เ
ธอหัวเราะอะไร? นรมน อย่ามาพูดจาเหลวไหล ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ได้ทำ! ไม่ใช่ฉันทำ!”
นรมนไม่ได้โต้แย้ง เธอเพียงมองและยิ้มเล็กน้อย
ทันใดธัญญาก็รู้สึกว่าอากาศในห้องเย็นยะเยือก
เธอลูบแขนของตัวเอง มองไปรอบๆห้องโดยไม่รู้ตัว ท่าทางคล้ายวัวสันหลังหวะ สีหน้าของทุกคนที่มองดูต่างก็ไม่เหมือนกัน
“เอาละ ธัญญา เธอทำอะไรกับฉัน ฉันจะไม่เอามาพูดที่นี่แล้ว รอจนกว่าจะไปถึงสถานีตำรวจ เธอค่อยอธิบายความจริงด้วยตัวเอง ฉันไม่อยากเห็นเธอแล้ว ของๆเธอฉันให้คนเก็บไปจนหมดเรียบร้อยดี อีกประเดี๋ยวเธอก็เอามันออกไปเถอะ”
ท่าทางการพูดของเทย่าราวกับเป็นนายหญิงของบ้าน ทำให้ธัญญาเกิดอาการรับไม่ได้
“บ้านหลังนี้ฉันดูแลรักษาอย่างเป็นระเบียบมาเกือบจะ 20ปี เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง!”
“สิทธิ์ที่เธอคือภรรยาที่แต่งโดยชอบธรรมของฉันพรรษา! คือคุณนายรัตติกรวรกุลโดยแท้จริง!”
คำพูดของพรรษา ทำให้ธัญญาโกรธเคืองทันที
“พรรษานี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณพูดเมื่อตอนนอนร่วมเตียงเดียวกับฉัน! แกมันไอ้ผู้ชายได้แล้วทิ้ง! นั่นมันแก! ถ้าไม่ใช่คำพูดจากใจของคุณที่ไม่ต้องการแต่งตั้งให้ฉันเป็นเมียหลวง เธอเทย่าทำอะไรบ้าง? ฉันทำงานหนักเพื่อตระกูลรัตติกรวรกุลมาตลอดหลายปี สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย ฉันไม่ยอม!”
ธัญญาพูดพลางโผเข้าไปหาพรรษา
พรรษาขมวดคิ้วเล็กน้อย จับธัญญาไว้ได้ทัน
“แม่ พอได้แล้ว ได้สติสักทีได้ไหม? จะส่งเสียงเอะอะเหมือนตัวตลกไปถึงเมื่อไหร่? ผมเป็นลูกแม่กับชณะพล แต่แม่กลับดื้อจะผลักไสให้ผมแก่ตระกูลรัตติกรวรกุล ไม่อายคนอื่นบ้างหรือแม่? มีใครเคยคิดถึงความรู้สึกของผมบ้างไหม? ผมพูดกับพวกคุณท้ายสุดอย่างไร? ลูกๆ ในตระกูลอื่นเติบโตมาในฝ่ามือของพ่อแม่ด้วยความรัก แล้วผมละ? พวกคุณให้กำเนิดผมมาทำไมตั้งแต่ทีแรก? ทำไม?”
พฤกษ์พังทลายจริงๆ
แม้จิตใจของเขาแต่เดิมจะดีขึ้นมาอีกครั้งได้ แต่ ณ ตอนนี้มันทานไม่ไหวอีกแล้ว
ธัญญามองไปยังดวงตาแดงก่ำของพฤกษ์ ไม่รู้จะพูดอย่างไรทันที
“ลูก แม่รักลูกนะ! ที่แม่ทำทั้งหมดมันก็เพื่อลูก ตระกูลรัตติกรวรกุลร่ำรวย แม่ยากจนมาตั้งแต่เด็ก ไม่อยากให้ลูกต้องมาลำบากเหมือนที่แม่เคยพบเจอ รู้ไหม? ถ้าหากไม่เป็นอย่างนี้ แม่จะปล่อยให้ชณะพลทิ้งลูกไปได้อย่างไร? ลูกเป็นลูกที่แม่อุ้มท้องไว้เอง10เดือน และคลอดออกมา! เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่แม่เบ่งคลอดออกมาเอง!”
