโจมตีนั้นกลับทิ้งซากศพนับแสนไว้ใต้เมืองเร้ดเมเบิ้ลและหนีกลับไปอย่างขี้ขลาด
ทุกครั้งการสูญเสียทหารของเขาไม่เคยเกิน 30,000 นาย
แต่มาตอนนี้ ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีของทหารอาณาจักรหงเปา ทหารของเขากลับสูญเสียไปมากกว่า 80,000 นาย ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เมื่อเทียบกับการสูญเสียของทหารอาณาจักรหงเป่าแม้จะน้อยกว่ามากก็จริง
แต่ตอนนี้พวกเขากําลังปกป้องเมืองไม่ใช่บุกล้อมประตูเมือง
ดังนั้นการสูญเสียทหาร 80,000 นาย ถือว่าสาหัสมาก
อาณาจักรอู่เซียง ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของหยูโจว และ มีชื่อเสียงด้านประสิทธิภาพการบที่ต่ํา
เมื่ออาณาจักรอู่เซียงเทียบกับอาณาจักรหงเปาแล้วนั้นแทบจะเรียกได้ว่าตรงกันข้าม พวกเขา รู้จักกันดีในเรื่องของประสิทธิภาพการรบทางทหารที่แข็งแกร่ง ในอาณาจักรทางตะวันตกเฉียงใต้ของหยูโจวประสิทธิภาพการรบทหารของพวกเขาสามารถเรียกได้ว่าติดอันดับหนึ่งในสามอันดับแรก
แม้ เหลียนปอ จะไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดว่าทหารของอาณาจักรหนานหยานจะเหนือไปกว่าทหารของอาณาจักรหงเปา เมื่อเทียบกันแล้ว พบกันบนที่ราบโดยไม่ใช้ทหารม้าบางทีคงจะมีแต่กองพันทหารค่ายของแม่ทัพเกาชุนที่พอจะเอาชนะทัพของอาณาจักรหงเปาได้
โชคดีที่แม่ทัพของอาณาจักรหนานหยานแต่ละคนนั้นแข็งแกร่งกว่าอาณาจักรหงเปาไม่งั้นแล้ว…คงพูดยาก
เหลียนป้อ ได้สั่นศีรษะ” ที่ปรึกษากั่วเจียอยู่ที่ไหน?”
รองแม่ทัพคนนี้รู้สึกลังเล
เหลียนปอขมวดคิ้วแน่นและพูดขึ้นทันที”ในหอนางโลมอีกแล้วหรือไม่?”
รองแม่ทัพคนนี้ได้คิดอยู่ครู่นึงและพยักหน้าทันที” ท่านแม่ทัพ ที่ปรึกษากั่วเจีย ไม่ได้ออกจากหอนางโลมมาสามวันแล้ว!”
ตุ้ม!
เหลียนปอ ได้ชกกําปั้นไปที่กําแพงอย่างรุนแรงและกล่าวพูดด้วยความโกรธ” บัดซบ กล้าที่จะเพิกเฉยหน้าที่การปกป้องเมือง แต่เลือกไปคลุกอยู่ในหอนางโลมหรือไม่”
“ท่านแม่ทัพ ที่ปรึกษากั่วได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทดังนั้นพวกเรา”
“หม, แม้ว่าเขาจะได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะละเลยหน้าที่และไปคลุกอยู่แต่ในหอนางโลมเป็นเวลาสามวัน”
เหลียนปอ ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธมากขึ้น” ตามข้าไปลากตัว กั่วเจีย ออกมา!”
“ท่านแม่ทัพนี่จะไม่เกินไปหน่อยหรือ?”รองแม่ทัพคนนี้รู้สึกลังเล
“หุบปาก!”
เหลียนปอ เต็มไปด้วยความโกรธ” หากกล้าพูดมากกว่านี้ข้าจะให้ทหารโบยเจ้าห้าสิบไม้!”
