บทที่ 731อุดมผู้เหี้ยมโหด
“แกจะไปรู้ได้ไงล่ะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน จะมารู้เรื่องในค่ายของพวกเราได้ไง”
อุดมได้ยินโสธรกล่าวดังนั้น จึงตื่นตระหนกขึ้น
โสธรตกใจ ถอยหลังไปสองก้าว พูดขึ้น“ฉันก็เป็นคนของค่ายนี้เหมือนกันนี่ พ่อแม่ฉันไปเป็นทหารนานแล้ว”
“ว่าไงนะ แกเป็นลูกของพวกเขาเองเหรอ”
อุดมชะงัก จากนั้นจึงกระเสือกกระสนลุกขึ้น
“แกห้ามบอกพวกเขานะ ห้ามบอกพวกเขา!”
เขาราวกับปิศาจร้ายกระโจนเข้าหาโสธร
โสธรไม่เคยเจออะไรแบบนี้ จึงตกใจจนผงะ
นรมนคว้าคอเสื้ออุดมไว้ แล้วกระชาก จากนั้นจึงถีบลงหลุม
“ถ้านายอยากจะถูกฝังทั้งเป็น ก็พล่ามต่อไปสิ ฉันไม่กลัวว่าจะต้องทำซ้ำแบบเมื่อกี้”
นรมนไม่มีทีท่าล้อเล่น ขู่จนอุดมตกใจ
“ฆ่าคนผิดกฎหมายนะ”
“ยังดีที่นายรู้ว่าฆ่าคนผิดกฎหมาย ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาพูดมากกับนาย ให้ฉันหาบุริศร์ให้เจอก่อน มีหลายเรื่องที่ต้องคุย”
นรมนพูดจบ จึงให้ป้องจับตาดูเขา จากนั้นจึงตามโสธรไปสืบข่าวบุริศร์
ป้องให้กานต์อยู่ต่อ แล้วเรียกให้นรมนไปอีกข้าง
“นี่เป็นยาขับพิษที่ฉันเตรียมไว้หลังจากมาที่นี่ ฤทธิ์ของป้าโอพวกเราก็ได้เห็นกันหมดแล้ว ฉันกับกานต์ได้วิเคราะห์พิษชนิดนี้แล้ว นี่คือผลที่พวกเราวิจัยออกมา ตอนที่เจอบุริศร์ ไม่ว่าจะใช้ได้ผลหรือไม่ ก็ให้กินไปก่อน รักษาชีวิตไว้ก่อนค่อยว่ากัน”
“ตกลง”
นรมนเชื่อใจป้อง
เธอเก็บยาขับพิษที่ป้องให้ไว้ แล้วออกไปจากที่นี่กับโสธร
โสธรพานรมนเดินไปทางถ้ำ
“หญ้าดาวสีฟ้าจริงๆอยู่ใกล้ที่นี่มากเลย อยู่ตรงสุสานข้างหน้านี่เอง แต่คนที่ไม่รู้จักจะหาไม่เจอ”
คำพูดของโสธรทำให้นรมนปวดใจแปล๊บขึ้น
บุริศร์เพิ่งตื่นขึ้น เพราะเสียงร้องของเธอเขาจึงมาที่นี่ ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
เมื่อเห็นนรมนมีสีหน้าตึงเครียด โสธรจึงพูดเสียงค่อย“คุณนายบุริศร์ไม่ต้องเป็นห่วง ที่นี่ห่างจากที่ๆอุดมถูกฝังทั้งเป็นไม่ไกลนัก ประธานบุริศร์ไม่เป็นอะไรหรอก”
“หวังว่านะ”
ทั้งคู่มาถึงสุสานอย่างเร็วไว
นรมนถึงได้รู้ว่าห่างจากถ้ำที่พวกเขาตกลงไปไม่ไกลเท่าไหร่ หากแต่หล่อนไม่รู้ว่าสุสานแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยไอหมอก ทำให้หล่อนหาทิศทางที่ชัดเจนไม่พบ
“ที่นี่ทำไมถึงมีสุสานล่ะ ข้างหน้าไม่ใช่เหรอ”
“ที่นี่เป็นค่ายที่คนมีฐานะเขาฝังกัน ส่วนด้านหน้าไปสุสานของคนธรรมดา หญ้าดาวสีฟ้าเป็นที่ที่พวกเราปลูกขึ้นทางนี้ ต่อมาก็กลายเป็นของขึ้นชื่อของสุสานแห่งนี้ สุสานสองแห่งมีไอหมอกกั้นอยู่ ถ้าไม่ใช่คนในค่าย น้อยคนนักจะรู้จักที่นี่”
โสธรพูดพลาง พานรมนเดินขึ้นหน้า
ทันใดนั้น นรมนเห็นคนสองคนนอนราบอยู่ที่สุสาน ในมือกำหญ้าสีฟ้า แสงสาดส่องอยู่ใต้แสงจันทร์
“บุริศร์?”
