บทที่ 761 มันช่างน่าขันเกินไป
พรรษารู้ว่าเทย่าคือจุดอ่อนของเจตต์ เป็นทุกอย่างของเขา
เขารีบพูดว่า “มีคนเห็นแม่ของแกที่ท่าเรือ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้ชายและผู้หญิง ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นรูปร่างไม่สูง และค่อนข้างคล้ำ”
พรรษาพยายามบอกเบาะแสนี้แก่เจตต์ฟังให้มากที่สุด
ทันใดนั้น ภาพในใจของเจตต์ก็ปรากฏเงาของนิตา
เป็นเธอไปไม่ได้!
ไม่ใช่อย่างแน่นอน!
“มีกล้องวงจรปิดไหม?”
“มี แต่มันไม่ชัด เพราะว่าไม่ชัดนี่แหละ พวกเราเลยจนปัญญาที่จะยืนยันได้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ตอนนี้ฉันแจ้งตำรวจแล้ว ทางตำรวจก็เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว แกวางใจเถอะ ฉันจะนำแม่ของแกกลับมาแน่นอน”
ดูเหมือนว่าเจตต์จะไม่ได้ยินคำพูดของพรรษาเขาแค่พูดอย่างเย็นชา “ผมขอดูวิดีโอจากกล้องวงจรผิดหน่อย”
เมื่อเห็นเจตต์เป็นเช่นนี้ พรรษารู้สึกเศร้า แต่ก็ยังให้คนไปนำวิดีโอจากล้องวงจรปิดมาให้เจตต์ดูอย่างเร็ว
เจตต์เปิดมันดู เมื่อเขาเห็นร่างของนิตาในวิดีโอ เขาก็ตกตะลึง และจากนั้นสีหน้าของเขาก็ไม่น่าดูอย่างผิดปกติ
“แกรู้จักผู้หญิงคนนี้เหรอ?”
พรรษาดูอารมณ์ของเจตต์ออก เขารีบถามอย่างร้อนใจ
เจตต์ไม่ได้พูด แต่กลับคัดลอกวิดีโอ จากนั้นหันหลังเดินจากไป
“เฮ้! หมายความว่าอะไร? เขาเข้ามาขู่ด้วยการดึงคอเสื้อฉัน ตอนนี้หมุนตัวเดินกลับไปแล้ว นี่เห็นฉันเป็นอะไร?”
คุณนายรัตติกรวรกุลตะโกน แต่กลับโดนพรรษาถลึงตามอง
“หุบปาก! ตอนนี้เมื่อไหร่ไม่รู้เหรอ?”
“เมื่อไหร่อะไร? เมื่อไหร่ก็ไม่ใช่ฉันที่พาเทย่าไปสักหน่อย พวกเธอมาโกรธฉัน?”
คุณนายรัตติกรวรกุล ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นก็มีบางอย่างบินมุ่งมาทางเธอ ทำให้เธอกรีดร้องด้วยความตกใจและนั่งยองๆ ลงไปที่พื้น
ในเวลาเดียวกันนี้ เจตต์ก็กระแทกประตู
คุณนายรัตติกรวรกุลตัวสั่นขณะมองไปยังไม้แขวนเสื้อที่บินมาอยู่ข้างๆตัวเธอ
“พรรษา ลูกชายคุณจะฆ่าฉัน”
“ถ้าไม่อยากตาย”
พรรษาจิตใจสับสนวุ่นวาย
หลังจากเจตต์ออกจากบ้าน เขาก็ตรงไปหาบุริศร์
เมื่อเขาเห็นเจตต์ บุริศร์จึงพูดด้วยเสียงต่ำ “เบาหน่อย นรมนเพิ่งพักผ่อน”
“โสธรติดต่อมาหาคุณหรือยัง?”
เจตต์เปิดปากถามที่อยู่ของโสธร ทำให้บุริศร์ชะงักงัน
“ยัง นายจะหาเขาทำไม?”
“แม่ของผมถูกนิตาพาตัวไป”
“นายไม่ได้เข้าใจผิดเหรอ?”