รองแม่ทัพคนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะพูดคําเดียว
เหลียนปอ ได้พาทหารของเขาไปที่หอนางโลมที่ กั่วเจีย อยู่
ไม่นาน เหลียนป้อ ก็นําทหารเข้าไปในหอนางโลมและกล่าวพูดด้วยความโกรธ” กั่วเจียอยู่ไหน?”
ชายวัยกลางคนได้เดินเข้ามาและเต็มไปด้วยใบหน้าสั่นเทาเขาได้กล่าวพูดอย่างตื่นต ระหนก”กั่ว…อาจารย์ทั่วอยู่ในห้องของแม่นางชุนถัง!”
เหลียนปอ มองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับแววตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งร้าย”เจ้าไม่ฟังคําพูดของข้าหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนรู้สึกตื่นตระหนกและรีบกล่าวพูดทันที” ข้าน้อยมิกล้า”
ในไม่ช้า เหลียนปอ ก็มาถึงนอกห้องของ กั่วเจีย เขาได้ยืนอยู่นอกห้องและกล่าวตะโกนด้วยค วามโกรธ” กั่วเจีย ใสหัวออกมาซะ!”
“เฮ้ แม่ทัพเฒ่า ใยท่านไม่เข้ามาก่อนล่ะ!”
ไม่นานก็มีเสียงของ กั่วเจีย ดังมาจากข้างใน
เหลียนปอ เต็มไปด้วยความโกรธเขาพยายามจะเตะประตูเข้าไป
แต่ทว่า ประตูได้เปิดออกก่อน
เหลียนปอ เดินไปยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะของ ถั่วเจีย เขามองเห็น ไหสุรา และ บรรยากาศภายในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นมันเมา แต่ขณะที่เขากําลังจะโกรธเขาก็เหลือบมองไปเห็นอีกคนนึง
จางฮั่น!
ชายผู้นี้ก็มีใบหน้าแดงและกําลังมึนเมาอยู่
“จางฮั่น!”
เหลียนป้อ ตะโกนด้วยความโกรธ ขณะที่ เขากําลังจะสั่งสอนทั้งสองคนเขาก็เหลือบไปเห็นเตียงด้านใน
มีหญิงสาวหน้าตาดีคนนึงนอนอยู่ แต่ชุดของหญิงผู้นี้ค่อนข้างเรียบร้อย
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถ้า ถั่วเจีย และ จางฮั่น มาที่นี่ เพื่อเที่ยวหอนางโลมชมดอกไม้งามแล้วล่ะก็ เสื้อผ้าของหญิงสาวผู้นี้จะเรียบร้อยได้อย่างไร?
เหลียนปอ ได้บิดประตูด้านในและโบกมือขึ้น
เขาเดินไปนั่งข้าง ๆ กั่วเจีย และ จางฮั่น พร้อมกับกล่าวถามออกมา” พวกเจ้าสองคนกําลังทําอะไรอยู่กันแน่?”
กั่วเจีย และ จางฮั่น ได้เหลือบมองหน้ากัน และ ยกนิ้วให้ เหลียนป้อ” สมแล้วที่แม่ทัพเฒ่าเป็นคนที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางใจ ไม่คิดเลยว่า เพียงแค่มองสถานการณ์ก็พอจะเดาได้ว่าข้ากับแม่ทัพจางฮั่น มีแผนการอื่นอยู่ในใจ”
“ถ้าข้าไม่เห็น หญิงผู้นั้นในชุดเรียบร้อยแล้วล่ะก็บางที่ข้าคงทุบตีพวกเจ้าสองคนไปแล้วตอน
เหลียนปอ ได้วางดาบลงและกล่าวถาม”ยังไงซะ วันนี้ถ้าเจ้าสองคนไม่ให้เหตุผลที่ดีกับข้า ข้าจะทุบตีพวกเจ้า แม้ว่าฝ่าบาทจะลงโทษข้าก็ตาม!”