เธอรีบวิ่งขึ้นหน้า
โสธรพูดอย่างตื่นเต้น“คุณนายบุริศร์ อย่าไปโดนหญ้าดาวสีฟ้าในมือเขา หญ้าดาวสีฟ้าต้องจัดการแบบพิเศษ ตัวเขามีพิษทั้งตัว”
พอคำพูดนี้ออกจากปาก นรมนจึงตกตะลึง
“หมายความว่าบุริศร์โดนพิษเหรอ”
“คงใช่”
นรมนเข้าใจฉับพลัน
บุริศร์ร้อนรนหาหญ้าดาวสีฟ้าจนเจอ อุดมจึงให้โอกาสนี้บอกว่าบุริศร์โดนพิษ
อุดมช่างโหดเหี้ยมเสียจริง!
“แล้วไงต่อ”
“ฉันเอง”
โสธรรีบเดินรุดหน้า หยิบอุปกรณ์พิเศษออกมาจากตัวหนึ่งชิ้น แล้วหยิบหญ้าดาวสีฟ้าออกมาจากมือบุริศร์
นรมนเพิ่งเห็น ว่ามือของบุริศร์ดำไปทั้งมือ
เธอรีบรุดขึ้นหน้าโดยเร็ว หยิบยาแก้พิษจากมือป้องยัดเข้าไปในปากของบุริศร์ แล้วพยายามทำให้ละลาย
ริมฝีปากของบุริศร์เป็นสีม่วงคล้ำ ไออุ่นตามตัวแทบไม่เหลือ ถ้าไม่ใช่นรมนสัมผัสได้ถึงลมหายใจในตัวเขาแล้ว ก็คงบ้าแทบคลั่ง
เธอเป็นห่วงบุริศร์ แต่ก็ไม่กล้าขยับเคลื่อนไหวโดยพลการ ได้แต่กอดเขาไว้ แล้วค่อยๆรอให้ยาออกฤทธิ์
หลังจากที่โสธรเก็บหญ้าดาวสีฟ้าเข้าที่ เขาเห็นท่าทีของบุริศร์ จึงพูดเสียงค่อย“คุณนายบุริศร์ครับ พวกเรา เรียกคุณหมอป้องมาดูสักหน่อยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก ฉันมีเรื่องที่ต้องการถามอุดมอีก”
แววตาของนรมนคอยจ้องบุริศร์
ผ่านไปราวสิบนาที ความเขียวคล้ำบนใบหน้าบุริศร์ค่อยๆลดลง
ในจังหวะที่เขาลืมตาขึ้น นรมนกอดเขาไว้แน่น กล้ำกลืนพูด“ถ้าคุณยังไม่รักชีวิตอีก ฉันไม่เอาคุณแล้วจริงๆด้วย”
บุริศร์ชะงัก ถึงได้รู้สึกตัว
เขาตบหลังนรมนเบาๆ พูดเสียงค่อย“ผมไม่เป็นไร”
“โดนพิษขนาดนั้นยังบอกไม่เป็นไรอีก คุณคิดว่าตัวเองเป็นเหล็กไหลหรือไง”
พูดมาถึงตรงนี้ บุริศร์ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ ผลักนรมนออก
“หญ้าดาวสีฟ้าล่ะ?คุณอย่าแตะต้องหญ้าดาวสีฟ้า!”
