บทที่ 781 คุณกอดฉันได้ไหม
“ประธานนรมน ฉันอาจจะไม่มีเวลามากแล้ว”
เมื่อนิตาพูดคำนี้ออกมาเห็นได้ชัดว่ารู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง
นรมนพยักหน้า ไม่ได้ขัดคำพูดของเธอ และไม่ได้พูดอะไร ทำให้นิตารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ฉันรู้ ว่าคุณต้องเกลียดฉันมากแน่ ๆ หรืออาจจะรู้สึกว่าฉันแย่มาก คุณดูสิ พระเจ้าลงโทษฉันแล้ว คุณอย่าโกรธฉันเลยได้ไหมคะ?”
นิตามองนรมนอย่างน่าสงสาร
นรมนตอบเสียงเบาว่า: “ฉันไม่ได้โกรธเธอ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ตั้งแต่ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อน เธอไม่จริงใจกับฉัน ฉันก็รู้สึกเสียใจ จากนั้นฉันบอกกับตัวเองว่า สำหรับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ไม่มีความจำเป็นต้องเอาอารมณ์ของอีกฝ่ายมาส่งผลกระทบต่อตนเอง ดังนั้นตอนนี้ฉันจึงไม่ได้มีอารมณ์หวั่นไหวอะไรไปกับเธอ”
ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ นิตายิ่งเจ็บปวดใจ
“ประธานนรมน ฉันรู้ เป็นฉันที่ทรยศความเชื่อใจของคุณ และเป็นฉันเองที่ทำลายความเป็นไปได้ทั้งหมดระหว่างพวกเรา แต่ฉันจะทำอะไรได้?ตั้งแต่พ่อแม่ของฉันจากไป น้องชายของฉันก็เริ่มป่วย ชีวิตของฉันไม่อาจเป็นของฉันได้อีก สิ่งที่ฉันสามารถทำได้ก็คือปกป้องพวกคุณให้ได้มากที่สุด นี่คือการยอมอ่อนข้อให้มากที่สุดที่ฉันทำได้”
นิตาพูดอย่างโศกเศร้า
เธออาจจะยังรู้สึกผิดเล็กน้อย
นรมนมองเธอ อดนึกถึงคำพูดของเทย่าไม่ได้
“เธอไม่ได้ลักพาตัวคุณน้าของฉันไปใช่ไหม? เธอไปสถานพักฟื้นเพื่อช่วยเธอออกมา เธอกลัวเจตต์รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับแม่แล้วจะเสียใจใช่ไหม?”
นรมนถามสิ่งที่ตนเองคาดเดาออกมา
นิตาอึ้งไปเล็กน้อย
“คุณน้าของคุณ?”
“อืม ใช่แล้ว ฉันลืมบอกเธอไป คุณน้าของฉันก็คือแม่ของเจตต์ เธอคือคุณน้าที่ฉันสนิทที่สุด ฉันกับเจตต์มีความเกี่ยวข้องเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ได้ไม่นาน”
ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ นิตามองพวกเขาอย่างแปลกใจ
“พวกคุณสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน?”
“ใช่!”
เจตต์พยักหน้า
นิตารู้สึกว่าตนเองน่าหัวเราะอย่างยิ่ง
เธอกำลังทำอะไรอยู่?
คิดไม่ถึงว่าจะแย่งเจตต์กับน้องสาวสามี เธอเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
“คุณคิดว่าฉันน่าหัวเราะมากไหม?”
