บทที่ 756 ไม่กลัวบุริศร์จะหัวเราะเยาะลูกเหรอ
“โสธรส่งตำแหน่งที่ตั้งมาแล้วเหรอ ?”
“ส่งมาแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
บุริศร์หันไปมองนรมน นรมนพยักหน้า
ตอนที่ทุกคนขับรถไปถึงที่อยู่ของโสธร กลับไม่พบตัวโสธร
พอบุริศร์โทรไปหาโสธรอีกครั้ง ก็พบว่าทางนั้นอยู่ในสถานะปิดเครื่อง
“พวกคุณมาหาใครเหรอ ?”
ชายชราคนหนึ่งที่เห็นพวกบุริศร์ถามขึ้น
“คุณลุงคะ พวกเราขอถามหน่อยนะคะ โสธรพักอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ ?”
นรมนรีบเดินไปข้างหน้าแล้วเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
ชายชรามองดูนรมน แล้วพยักหน้าพร้อมพูดว่า “พักอยู่ที่นี่ แต่ว่าพอพี่สาวของเธอมาที่นี่แล้ว พวกเข้าก็ย้ายออกไปทันที เพิ่งออกไปไม่ถึงชั่วโมงเลย”
“ย้ายออกไป ? คุณรู้ไหมครับว่าพวกเขาย้ายไปที่ไหน ?”
เจตต์เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงที่รีบร้อนทำให้ชายชราก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
“พวกคุณเป็นใครกันแน่ ? ตามหาพวกเขาทำไมกัน ?”
ชายชราเริ่มระวังตัวขึ้นมาเล็กน้อย
นรมนส่ายหน้า แล้วดึงตัวเจตต์กลับมา
“คุณลุงคะ คุณลุงไม่ต้องสนใจเขาหรอกค่ะ พวกเราเป็นเพื่อนของโสธร เขาส่งที่อยู่มาให้พวกเรามาหาที่นี่ คุณดูสิคะ นี่เป็นที่อยู่ที่โสธรส่งมาให้พวกเรา”
นรมนเอามือถือของบุริศร์ยื่นไปให้ชายชราดู
พอชายชราเห็นว่าเป็นวีแชทของโสธรแล้ว ถึงได้พูดเสียงเบาว่า “ที่แท้โสธรส่งให้พวกเธอเองเหรอ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น พอพี่สาวของเธอมาแล้วก็เร่งให้เขาตามออกไปด้วย ดูเหมือนว่าจะทำเรื่องพักการเรียนให้เขาด้วย แต่โสธรไม่เห็นด้วย ทั้งสองคนทะเลาะกันยกใหญ่ แต่ว่าโสธรเป็นเด็กกตัญญู ดูเหมือนว่าพี่สาวของเธอจะร้องไห้ พวกเขาถึงได้ออกไป แต่ว่าไปที่ไหนนั้น พวกเขาไม่ได้บอก ฉันก็ไม่กล้าถาม พี่สาวของเขาดุมากเลยนะ”
พอได้ยินชายชราพูดแบบนั้น แววตาของเจตต์ก็หรี่ลงทันที
“เธอกำลังหลบหนีพวกเราอยู่”
“ถึงรู้ว่าเอกำลังหลบหนีพวกเราอยู่แล้วยังไงล่ะ ? ตอนนี้พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน หรือไปที่ไหน เรื่องนี้ฉันว่าต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นแล้วล่ะ”
นรมนรู้ว่าตอนนี้ในใจของบุริศร์รู้สึกอึดอัด ไม่มีใครทนกับการถูกคนอื่นล้อเล่นแบบนี้ได้หรอก
แต่ว่าตอนนี้เบาะแสของพวกเขาขาดไปแล้ว ทำได้แค่รอว่าเมื่อไหร่โสธรจะเปิดเครื่อง และติดต่อพวกเขาได้ พวกเขาถึงจะตามหาตัวนิตาเจอ
เจตต์นั่งลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งอย่างสิ้นหวัง แล้วพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าหากเธอเข้าหาฉันเพราะมีเจตนาอื่นแอบแฝง ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรเสียหายเลย เห็นได้ชัดเลยว่าเป้าหมายของเธอยังไม่สำเร็จ แล้วทำไมต้องหนีไปแบบนี้ด้วย ? ทำไมถึงต้องหลบหน้าฉัน ?”