“ดู”
เจตต์ส่งวิดีโอจากกล้องวงจรปิดให้บุริศร์ดู
บุริศร์ตกตะลึงจริงๆเมื่อเขาเห็นนิตา
แม้ว่าสิ่งที่กล้องวงจรปิดจับได้จะไม่ชัดนัก แต่ทุกคนที่สนิทกับนิตาต่างก็รู้ดีว่าเป็นเธอ
“ฉันจะลองติดต่อให้นายอีกครั้ง”
บุริศร์ระดมความสัมพันธ์ของเขาอย่างรวดเร็วเพื่อหาที่อยู่ของนิตา
ทั้งตัวของเจตต์ดูมืดมน
เดิมทีเป็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างของทั้งสอง แต่ตอนนี้กลายเป็นอยู่ในสถานการณ์นี้เสียแล้ว
เจตต์กำลังคิดอะไรอยู่ บุริศร์ไม่รู้ เขาให้คนรินชาให้เจตต์
“เรื่องนี้ฉันดูแล้วไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น ถ้าหากบอกว่านิตาเข้าใกล้นายเพื่อแม่ของนายแล้วละก็ ถ้าอย่างนั้นนายได้บอกกับเธอไหมว่าแม่ของนายอยู่บ้านพักคนชราที่ไหน?”
“ไม่”
คิ้วของเจตต์ย่นเข้าหากันอีกครั้ง
“ฉันเพียงแค่ไม่คิดว่าเธอจะหายสาบสูญไป นึกไม่ถึงว่ามาเมืองชลธีเพื่อหาแม่ของฉัน พวกเขาต้องการอะไรจากแม่ฉันกันแน่? แม่ฉันเป็นเพียงผู้ป่วยที่กำลังวังชาไม่ดีแค่นั้น ทางที่ดีเธอต้องดูแลแม่ของฉันให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่มีวันจบกับเธอแน่”
เจตต์ประสานมือของเขาเข้าหากันแน่น
“เรื่องนี้ไปหานิตาก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ”
ในขณะที่รอข่าวคราว นรมนก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
เมื่อเธอออกมาเห็นท่าทางที่มืดมนของเจตต์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเล็กน้อย
บุริศร์ดึงเธอออกไป ก่อนจะเล่าเรื่องนี้อีกครั้ง
“เป็นนิตาได้ยังไง?”
“ผมก็ไม่รู้ แต่เรื่องนี้กระทบกับเจตต์อย่างมาก คุณออกไปซื้ออะไรหน่อย เย็นนี้ให้เขากินข้าวบ้านเรา”
นรมนตะลึงกับคำพูดของบุริศร์
“วันนี้ทำไมคุณใจกว้างขนาดนี้ละคะ?”
“ดูท่าเขาจะอกหัก ผมต้องใจกว้างหน่อย”
บุริศร์หยอกล้อ
นรมนถลึงตาใส่เขา หลังจากนั้นจึงไปเปลี่ยนชุด เมื่อผ่านเจตต์เธอจึงพูดขึ้นมา “อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเถอะ ฉันจะออกไปซื้ออาหาร กลับมาจะให้บุริศร์เข้าครัว”
“ผมบอกเหรอว่าจะเข้าครัว?”
“ไม่ใช่เหรอ?”
นรมนถามกลับทำให้บุริศร์เงียบปากลงทันใด
เจตต์เห็นท่าทางที่พวกเขารักใคร่กันมาก จึงพูดอย่างหดหู่ “ผมอกหักแล้ว พวกคุณสองคนอย่าอวดผัวออกเมียให้ผมอิจฉาได้ไหม?”
“โธ่เอ๋ย ฉันชินเสียแล้วสิ”
คำพูดของบุริศร์เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก
เจตต์จ้องมองเขาอย่างดุร้ายและพูดว่า “ฉันอยากกินอาหารที่นรมนทำ”
“นายออกไปเสีย”
“นรมน ผมอยากกินอาหารฝีมือคุณ เพื่อมารักษาจิตวิญญาณที่บอบช้ำของผม”
เจตต์เดินผ่านบุริศร์ไป มองนรมนอย่างน่าสงสารก่อนพูดกับเธอ
“โอเค โอเค ฉันทำเอง คุณไปนั่งกับบุริศร์ก่อน”
นรมนส่ายหัวอย่างจนปัญญา และใช้สายตาปลอบโยนบุริศร์
“อย่าขี้เหนียวนักได้ไหม? ฉันแค่กินข้าวมื้อเดียว แต่คุณได้กินข้าวฝีมือภรรยาตลอดชีวิต”
เจตต์พูดอย่างห่อเหี่ยว
บุริศร์นั่งตรงข้ามกับเขาและพูดว่า “แต่ไหนแต่ไรมาฉันทำใจให้เธอเข้าครัวไม่ได้ นายนี่ยังไง มาก็จะให้เธอไปทำอาหารในวันที่ร้อนขนาดนี้ กลิ่นเขม่าน้ำมันเยอะมาก ถ้าหากเธอเป็นไข้แดดจะทำยังไง?”