“ไม่หรอก ตรงกันข้ามด้วยซ้ำไป สำหรับความรู้สึกที่เธอมีต่อเจตต์ ฉันกลับชอบเธอนะ ถ้าไม่ใช่เพราะความรู้สึกที่เธอมีต่อเจตต์ ฉันคงไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ เธอควรจะดีใจ ตอนที่เธอมีชีวิตอยู่ยังได้ทำเรื่องที่เหมือนคน”
นรมนพูดจบอย่างเชือดเฉือน นิตารู้สึกเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก
“คุณพูดจาได้ไม่เกรงใจจริง ๆ ”
“จำเป็นต้องเกรงใจด้วยเหรอ?ฉันคิดว่าไม่จำเป็นนะ สีดำคือสีดำ สีขาวคือสีขาว เธอช่วยชีวิตคุณน้าของฉันออกมาเพื่อเจตต์ ทำให้หล่อนรอดพ้นจากความหายนะอย่างอื่น เรื่องนี้ฉันต้องขอบคุณเธอ จนแม้แต่ถ้าเธอต้องการเงิน ฉันก็สามารถให้เงินเธอได้จำนวนหนึ่งด้วยซ้ำไป ส่วนเรื่องอื่นเธอไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
คำพูดของนรมนทำให้นิตารู้สึกเจ็บปวดมาก เธอเข้าใจมาตลอดว่านรมนเป็นคนเข้าถึงง่าย กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อเธอจริงจังขึ้นมาจริง ๆ ประโยคนั้นจะเชือดเฉือด จนเลือดซิบออกมา
นิตาส่ายหน้าไปมาอย่างขมขื่น: “ตอนนั้นฉันก็เห็นแก่ตัว ฉันอยากให้คุณป้ารู้สึกดีกับฉัน หลังจากเขากลับไปพูดเรื่องแต่งงานจะได้ราบรื่นสักหน่อย”
ได้ยินนิตาพูดแบบนี้ ถึงแม้นรมนจะรู้อยู่แล้ว แต่ในใจยังคงขยะแขยงมาก
“เธออยากเจอฉันไม่ใช่เพราะอยากให้ฉันมาฟังการสารภาพบาปใช่ไหม?นิตา ฉันไม่ใช่เจตต์นะ คนอย่างเจตต์ให้ความสำคัญกับมิตรภาพ บางทีเธออาจจะรู้แบบนี้ ถึงได้โกหกเจตต์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้มาถึงตรงนี้แล้ว ฉันก็จะไม่ปิดบังเธอ หลังจากที่ฉันรู้ว่าเธอคือคนของหมู่บ้านดารายน ฉันก็บอกเจตต์ เธอมดลูกเสียหายเพราะช่วยชีวิตเจตต์เรื่องนี้ต้องตรวจสอบความจริงสักหน่อย แต่เธอรู้ไหมว่าเจตต์พูดว่าอะไร?เขาบอกว่าผู้หญิงคนหนึ่งถ้าแม้แต่ยอมสละคุณสมบัติความเป็นแม่คนได้ งั้นเธอก็อาจจะจนตรอกจริง ๆ เขาบอกว่าเนื้อแท้ของเธอไม่ใช่คนเลวร้าย เขาสามารถดูแลเธอต่อไปได้ จนแม้แต่คิดจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอต่อไป จนแม้แต่จะให้การแต่งงานเป็นหลักประกันกับเธอ ผู้ชายแบบนี้ ทำไมเธอถึงไปหลอกเขาได้ลงคอ?ทำร้ายเขาได้อย่างไร?”
พูดตามความจริง นรมนโกรธที่นิตาไม่จริงใจกับเจตต์
ในอาณาจักรแห่งความรักทำไมถึงได้มีการหลอกลวงกันไปมามากมายเช่นนี้?
รักก็คือรัก จำเป็นต้องผสมสิ่งอื่นเข้าไปด้วยเหรอ?
นิตามองเจตต์อย่างตกใจ ถามเสียงสั่นเทา: “นี่คือความจริงเหรอ?”
“ตอนนี้พูดไปจะมีประโยชน์อะไร?”
เห็นได้ชัดว่าเจตต์ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องเหล่านี้
นัยน์ตาของนิตามีความตื่นเต้นไปจนถึงความหดหู่ และสุดท้ายซีดจางลงไป
เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างฝืน ๆ : “จริงด้วย ตอนนี้พูดเรื่องเหล่านั้นไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะฉันกำลังจะตาย ถึงแม้ฉันจะรู้สึกสำนึกผิด อยากจะชดใช้ อยากจะรับผิดพร้อมแก้ไข ทุกอย่างก็สายไปแล้ว ชาตินี้ฉันกับคุณคงไม่มีวาสนาต่อกันจริง ๆ ”
นรมนได้ฟังเธอพูดแบบนี้ ก็อดรู้สึกโมโหไม่ได้
“นิตา เธอรู้ไหม?ฉันสามารถให้อภัยทุกเรื่องที่เธอทำกับฉัน แต่เรื่องเดียวที่ฉันให้อภัยเธอไม่ได้คือการที่เธอปฏิบัติต่อผู้ชายที่จริงใจกับเธอแบบนี้ เขาคือลูกพี่ลูกน้องของฉัน เป็นเพื่อนสนิทก่อนหน้านี้ของฉัน เดิมที่ฉันต้องการจับคู่พวกเธอทั้งสองคนจึงให้เธอกับเขาออกทริปธุรกิจด้วยกัน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?เป็นฉันที่ตาบอด ไม่เห็นว่าเธอเป็นอย่างไร เธออาจจะมีความอึดอัดใจมากมาย และมีความจำใจมากมายเช่นกัน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถทำร้ายคนอื่นตามอำเภอใจ ใช้เหตุผลและข้อแก้ตัวเพื่อหลอกลวงคนอื่น ถึงแม้เธอใกล้จะตายแล้ว ฉันยังคงไม่ยกโทษให้เธอเหมือนเดิม และไม่คิดจะยกโทษให้ เพียงแต่ฉันบอกแล้ว เห็นแก่ที่เธอเคยช่วยชีวิตของคุณน้าฉัน ฉันสามารถตอบรับคำขอของเธอได้ข้อหนึ่ง นี่อาจเป็นจุดประสงค์ที่เธอเรียกฉันมา”
คำพูดของนรมนทำให้นิตาเป็นทุกข์มาก
“ประธานนรมน ตอนนี้คุณยังพูดอย่างตรงไปตรงมาจริง ๆ ถึงแม้ฉันจะเป็นคนใกล้ตาย คุณจะไม่ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับฉันสักหน่อยเหรอคะ ?”