“อาจเป็นเพราะว่าหลงรักนายเข้าแล้ว ทำใจทำร้ายนายไม่ลง ดังนั้นก็เลยยอมแพ้ต่อเป้าหมายที่จะเข้าใกล้นาย และหายไปจากชีวิตนายไง”
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์หัวเราะออกมาอย่างเยาะเย้ย
“เธอจะใจดีขนาดนั้นเลยเหรอ ? ฉันกลัวว่าเธอคงจะมีลูกไม้อะไรมาต่อกรกับฉันอีก”
“เจตต์ นายอย่าเป็นแบบนี้”
นรมนหาข้ออ้างหรือเหตุผลอะไรมาปลอบใจเจตต์ไม่ได้อีกแล้ว
และในตอนนั้นเอง มือถือของเจตต์ก็ดังขึ้น
พอเจตต์มองดูทีหนึ่ง ก็หัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดว่า “ดูสิ บัตรเครดิตที่ฉันให้เธอ ในนั้นมีเงินหนึ่งแสนหยวน เธอคืนทั้งหมดกลับมาให้ฉันแล้ว ตอนนี้ตัดขาดจากฉันอย่างหมดจด ในเมื่อไม่คิดจะอยู่กับฉันตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมจะต้องมายั่วฉันด้วย ? ตอนนี้ยั่วฉันแล้ว ยังคิดจะจากไปเฉยๆ ? ไม่คิดว่ามันจะง่ายไปเหรอ ? เห็นคนอย่างเจตต์เป็นคนที่จะถูกคนอื่นล้อเล่นแล้วไม่ตอบโต้แบบนั้นหรือไง ?”
“นายคิดจะทำอะไร ?”
บุริศร์รู้ว่าหากเจตต์ไม่ได้ระบายความโกรธนี้ออกมา เขาไม่มีทางหยุดแน่
แววตาของเจตต์ค่อยๆเย็นชาลงทีละนิด เขาทอดมองไปยังที่ห่างไกล แล้วพูดออกมาทีละคำว่า “แน่นอนว่ามีแค้นก็ต้องชำระ ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ฉันก็จะตามหาเธอให้เจอ เอาความจริงใจของเจตต์คนนี้ไปแล้ว คิดจะจากไปอย่างสบายใจงั้นเหรอ ? ฝันไปเถอะ!”
“พวกเราช่วยอะไรนายได้บ้าง ?”
“ไม่ต้องแล้ว พวกนายช่วยฉันมามากพอแล้ว เรื่องที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เจตต์ลุกขึ้นมา แล้วปัดคราบดินที่อยู่บนตัว มองนรมนกับบุริศร์แล้วพูดว่า “รบกวนเวลาพวกนายกลับเมืองชลธีแล้ว ขอโทษด้วยนะ ในเมื่อนรมนมาที่นี่แล้ว ก็เซ็นสัญญาส่งมอบแล้วค่อยไปก็แล้วกัน”
“เจตต์ ฉันรับมันไว้ไม่ได้จริงๆ”
นรมนรู้สึกว่าเหมือนหยกอันนี้มีมูลค่ามากเกินไปจริงๆ
“ดูถูกฉันหรือไง ?”
“นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องการดูถูก เจตต์ เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันกับนรมนอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ พวกเราจะออกเงินจำนวนหนึ่ง ถือว่าเป็นการร่วมหุ้น ส่วนนาย ก็เป็นคนบริหารเขตเหมืองนี้ หยกที่ผลิตได้จะเอาไปแปรรูป หรือขายทิ้ง พวกเราก็ขอแค่ส่วนแบ่งก็พอ นายลองดูว่าโอเคไหม ? บริษัทท่องเที่ยวเองก็เหมือนกัน ถือว่าพวกเราเป็นผู้ร่วมหุ้น เป็นไง ?”
บุริศร์เสนอความคิดเห็นของตัวเอง
เจตต์หัวเราะแล้วพูดว่า “ได้สิ คนอย่างบุริศร์เคยยอมขาดทุนซะที่ไหน ? นั่นรับเงินแบบนี้ ก็ถือว่าได้แล้ว แต่เพราะว่าเป็นนรมน ฉันเลยยอมรับ”
“ขอบใจสำหรับการยอมรับของนายก็แล้วกัน”
บุริศร์มองเจตต์อย่างไม่สบอารมณ์ทีหนึ่ง
เจตต์หัวเราะแล้วตบบ่าของเขา จากนั้นก็โบกมือแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
“ไปก่อนนะ พวกนายกลับไปเองแล้วกัน ฉันไม่ส่งแล้ว”
“เจตต์”
นรมนยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับถูกบุริศร์หยุดเอาไว้
พวกเขาต่างก็ดูออก ถึงแม้ว่าเจตต์จะทำตัวบ้าบอเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าแววตาเขากลับปราศจากความอบอุ่น
อาจเพราะความอบอุ่นนั้นถูกนิตาทำลายไปแล้ว หรืออาจถูกเธอเอาไปแล้ว แต่ว่าพวกเขาต่างก็รู้ดี ว่าเจตต์ยังมีเวลารักษาแผลใจ
“เฮ้อ เรื่องของความรู้สึก มันช่าง……”
นรมนส่ายหัว
บุริศร์จับมือของเธอไว้แน่นแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้อยู่ด้วยกันในตอนสุดท้ายเหมือนพวกเรา ดังนั้นที่รัก พวกเราต้องรักษามันเอาไว้”
ทันใดนั้นนรมนก็หัวเราะออกมา
“อะไรคือพวกเราต้องรักษาเอาไว้ ? ฉันรักษามันไว้อย่างดีตั้งแต่ต้นจนจบ ประโยคนี้คุณพูดให้ตัวเองฟังเถอะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อห้าปีก่อนใครกันที่ไม่สนใจใยดีฉัน”
“ฉันฉันฉัน ฉันผิดเอง ฉันขอร้องอ้อนวอนแล้วได้ไหม ?”