“ประธานบุริศร์ หญ้าดาวสีฟ้าอยู่นี่ครับ ผมเก็บไว้อย่างดี คุณนายบุริศร์อย่าแตะต้องนะครับ”
โสธรรีบพูดร้อนรน
บุริศร์มองดูเขา แล้วก็มองดูหญ้าดาวสีฟ้า จึงได้ถอนหายใจออกมา
“คุณช่วยผมไว้เหรอ”
“ผมไม่มีปัญญาขนาดนั้นหรอก เป็นยาเม็ดนี้ที่คุณหมอป้องให้คุณนายบุริศร์ต่างหาก”
โสธรยิ้มพลางพูด
นรมนก้าวขึ้นหน้าประคองบุริศร์ พูดเสียงค่อย“ป้องเขาเดาว่าฝีมือการใช้พิษของป้าโอค่อนข้างมีเอกลักษณ์ คนทั่วไปแก้ไม่ได้หรอก อาจจะเกี่ยวข้องกับหญ้าดาวสีฟ้าก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น สำหรับพิษคราวก่อน เขาวิเคราะห์กันอยู่นาน ในที่สุดก็หายาแก้พิษได้ แล้วเอามาให้กิน”
“ที่แท้เป็นแบบนี้เอง”
บุริศร์รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว เขาหอบหายใจพูด“อุดมโดนผมฝังทั้งเป็น”
“ฉันขุดเขาขึ้นมาแล้วล่ะ ฉันว่าเรื่องเมื่อปีนั้นคลุมเคลือไปหน่อย บางทีอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่ป้าโอบอกก็ได้ ไม่ใช่ว่าตระกูลโตเล็กของเราจะผิดต่อป้าโอ เป็นอุดมต่างหาก แน่นอนว่าฉันคาดเดาเรื่องทั้งหมด ก็ต้องฟังดูว่าพวกเขาจะว่ายังไง”
นรมนแสดงความเห็นตนเองออกมา
บุริศร์ตกตะลึง แต่กลับไม่พูดอะไร พยุงมือนรมนไว้ก้าวเท้าไปข้างหลัง
เมื่ออุดมเห็นนรมนยืนแน่วแน่ตรงหน้าเขา เขาเองก็เกือบคลั่ง
“คุณจะไม่เป็นไรได้ไง พิษของหญ้าดาวสีฟ้าแก้ยากจะตาย จะไม่เป็นไรได้ไง”
นรมนมองดูทีท่าบ้าคลั่งของอุดม แค่นเสียงเย็น“เขาเป็นลูกชายของโอ ไม่เป็นไรอยู่แล้วล่ะ”
“ว่าไงนะ โอได้ถ่ายทอดสติปัญหาให้นายมั้ยล่ะ คนถ่อย!แกคงลืมกฎของค่ายไปแล้วสินะ การแพทย์ของในค่ายห้ามเผยแพร่ออกไปข้างนอก!แม้ว่าแกจะเป็นลูกชายเขา แต่ว่าก็เป็นคนนอกค่าย แล้วจะถ่ายทอดวิชาการแพทย์ในค่ายให้นายได้ไง”
ริมฝีปากอุดมแห้งผาด
แม้ว่าบุริศร์จะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของโอ แต่พอได้ยินอุดมด่าทอมารดาตนเองแบบนี้ เขาจึงเดินขึ้นหน้า ถีบอุดมลงไปในหลุมอีก
“นายอยากตายอีกสักครั้งมั้ยล่ะ”
อุดมโดนถีบซะเจ็บตัว แต่ก็ยังคงดีดดิ้น แต่ราวกับคิดแผนการของบุริศร์ออก จึงรีบสงบลง
“นายคิดจะทำอะไร”
“ว่ามา เรื่องค่ายเมื่อปีนั้น เกี่ยวอะไรกับนายหรือเปล่า”
บุริศร์จ้องตาโตไปที่อุดม
อุดมเห็นตัวเองท่าจะหนีไม่ได้ จึงได้แต่เกาหัวพูด:“ใช่สิ ฉันต้องการล้างแค้นทั้งหมู่บ้านแหละ!เป็นฝีมือฉันเอง!คนถ่อยอย่างโอไปมีลูกกับชายอื่น ถึงขนาดคิดจะหนีตามผู้ชายออกจากค่าย เธอไม่เคยคิดเลย ว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน!ฉันก็เลยย่องตามเธอออกจากค่าย เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ได้ยินว่ารับหน้าที่อะไรสักอย่างนี่แหละ ฉันเลยบอกเขาว่าในค่ายเกิดโรคระบาด กำลังแก้ปัญหาโดยเร็ว มีคนใกล้ตายเป็นจำนวนมาก ให้เขารีบไปรายงานตัวด่วน เพื่อที่จะยืนยันสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง ฉันเลยใส่ยาพิษไว้ในบ่อน้ำของค่าย ชั่วข้ามคืน คนป่วยกันเป็นเบือ คนข้างบนมาดูก็ยืนยันว่ามันเป็นโรคระบาด เวลานั้นการแพทย์ยังควบคุมไม่ได้ ข่าวแพร่ไปเร็วมาก พวกเขาจึงได้แต่ปิดหมู่บ้าน”
บุริศร์ได้ฟัง กุมมือทั้งสองแน่น
“หัวหน้าเป็นคนตระกูลโตเล็กใช่ไหม”
“คิดว่าใช่ จำไม่ได้แล้ว หล่อไม่เบา”
อุดมเริ่มไม่เกรงกลัว
บุริศร์โกรธจนอยากจะทุบเขาให้ตาย แต่ก็โดนนรมนห้ามไว้
“เรื่องนี้โอไม่รู้หรอกหรือ”
“เธอจะไปรู้ได้ไง ตอนที่เธอไปเธอยังตั้งครรภ์อยู่เลย เธอมัวแต่มั่วกับผู้ชายคนนั้นอยู่เลย พอค่ายเกิดเรื่อง เธอถึงได้กลับมา แต่แล้วมันเป็นไงล่ะ ฉันเห็นหล่อนนั่งคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าคนในค่าย อย่าให้บอกเลยว่าตอนนั้นฉันดีใจแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนั้นปรากฎตัว ฉันคงพาไอ้มารหัวขนในท้อง โอไปด้วยแล้ว!คงไม่มีมารหัวขนอย่างแกออกมาลืมตาดูโลกหรอก”
“ว่าไงนะ”
บุริศร์ราวกับจับประเด็นสำคัญในคำพูดอุดม
“แกว่าฉันเป็นมารหัวขนนั่นเหรอ”
“ทำไม แม่แกไม่ได้บอกแกหรือไง ว่าแกเป็นมารหัวขนท้องก่อนแต่ง”
“แกพูดมั่ว!”
บุริศร์บีบคออุดม
เป็นไปได้อย่างไร
ถ้าสิ่งที่อุดมพูดเป็นเรื่องจริง งั้นพ่อของเด็กในท้องของโอ
เขากับตรินท์ไม่ใช่เด็กหลอดแก้วที่โอกับพ่อของเด็กทำออกมาเหรอ
แต่เมื่อดูตามระยะเวลา หลังจากที่โอหาพ่อของเด็กเจอแล้ว น่าจะเป็นเรื่องหลังจากที่ค่ายถูกทำลายแต่อุดมกลับบอกว่าโอทำลายเด็กก่อนออกจากค่าย
ตกลงเป็นมายังไงกันแน่
หรือว่าก่อนที่ตนเองกับตรินทร์จะเกิด โอยังมีลูกคนอื่นอีก
ในหัวบุริศร์สับสนมึนงงไปหมด
นรมนเข้าใจความรู้สึกดี
ในตอนแรกที่เธอรู้ความจริงว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อแม่ จิตใจเธอก็ว้าวุ่นแบบนี้แหละ และก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
บัดนี้เห็นบุริศร์เป็นแบบนี้ นรมนจึงได้แต่ตบบ่าเขาเบาๆ พูดน้ำเสียงอ่อนโยน“บางทีอาจจะมีอะไรในกอไผ่ก็ได้ เรามาตรวจสอบกันดูก่อน คุณเป็นลูกของเธอกับพ่อของคุณ ไม่ผิดหรอก ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ยอมรับคุณ”
บุริศร์มองนรมน ไม่รู้ว่าจะพูดต่ออย่างไรดี
อุดมตะลึง ราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จู่ๆก็พูดขึ้นมาอย่างดุดัน“ว่าไงล่ะ แกไม่ใช่ลูกของโอกับพิรุณ”
“พิรุณคือใคร”
บุริศร์จับชื่อนี้ไว้อย่างอ่อนไหว แต่อุดมกลับไม่ยอมปริปากแม้แต่คำเดียว