กั่วเจีย และ จางฮั่น ได้ยิ้มอย่างเชื่องช้า
แม้ว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองคนจะค่อนข้างดี แต่เมื่อเทียบกับ เหลียนปอ พวกเขายังห่างชั้นกัน
“แม่ทัพเฒ่า นี่เป็นแผนการที่ท่านที่ปรึกษาเป็นคนคิดขึ้นมา!” จางฮั่น ได้กล่าวตอบ
เหลียนปอ ได้มองไปที่ ถั่วเจีย
กั่วเจีย ได้ครุ่นคิดและพยายามจัดระเบียบคําพูด” แม่ทัพเฒ่า,ท่านคิดว่า เมืองผิงกวงจะสามารถต้านศึกได้นานหรือไม่?”
“แน่นอน!”
เหลียนปอ มั่นใจมาก แต่ในไม่ช้าเขาก็พูดขึ้น” แต่ทว่า พวกเราก็ต้องสูญเสียทหารไปนับล้านเช่นเดียวกัน”
“ถูกต้อง”
กั่วเจีย ได้พยักหน้าและตอบกลับ” แม้ว่าเราจะสามารถยืดเยื้อศึกไปได้นานแต่พวกเราก็ต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้น ข้าจึงคิดหาวิธีที่มีความเป็นไปได้ที่จะทําให้อาณาจักรหงเปาประสบความสูญเสียอย่างหนัก”
“มีวิธีจัดการแล้วหรือไม่?”
“วิธีจัดการนั้นง่ายมาก”
กั่วเจีย ได้ยิ้มเล็กน้อย”ฝ่าบาททรงมอบกองทัพตันหยาง 100,000 นายให้กับข้าโดยไม่ได้ยกมันให้กับท่านไม่ใช่ฝ่าบาทไม่ไว้วางใจท่านแต่..
ดวงตาของ ถั่วเจีย เปล่งประกายเล็กน้อยและพูดขึ้น” ที่ฝ่าบาทไม่ยกกองทัพนี้ให้ท่านเดิมมันมีเหตุผลของมัน สาเหตุก็คือมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ฝ่าบาทวางพระทัย เรื่องนี้มีน้อยคนมากที่รู้ เป็นธรรมชาติที่อาณาจักรหงเปาจะไม่รู้”
” กล่าวอีกนัยนึงคือข้ากําลังควบคุมบัญชาการทัพตันหยาง 100,000 นายอยู่ โดยไม่จําเป็นจะต้องรับคําสั่งจากท่าน จากมุมมองของคนภายนอก ทหารเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนร่วมในการปกป้องเมืองร่วมกับท่าน”
“ทุกวันนี้ทหารตันหยาง 100,000 นายไม่เคยปรากฏตัวบนกําแพง นี่คงทําให้คนนอกเชื่อว่า ข้าถั่วเจียนําทหารตันหยาง 100,000 นาย เพิกเฉยคําสั่งของท่าน และ ไม่สนใจ ทุกวันข้าใช้ชีวิตสุขสําราญในหอนางโลมภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เช่นนั้นคนนอกจะคิดอย่างไร?”
เหลียนปอ จ้องมองไปที่ ถั่วเจีย และ พูดขึ้น”เจ้ากําลังจะบอกว่า เจ้ากําลังทําให้คนของอาณาจักรหงเปาคิดว่าพวกเรามีความขัดแย้งต่อกัน เพื่อล่อให้ อาณาจักรหงเปาเคลื่อนไหวและค่อยย้อนตลบหลังพวกมันทําให้พวกมันสูญเสียครั้งใหญ่ถูกต้องหรือไม่?”
กั่วเจีย ที่ได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกชื่นชม เหลียนป้อมากขึ้น สมแล้วที่เป็นทหารผ่านศึกของสองราชวงศ์ และได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิ
แน่นอนว่า สิ่งที่ เหลียนบ่อ พูดมา ถูกต้องทั้งหมด