“หยุดหยุดหยุด! ฉันทำเอง ฉันทำโอเคไหม?”
“นายทำฉันกลัวพวกเราจะไม่ปลอดภัย รอสักเดี๋ยวให้แม่บ้านทำเถอะ”
บุริศร์ช่วยพูดอธิบายแทนนรมนแค่คำสองคำ
เจตต์ไม่คิดอยากจะอยู่ที่นี่แม้แต่นาทีเดียว แต่ให้ออกจากบ้านตระกูลโตเล็กแล้วจะให้ไปไหน?
นรมนขับรถไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อเครื่องปรุงแล้วออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต แต่กลับเจอธรณียืนอยู่ที่หน้าประตู
“อาเล็ก? ทำไมมาที่นี่ละคะ?”
นรมนไม่เคยพบเจอตระกูลทวีทรัพย์ธาดาตั้งแต่เธอกลับมาที่เมืองชลธี พูดให้ถูกต้องคือ เธอไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอย่างไร
ธรณีมองไปยังนรมน และคิดว่าเธอผอมลงเล็กน้อย
“จดหมายของแม่เธอมาแล้ว ฉันหาเธอไม่เจอ เมื่อตะกี้เจอเธอเดินช็อปปิ้งอยู่คนเดียว ก็เลยมารอตรงนี้”
ธรณีมอบจดหมายของคิมให้นรมน
นรมนตะลึง
เมื่อเร็วมานี้มีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับคิมอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นตอนแรกที่คิมไปยังเป็นสถานการณ์อย่างนั้นอีก
“เป็นอะไรไป? ไม่คิดถึงแม่หรือ?”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าต้องใช้สภาพจิตใจอย่างไรในการเผชิญหน้ากับเธอ”
ระหว่างนรมนและคิมขาดการติดต่อกันจริงๆ
แม้ว่าทั้งสองจะเป็นแม่และลูกสาว แต่ความรู้สึกไม่คุ้นเคยและแปลกแยกทำให้นรมนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“บางทีมันอาจเป็นแค่จดหมายขอให้ปลอดภัยนะ มีเวลาไหม? กลับบ้านไปกินข้าวเถอะ อาสามยุ่งมาก บ้านทวีทรัพย์ธาดาใหญ่มาก มีอาแค่คนเดียว ค่อนข้างเหงาเลย พาบุริศร์กับเด็กๆมาเที่ยวเล่นสิ อย่างไรบ้าทวีทรัพย์ธาดาก็เป็นบ้านของฝ่ายหญิงนะ”
คำพูดของธรณีทำให้นรมนพยักหน้า
“วันอื่นเถอะค่ะ วันนี้ตอนเย็นเจตต์มากินข้าวที่บ้านพวกเรา”
“เจตต์? เป็นยังไง? อาคิดว่าช่วงนี้ตระกูลรัตติกรวรกุลดูเหมือนจะตามหาใครสักคน?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ของธรณี นรมนก็ยิ้มพลางพูด “ไม่แน่ใจค่ะ เรื่องส่วนตัวของตระกูลรัตติกรวรกุล ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันรู้แค่ว่าเขามาหาบุริศร์ และจะกินข้าวเย็นที่นี่”
เมื่อเห็นว่านรมนไม่เต็มใจที่จะเปิดเผย ธรณีก็ไม่ถามแล้ว
เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความห่างเหินและไม่เป็นอิสระ
“โอเค ถ้าอย่างนั้นหาเวลากลับมาเที่ยวบ้านละ”
“ค่ะ”
นรมนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับธรณี เธอจึงทำเพียงพยักหน้า
เพื่อหลีกเลี่ยงความทำตัวไม่ถูกของนรมน ธรณีจึงรีบจากไปอย่างรวดเร็ว แต่สีหน้ามีความเงียบเหงาเล็กน้อย
นรมนไม่รู้ว่าจะจัดการความสัมพันธ์กับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอย่างไร ทำเพียงจัดการข้าวของก่อนจะกลับบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็ก
เมื่อบุริศร์เห็นรมนกลับมาด้วยสีหน้าไม่ดี เขารีบถามอย่างเร็ว “เกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาอะไรบนท้องถนนหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ เจออาเล็กนะ ถ้ามีเวลาเขาให้พาเด็กๆกลับไปเยี่ยมบ้าน”