คำพูดของธัญญาทำให้พฤกษ์รู้สึกไม่สบอารมณ์
“เงินเงินเงิน! ในสายตาแม่ก็มีแค่เงิน! เพื่อเงินของตระกูลรัตติกรวรกุล แม่สามารถละทิ้งจริยธรรมและศีลธรรม แม่สามารถทอดทิ้งลูกชายของตัวเองได้ ตระกูลรัตติกรวรกุลร่ำรวยมากเลยใช่ไหม? แม่คิดว่าตระกูลนี้รวยมากใช่ไหม? ถ้าแม่ขาดเงินก็มาบอกผม ผมจะให้เอง! หลายปีมานี้ ประธานบุริศร์พาผมไปลงทุนในบริษัทร่วมทุน ลงทุนทองคำ ลงทุนในพลังงานใหม่ ผมบอกแม่ได้อย่างไม่อายเลยว่า ผมก็มีเงินไม่น้อยไปกว่าตระกูลรัตติกรวรกุลด้วยซ้ำ! ถ้าหากแม่ต้องการเงิน แม่บอกผมสิ พวกเราหาเงินอย่างเที่ยงธรรมไม่ดีกว่าหรือ? ทำไมต้องทำสิ่งที่ไม่ดี? ทำไมต้องไประรานชีวิตคนอื่น? เปรียบเทียบเงินกับชีวิตคน อันไหนมันสำคัญกว่ากันครับ?”
พฤกษ์คำราม ดวงตาของเขาพร่ามัวไปด้วยน้ำตา
ถ้าหากไม่เป็นเพราะคำนึงถึงพฤกษ์ นรมนคงไม่พูดจาไร้สาระกับธัญญาขนาดนี้ เพราะมีพฤกษ์ เพราะบุริศร์อาลัยอาวรณ์พฤกษ์ เธอเลยเย็นลงได้
ธัญญาได้ยินเสียงโห่ร้องของพฤกษ์ อดไม่ได้ที่จะถาม “ลูก พูดจริงหรือ? ลูกมีเงิน? ลูกมีเงินมากกว่าตระกูลรัตติกรวรกุล?”
“ใช่ครับ ถ้าแม่ต้องการ ผมให้แม่ได้แต่ตอนนี้แม่กำลังทำเรื่องอะไรอยู่?”
“ลูกไม่ต้องสนว่าแม่ทำเรื่องอะไรอยู่ ลูกชาย ลูกมีเงินขนาดนี้ รีบจ้างทนายเก่งๆ ให้แม่นะ แม่ไม่อยากติดคุก แม่อายุปูนนี้แล้ว ถ้าติดคุก คงตายข้างในนั้นแน่!”
ธัญญา จับแขนพฤกษ์ไว้แน่น
พฤกษ์ผิดหวังจริงๆ
จนกระทั่งตอนนี้ ธัญญายังคงไม่สำนึกผิดใดๆเลย
นี่เขามีมารดาอย่างนี้ได้อย่างไรกัน?
พฤกษ์มองไปยังดวงตาอันกระตือรือร้นของธัญญา เขาดึงนิ้วทีละนิ้วของเธอออกจากแขนข้างตัวเอง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม่ แม่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ เมื่อตอนที่แม่ตัดสินใจลงมือกับชีวิตคน ก็ควรรู้หลักการแห่งสวรรค์นั่นดี รับกรรมอย่างเป็นทุกข์ แม่ต้องจ่ายในสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้”
“นี่ลูกไม่ใช่ลูกแม่หรือ? แม่ของลูกจะต้องติดคุก ทำไมถึงทำอย่างนี้กับแม่? พฤกษ์ลูก รีบไปหาทนายให้แม่ เร็วเข้า! ยิ่งไปกว่านั้นแม่ยังเลี้ยงดูนิตา เธอใช้เงินของแม่ไปเยอะ แม่จะไม่คิดดอกเบี้ยได้อย่างไร?”
“ต้องคิดดอกเบี้ยกับชีวิตคนเหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ทำให้ผมรู้สึกกลัวจริงๆ!”
คำพูดของพฤกษ์เย็นชา แต่แท้ที่จริงใจเขากำลังเจ็บปวดเจียนตาย
ธัญญาผลักเขาออกไป
“แก ไอ้เด็กอกตัญญู! อกตัญญู! น่าจะรู้ตั้งนานแล้ว ว่าตอนนี้แกกลายเป็นคนแบบนี้ ฉันควรบีบคอแกให้ตายๆไปตั้งแต่ทีแรก!”
ได้ฟังคำพูดที่โหดร้ายของธัญญา หัวใจของพฤกษ์ก็แทบหลั่งน้ำตา
“คุณนาย ให้ตำรวจเข้ามาเถอะ”
พฤกษ์หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะพูดกับนรมน
“อืม”
นรมนพยักหน้า
ที่จริงตำรวจมานานแล้ว แต่เนื่องจากพวกเราบางคนจำเป็นต้องพูดอะไรบางอย่าง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรออยู่ข้างนอกชั่วคราว ถูกบอดี้การ์ดของตระกูลโตเล็กขวางห้ามเอาไว้
นรมนได้ยินพฤกษ์พูดอย่างนี้เธอก็เข้าใจ เขาได้เลือกแล้ว
ธัญญาได้ยินว่าลูกชายตัวเองต้องการให้ตำรวจมาลากตัวเธอออกไป เธอจึงอดไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นมา
“ฉันจะไม่ติดคุก! อย่าเอาฉันเข้าคุก! พฤกษ์ แกมันไอ้คนขี้ขลาด! อ่อนแอ! นี่แกทนมองแม่แกถูกจับได้อย่างไรกัน?”