“เธอไม่ต้องการหรอก ฉันเองก็ทำไม่ลง ทำไมจะต้องทำเสแสร้งให้อึดอัดใจกันทั้งสองฝ่ายด้วย? พูดจุดประสงค์ของเธอออกมาซะเถอะ”
ความรำคาญของนรมนทำให้นิตาเข้าใจโดยสิ้นเชิง เธอสูญเสียความรู้สึกดีที่นรมนมีต่อเธอไปหมดแล้ว
ยังจำตอนที่ทั้งสองพบกันครั้งแรก นรมนเหมือนดั่งสายลมโชยที่สดชื่น อ่อนโยนและมีเมตตาแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะตนเองทำมากเกินไป ตอนนี้เธออาจจะมีความสุขมากที่ได้มีเพื่อนอย่างนรมน
เธอรู้สึกผิดอย่างยิ่ง แต่ถ้าโชคชะตาให้เธอเลือกได้ใหม่ เธออาจจะยังเลือกแบบนี้
เธอยิ้มฝืน ๆ กล่าวเสียงเบา: “ใช่ค่ะ ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณจริง ๆ ฉันได้ยินน้องชายของฉันบอกว่า พวกคุณได้พบกับหมู่บ้านดารายนแล้ว ประธานบุริศร์ก็รับปากว่าเขาสามารถไปทำงานที่บริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดได้ ฉันหวังว่าพวกคุณจะสามารถทำตามคำสัญญาของพวกคุณ ไม่รู้สึกแสลงใจใด ๆ กับน้องชายของฉันเพราะฉัน เขาไม่รู้เรื่องทุกอย่างที่ฉันทำลงไป”
นรมนคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่านิตาให้ตนเองมาที่นี่อาจจะเป็นเพราะเรื่องของโสธร เพียงแต่เธอยังคงสงสัย
“ทำไมไม่ให้เขาไปบริษัทของเจตต์?เธอควรจะรู้ เห็นแก่มิตรภาพที่เจตต์มีต่อเธอ เขาไม่มีทางปฏิบัติกับน้องชายของเธอโสธรอย่างไร้ความยุติธรรม”
ได้ยินคำถามของนรมน นิตารีบส่ายหน้าไปมา
“ไม่ได้ค่ะ !โสธรสามารถไปได้ทุกบริษัท แต่ไม่สามารถไปทำงานที่บริษัทของเจตต์ได้!ฉันขังน้องชายเอาไว้ในชุมชนแห่งหนึ่ง ยังหวังว่าถึงเวลาประธานนรมนจะสามารถยื่นมือเข้าไป และพาเขาออกมา ส่วนเรื่องสาเหตุการตายของฉัน คุณแค่บอกว่าฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ห้ามบอกเด็ดขาดว่าทำไมฉันจึงจากโลกนี้ไป ฉันกลัวเขารับไม่ไหว เดินตามรอยเท้าของฉัน โสธรเป็นเด็กดี เขามีอนาคตที่สดใส ไม่ควรจะมาเกี่ยวพันกับฉัน”
น้ำตาของนิตาไหลรินลงมา
สามารถมองออกว่า เธอรักน้องชายของตนเองอย่างสุดหัวใจ
นรมนพยักหน้าและกล่าวว่า: “ได้ ฉันรับปากเธอ ฉันจะให้บุริศร์ให้โอกาสโสธรสักครั้ง และคุ้มครองความปลอดภัยของเขา ฉันคิดว่านี่คือเรื่องที่เธอต้องการฝากฝังพวกเราที่สุดใช่ไหม?”