พอบุริศร์ได้ยินนรมนคิดบัญชีเก่าเมื่อห้าปีก่อน ก็รีบขอโทษทันที
นรมนหัวเราะออกมา
เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะว่าอะไรบุริศร์จริงๆ ก็แค่ชอบดูบุริศร์ทำท่าตื่นตระหนกเท่านั้นเอง อีกอย่างตัวเองผ่านความลำบากมาขนาดนั้น ให้เขาได้ตื่นตระหนกสักหน่อยก็ไม่เสียหายสักหน่อยนี่ใช่ไหม ?
“พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ป้องกับกานต์เองก็น่าจะถึงบ้านแล้ว”
นรมนคิดถึงบ้านแล้ว
เรื่องของเจตต์เธอรู้ดีว่าเขาสามารถจัดการได้ ถึงแม้จะเศร้าโศกเสียใจ แต่ยังไงก็ต้องจัดการได้แน่
ตอนนี้สิ่งที่เธอคิดถึงที่สุดก็คือลูกๆที่อยู่ที่บ้าน
ไม่ได้เจอพวกเขามานานแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นยังไงบ้าง
บุริศร์ดูออกว่านรมนกำลังร้อนใจ เลยรีบจองตั๋วเครื่องบินที่เร็วที่สุดเพื่อกลับไป
ตอนที่นรมนกับกลับไปถึงเมืองชลธี ถึงได้รู้สึกว่าที่นี่หายใจได้สะดวก และอิสระ
“ยังไงบ้านตัวเองก็ดีที่สุด”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”
บุริศร์มองดูนรมนที่ยิ้มอย่างมีความสุข ก็อดที่จะคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้
“ฉันอยากจะไปเจอคุณพ่อคุณแม่ก่อน ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว ไม่รู้ว่าพวกท่านจะเป็นยังไงบ้าง ฉันได้ยินพฤกษ์บอกว่าช่วงก่อนพวกท่านไปเที่ยวกันมา ตอนนี้ไม่รู้ว่ากลับมากันแล้วหรือยัง”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์รู้สึกผิดเล็กน้อย
เรื่องที่เธอโดนวางยาพิษใบ้นั้นโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนออกไปท่องเที่ยว ไม่อย่างนั้นหากพวกเขารู้เข้า ไม่รุ้ว่าจะเสียใจขนาดไหน
ยังดีที่ตอนนี้นรมนดีขึ้นมากแล้ว เลยทำให้เขาโล่งใจขึ้นมาหน่อย
“คุณพ่อชอบดื่มชา พวกเราไปซื้อใบชาแล้วเอาไปฝากกันเถอะ”
นรมนพูดเสนอ
บุริศร์ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันซื้อไว้ตั้งแต่อยู่ยูนนานแล้ว ชาผูเอ่อร์ชั้นเยี่ยมเลย”
เขาเอามันออกมาราวกับใช้เวทมนตร์ ทำให้นรมนนิ่งอึ้งไปทันที
“คุณไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ทำไมฉันถึงไม่รู้ ?”
“จะให้เธอรู้ทุกอย่างหรือไง ? ไปกันเถอะ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
เธอเลยพูดกระแซะว่า “มีแค่ของคุณพ่อฉัน ไม่มีของคุณแม่ฉันได้ยังไงกัน ?”
“ใครบอกว่าฉันไม่ได้ซื้อขวัญให้คุณแม่ของพวกเราล่ะ ? ฉันซื้อเครื่องประดับหยกชุดหนึ่งมาให้คุณแม่ของพวกเรา”
บุริศร์คิดได้รอบด้านมาก และทำทุกอย่างได้อย่างครบถ้วน ทำให้นรมนหาจุดบกพร่องไม่เจอ
“พวกเขาเป็นพ่อแม่ของฉันหรือพ่อแม่ของคุณกันแน่ ? ทำไมตอนที่ซื้อของฉันถึงไม่รู้เรื่องเลย ?”