แต่พฤกษ์กลับไม่มองเธอ ไม่มีทางมองจริงๆ
ธัญญายังคงร้องตะโกนต่อไป ตำรวจได้ผลักประตูเข้ามา
“คุณผู้หญิงธัญญา โปรดกลับไปรับการสืบสวนกับพวกเราด้วย!”
“สืบสวนอะไร? ฉันไม่ไปกับพวกแก! พวกเราทำเรื่องอะไรผิด! อย่ามาจับฉัน! อย่าจับฉัน!”
ธัญญาร้องเสียงแหลมพลางกระโดด แต่กลับไม่พ้นการจับกุมของตำรวจ สุดท้ายเธอก็ถูกพาตัวไปด้วยการด่าฟ้าด่าดินไปด้วย
เมื่อเทย่าเห็นว่าเรื่องจบลงแล้ว เธอไอก่อนพูด “โอเค เรื่องมันจบลงแล้ว ฉันกลับมาครั้งนี้ ที่จริงแล้วมีเรื่องที่จะพูดกับคุณ พรรษา เป็นโอกาสดีที่ทุกคนก็อยู่ด้วย ถ้าอย่างนั้นฉันจะถือโอกาสนี้พูดเลยแล้วกัน”
“คุณห้ามพูด ร่างกายคุณอ่อนแออยู่ ผมจะให้เจตต์พาคุณไปพักผ่อนข้างบน”
พรรษารีบหยุดเทย่า
แต่เทย่ากลับพูดเน้นย้ำทีละคำ พลางมองไปที่เขา “พรรษา การหนีไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา หลายปีขนาดนี้แล้ว ฉันก็สับสนมาตลอด จนกระทั่งทำให้ลูกชายของตัวเองต้องรับภาระมากเกินไปตั้งแต่อายุยังน้อย ชั่วชีวิตนี้ฉันจะไม่ขอโทษคุณ แต่จะขอโทษลูกชายของฉัน เราอยู่ด้วยกันมาตลอดหลายปีนี้ ฉันก็เหนื่อยแล้ว ดังนั้นเราหย่ากันเถอะ”
เทย่ารู้สึกโล่งใจเมื่อได้พูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา
จริงๆแล้วการหย่าร้างโดยปราศจากความรักมันก็สบายๆเช่นนี้
หลายปีมานี้ ตลอดมาทำไมเธอถึงไม่เคยเข้าใจถึงเรื่องนี้เลยนะ?
พรรษาได้ยินว่าเทย่าต้องการหย่ากับตัวเอง เขาส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว
“ผมไม่หย่า เทย่า ผมรู้ว่าผมทำผิด หลายปีมานี้ผมไม่สนใจคุณ แต่คุณคิดถึงพวกเราเมื่อก่อน เมื่อก่อนพวกเรามีความสุขกันมาก! คุณเชื่อผมนะ ผมยังรักคุณ ที่ธัญญาพูดก็ถูก ผมวางให้คุณอยู่ในตำแหน่งคุณนายรัตติกรวรกุลมาโดยตลอด นอกจากคุณ ผมก็ไม่ต้องการยกมันให้ใคร”
“แล้วมันใช้อะไรได้ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนก็เรียกธัญญาว่าคุณนายรัตติกรวรกุลหรือครับ? ตอนนี้ที่พ่อกำลังพูดๆอยู่ พ่อไม่รู้สึกอายบ้างหรือ?”
เจตต์รีบเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเทย่าก่อนจะเปิดปากพูดบ้าง
พรรษาปวดร้าวใจมาก เมื่อเห็นลูกชายทำท่าทางรังเกียจตัวเองเช่นนี้
ตัวเองและลูกชายเคยสนิทสนมกันมาก มันตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาเริ่มห่างไกลกัน และไม่สามารถเรียกกลับมาได้อีก?