นรมนไม่ได้ปิดบัง
บุริศร์รับรู้ถึงความรักความแค้นระหว่างนรมนและตระกูลทวีทรัพย์ธาดา เขาพูดเสียงต่ำ “ถ้าคุณรู้สึกว่าฝืนใจก็ไม่ต้องไปสนเขา ท้ายที่สุดชีวิตก็เพื่อตัวคุณเองและความสุขของคุณเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”
“ที่จริงฉันที่มีความสุขหรือไม่มีความสุขก็ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดว่าฉันเป็นหนี้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ถึงอย่างไรชีวิตหนึ่งของแม่เพราะว่าฉันไม่มีแล้ว ตอนนี้ให้ฉันกลับไป ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะเจอพวกเขาอย่างไร”
นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจนรมนทั้งหมด
บุริศร์รู้จักเธอ ก่อนพูดเสียงต่ำ “ต้องการให้ผมกลับไปตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเพื่อขอโทษไหม?”
“ไม่ต้องค่ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ เรณุกาทำ ไม่ใช่เพราะคุณ”
นรมนปฏิเสธข้อเสนอของบุริศร์โดยตรง
เจตต์ไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่ และเมื่อเขากลับมาเขาเห็นนรมนมีท่าทางหมดอาลัยตายอยาก จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “เป็นอะไรไป? ซื้อของอร่อยไม่ได้เหรอ?”
“ก็รู้แต่เรื่องกิน”
บุริศร์กลอกตาใส่เขา ก่อนจะพูดกับนรมน “ไปอาบน้ำเถอะ ประเดี๋ยวพวกเราไปกินข้าวกัน”
“โอเค คุณอยู่เป็นเพื่อนเจตต์”
ตอนนี้นรมนไม่มีอารมณ์อะไรให้อยู่เป็นเพื่อนเจตต์
เจตต์ประหลาดใจเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น? ใครทำให้เธออารมณ์ไม่ดี?”
“แค่ไม่ใช่นายก็โอเคแล้ว ฉันจะบอกนายนะเจตต์ นายระดมคนของนายไปลองหา อย่างไรมันก็เป็นเรื่องของนาย โอเคไหม?”
บุริศร์มองไปที่เจตต์ด้วยสายตาดูถูก
เจตต์นอนล้มลงบนโซฟา
“คนที่สามารถเอาออกไปหาได้ของตระกูลรัตติกรวรกุล พ่อฉันก็ส่งไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นพ่อร้อนใจขนาดนี้ แม่งเอ๊ย พูดมาไม่ดูน่าขันหรือ? แม่ฉันบ้ามาหลายปี ไม่เคยไปดู นี่จู่ๆฉุกคิดจะไปดูขึ้นมา เปิดเผยตำแหน่งของแม่ บางครั้งฉันมักจะรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองฉันและแม่ในความมืด ไม่รู้ว่าจู่ๆ มันจะโผล่มาทำร้ายเราเมื่อไหร่ ตอนนี้แม่ของฉันหายไปฉันคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับคนที่บ้าน แต่ไม่คิดว่าจะเกี่ยวข้องกับนิตา มันน่าขันจริงๆ”
“โอเค เรื่องนี้เกิดอะไรขึ้นยังคงไม่รู้แน่ชัด กลับไปสืบหาก่อนแล้วค่อยมาพูด”
บุริศร์ปลอบเจตต์
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของนรมนก็ดังขึ้นที่ชั้นบน
“นรมน!?”
บุริศร์ผลักเจตต์ออกไปอย่างกะทันหัน และวิ่งไปที่ห้องนอน
เจตต์ไม่ยอมล้าหลัง เขาชะงัก ก่อนจะรีบวิ่งตามไปข้างบน
นรมนไม่ใช่คนที่นิสัยกระต่ายตื่นตูม ทำไมจู่ๆถึงกรีดร้อง? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?