นิตาพยักหน้าทันที
“ใช่แล้ว ขอบคุณพวกคุณนะคะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันไม่ได้ทำเพื่อเธอ”
นรมนพูดจบก็ลุกขึ้นยืน ตบไหล่ของเจตต์ จากนั้นเดินออกไป
เมื่อภายในห้องเหลือเพียงแค่เจตต์กับนิตา เห็นได้ชัดว่าเจตต์เงียบเป็นพิเศษ
นิตามองผู้ชายตรงหน้า เขาหล่ออย่างไม่มีใครเทียบ แถมยังดีกับเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ เธอหวังว่าจะอยู่กับเขาไปจนแก่เฒ่าจริง ๆ ถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะไม่รักตนเอง แค่ให้เธอรักเขาก็เพียงพอแล้ว
“เจตต์ ฉันชอบคุณจริงนะ”
นิตาเอ่ยออกมาอย่างห้ามใจไม่ได้
ร่างกายของเจตต์สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นจึงหันหน้าไป น้ำตาซึมออกมาตรงหางตา
“ผมก็อยากจะให้ครอบครัวกับคุณจริง ๆ อยากจะใช้ชีวิตไปกับคุณจริง ๆ ”
ประโยคนี้ เจตต์ไม่ได้โกหก
นิตาเชื่อ!
แต่อย่างไรเสียเธอไม่มีวาสนา
“เจตต์ คุณคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่าฉัน ส่วนฉันนั้นไม่คู่ควร!ฉันยอมรับ ตั้งแต่แรกฉันวางแผนกับคุณ การเข้าใกล้คุณก็เพื่อทำให้คุณตกหลุมรักฉัน ฉันจะฉวยโอกาสนี้หยิบตราประทับของบริษัทคุณ น่าเสียดายที่ในที่สุดฉันก็ทำเรื่องนี้ไม่ได้”
การสารภาพของนิตาทำให้เจตต์อึ้งไปเล็กน้อย
“ตราประทับของบริษัทผม? คุณต้องการตราประทับไปทำไม?ไม่สิ พูดให้ถูกคือ ผู้อยู่เบื้องหลังของคุณต้องการตราประทับบริษัทผมไปทำอะไร?คนนั้นคือศัตรูทางธุรกิจของผมใช่ไหม ?มันเป็นใคร?”
เผชิญหน้ากับคำถามรัว ๆ ของเจตต์ นิตากลับทำได้เพียงแค่ยิ้ม
เธอเจ็บปวดมาก!
เจ็บไปทั้งร่างกาย!
แต่เจ็บหัวใจที่สุด!
เธอรู้ เวลาของตนเองเหลือไม่มากแล้วจริง ๆ
เธอมองเจตต์ กล่าวอย่างเศร้าเสียใจ: “เจตต์ ตอนที่ได้อยู่กับคุณถึงแม้จะเป็นแผนการและเล่ห์เพทุบาย แต่ฉันก็เปิดใจอยู่กับคุณจริง ๆ คำพูดเหล่านั้นที่ฉันพูดมันคือความจริง ฉันหวังว่าน้องชายของฉันจะสามารถเข้าโรงเรียนทหารได้ คุณเคยรับปากฉันแล้ว”
สำหรับเรื่องนี้ เจตต์รู้สึกเสียใจ
“ขอโทษ ผมทำไม่สำเร็จ การตรวจสอบภูมิหลังของโสธรไม่ผ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ถ้าคุณมีประวัติการก่ออาชญากรรม……”
“ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องการให้พวกคุณขอความเป็นธรรมให้แก่ฉัน ฉันจะไม่พูดอะไรกับตำรวจ ฉันจะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุจากการจราจร เป็นฉันเองที่ขับรถไม่ระมัดระวัง จึงชนเข้ากับกำแพง ขอร้องคุณล่ะ อย่าให้โสธรไม่ผ่านการตรวจสอบภูมิหลังเลยได้ไหม?ฉันรู้ คุณจะต้องมีหนทาง ถึงแม้จะผ่านไปอีกหลายปีก็ไม่เป็นไร ได้โปรดเถอะนะ”
การอ้อนวอนของนิตาทำให้เจตต์รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“อืม”
เขาพยักหน้า
ในที่สุดนิตาก็ยิ้มออกมา
เธอมองเจตต์ กล่าวด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา: “เจตต์ ฉันกำลังจะตายแล้ว คุณกอดฉันได้ไหม?ฉันรู้สึกหนาวเหลือเกิน!”
คำพูดของนิตาทำให้เจตต์อยากร้องไห้ออกมา
เขาไม่พูดอะไร เข้าไปกอดนิตาทันที กอดเธอเอาไว้แน่นมาก……