พรรษามองไปยังเจตต์ด้วยความข่มขื่นก่อนพูด “ต้องพูดให้คืนดีไม่หย่าร้างกันสิ เจตต์ ฉันเป็นพ่อของแก พ่อแท้ๆของแกนะ”
“ไม่ต้องเน้นย้ำตรงจุดนี้กับผม ถ้าหากพ่อไม่ใช่พ่อของผม คาดว่าคงโดนผมอัดเละไปแล้ว ตอนนี้ผมโตแล้ว มีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเรื่องการหย่าร้างของพวกคุณ แค่แม่ของผมมีความสุขก็โอเคแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชาย เทย่ารีบไปกุมมือของเจตต์ ก่อนพูดอย่างชื่นใจ “ขอบคุณนะลูก เพราะมีลูกอยู่ข้างๆ แม่เลยรู้สึกว่าชีวิตของแม่จะยังมีสีสันอีกมาก”
“พูดอะไรครับแม่ แม่คือแม่ของผม ไม่ปกป้องแม่จะปกป้องใคร”
คำพูดของเจตต์ทำให้คลอไปด้วยหยาดน้ำตา
เธอวางหนังสือหย่าร้างไว้ตรงหน้าพรรษา ก่อนพูดเสียงต่ำ “ตอนแต่งงานฉันไม่ได้พาอะไรมา ตอนหย่าฉันก็ไม่ต้องการอะไรเหมือนกัน พรรษา พวกเราอยู่ด้วยกันมาครึ่งชีวิตแล้ว ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันแค่อยากผ่านพ้นวันไปอยู่กับลูกของฉันอย่างสงบสุข”
“ผมไม่หย่า ตอนผมนอกใจผมก็ไม่หย่า ยิ่งตอนนี้แล้วผมก็ไม่หย่า แถมตอนนี้สุขภาพคุณเป็นอย่างนี้แล้วด้วย ผมไม่หย่า”
เมื่อเห็นพรรษายืนกราน เทย่าก็ถอนหายใจเบาๆ “พูดตามตรง ช่วงหลายปีมานี้ เป็นเพราะเรื่องของธัญญา ที่ทำให้ฉันลืมไปแล้วว่าเคยรักคุณแค่ไหน ฉันจินตนาการถึงความอบอุ่นและความรักที่คุณเคยมอบให้ฉันเสมอ ฉันจำมันได้อย่างชัดเจน ตอนแม่ฉันจากโลกนี้ไป เป็นคุณที่คอยปกป้องคุ้มภัยให้ฉัน เป็นคุณที่คอยให้กำลังใจให้ฉันก้าวเดินต่อไป ช่วงเวลานั้นคุณเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันจริงๆ เป็นคนดีของฉัน แต่ตอนนี้มันทำไมกันนะ? เวลาไม่กี่ปีมานี้ ความรู้สึกของฉันมันจืดจาง คุณเริ่มออกไปสังสรรค์ เริ่มนอกใจ เริ่มไม่สนใจใยดีลูก ฉันไม่รู้ว่าจะเอาคุณกลับมาได้อย่างไร เลยทำได้เพียงน้อยใจใส่คุณ ฉันหวังว่าคุณจะกลับไปหาครอบครัว เพื่อเห็นแก่ลูก น่าเสียดายที่ฉันลืมไป ความรักที่รักษาหน้าทุกฝ่ายได้สูญสิ้นรสชาติของความรักจริงๆไปเสียแล้ว ฉันก็รู้ว่าเพราะฉันบ้าคุณเลยไม่หย่ากับฉัน ตอนนี้ฉันยิ่งมีความคิดที่ไม่ดีเกาะกุมจิตใจ แม้กระทั่งไม่กี่วันมานี้ก็ไม่สนุกกับชีวิต ยิ่งคุณไม่ตอบรับการหย่า แต่ว่านะพรรษา วันนี้ฉันอยากจะพูดกับคุณคำหนึ่ง ฉันเทย่าแม้ว่าฉันจะมีชีวิตอยู่อีกหนึ่งวัน ฉันก็ไม่อยากถูกฝังอยู่ในหลุมศพบรรพบุรุษของตระกูลรัตติกรวรกุล“
“เทย่า คุณเกลียดผมจริงหรือ? ผมทำสิ่งผิดที่ผู้ชายทุกคนต่างก็เคยผิดพลาด ต่อให้ตายคุณก็ไม่ให้อภัยผมเลยหรือ?”
“ไม่ได้ค่ะ เพราะว่าฉันรักสะอาด ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือร่างกาย ฉันก็ไม่สามารถยอมรับผู้ชายที่สกปรกโสมมอย่างคุณได้”
คำพูดของเทย่ากระทบพรรษาเข้าอย่างจัง
“ถ้าหากคุณมีความรู้สึกสงสารฉันสักเล็กน้อย และยังหลงเหลือความเมตตาอยู่บ้าง ด้วยเพราะเราเคยรักกันมาก่อน ได้โปรดเซ็นชื่อลงในสัญญาการหย่าร้างด้วยเถอะค่ะ ฉันขอขอบคุณ”
เทย่ามองตรงไปยังพรรษา ดวงตาคู่นั้นที่เคยทำให้เขาใจสั่น ตอนนี้มีความแววบังคับกดขี่ ทำให้เขาไม่สามารถมองสบตาตรงๆได้