“พ่อแม่ของพวกเรา”
บุริศร์ยิ้มบางๆแล้วโอบไหล่ของนรมน แล้วขับรถไปที่บ้านของพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน
พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนเองก็เพิ่งกลับมาจากที่ไปท่องเที่ยว พอเห็นนรมนกับบุริศร์มาด้วยกัน ก็รีบยิ้มพร้อมพูดว่า “พวกเรากำลังคุยกันอยู่เลยว่าไม่ได้ข่าวคราวจากพวกเธอนานแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเธอจะโผล่มาได้ รีบเข้ามานั่งเถอะ”
“คุณพ่อคุณแม่ ผมกับนรมนไปเที่ยวยูนนานมาครับ เลยซื้อของฝากประจำท้องถิ่นมาฝาก ช่วยรับไว้ด้วยนะครับ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้ปากของพ่อนรมนแทบจะหุบไม่ลงเลย
“บุริศร์นี่ช่างเอาใจใส่จริงๆ พวกเราเองก็ไปเที่ยวมา แต่ว่าพวกเราไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากพวกเธอหรอกนะ!”
“คุณพ่อคะ”
นรมนเข้าไปคล้องแขนคุณพ่อไว้อย่างออดอ้อน
“โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังจะตัวติดคุณพ่อแบบนี้อีก ไม่กลัวบุริศร์จะหัวเราะเยาะลูกเหรอ”
คุณแม่นรมนเองก็มองนรมนอย่างขำขัน
“เขาจะหัวเราะหรือไม่ หนูก็ไม่สนใจหรอกค่ะ”
นรมนขยิบตา จากนั้นก็ไปนั่งข้างๆแม่นรมน
“แม่คะ ไม่ได้เจอหนูตั้งนาน ไม่คิดถึงหนูบ้างเหรอคะ ดูท่าทางออกไปเที่ยวกับคุณพ่ออย่างสนุกสนานเลย เป็นยังไงบ้างคะ ? เล่าให้ฟังหน่อย พวกท่านไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง ?”
คุณแม่นรมนหัวเราะแล้วพูดว่า “แม่เองก็จำสถานที่ไม่ค่อยได้หรอก พวกเราก็แค่ขับรถลงใต้ไปเรื่อยๆ ไปไกลมาก หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่จากบ้านไปไกลขนาดนี้ บอกตามตรง ความรู้สึกแบบนั้นก็ไม่เลวเลย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคิดถึงพวกเธอ แม่กับพ่อของลูก ยังคิดจะลงใต้ไปอีก ไปดูว่าทิศใต้สุดของโลกนี้จะไปถึงที่ไหนได้อีก”
พอได้ยินคุณแม่นรมนพูดแบบนี้ นรมนก็พูดอย่างอิจฉาเล็กน้อยว่า “คุณพ่อนี่ช่างเอาใจคุณแม่จริงๆ ดูหนูสิ บุริศร์พูดเอาไว้ตั้งนานแล้ว ว่าจะพาพวกเราทั้งครอบครัวไปเที่ยว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สมหวังเลย”
“นี่ๆๆ นรมน เห็นอกเห็นใจกันหน่อยได้ไหม ? พวกเราเพิ่งจะกลับมานะ!”
บุริศร์รีบร้องขอความยุติธรรมทันที
คุณพ่อกับคุณแม่นรมนและนรมนต่างก็หัวเราะออกมาทันที
บรรยากาศแห่งความสุขยังคงอบอวลอยู่เหนือห้องนั่งเล่น ช่างดูชื่นบาน
“แม่ไปทำอาหารก่อน ทำของอร่อยให้พวกเธอทาน ทำไมไม่พาพวกเด็กๆมาด้วย ? พวกเธอแค่สองคน พวกเราไม่อยากคุยด้วยหรอกนะ”
คำพูดของคุณแม่นรมนทำให้นรมนรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
“คุณแม่คะ แม่รังเกียจหนูเหรอคะ เด็กน้อยสามคนนั้นก็เป็นลูกของหนูกับบุริศร์นะ ถ้าไม่มีพวกเรา จะมีพวกเขาเหรอคะ ดังนั้นแม่ต้องเอาใจใส่ลูกสาวตัวเองมากๆนะ ไม่อย่างนั้นหนูจะหึงได้นะ !”
นรมนทำตัวออดอ้อนเหมือนเด็กน้อย ทำให้คนทั้งบ้านหัวเราะออกมาอีกครั้ง
บุริศร์มองดูทั้งหมดนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันสงบสุขมาก