“เสียงอะไร?”
บุริศร์รีบวิ่งออกไป ธรรศดึงนรมนไว้ด้านหลัง ทำท่าทางป้องกัน
จริงๆ แล้วนรมนก็อยากออกไป แต่เห็นธรรศปกป้องตัวเองแบบนี้ ไม่เหลือช่องว่างให้เธอเลยสักนิด เธอทำได้แค่อยู่ด้านหลังธรรศอย่างเชื่อฟัง
หลังจากบุริศร์วิ่งออกไป ก็เห็นพลุพวงหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียง “ปัง ปัง”
“กานต์!”
บุริศร์เห็นกานต์อยู่ข้างๆ เด็กผู้ชายที่อายุมากกว่าเขากำลังจุดพลุ ก็คำรามด้วยความโกรธอย่างอดไม่ได้
กานต์เห็นบุริศร์ออกมา ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสวิ่งไป
“คุณบุริศร์ ดูนี่สิ สวยไหม? นี่เป็นของขวัญที่ผมให้หม่ามี้กับน้องชายน้องสาวในท้อง!”
“ของขวัญกับผีน่ะสิ!”
บุริศร์เคาะหน้าผากกานต์ทันที
“ลูกรู้ไหมว่าลูกเกือบทำให้เด็กน้อยในท้องหม่ามี้ลูกตกใจแทบแย่?”
“อะไรกัน! ผมแค่อยากเซอร์ไพรส์คุณกับหม่ามี้ คุณตีผมทำไม?”
กานต์ย่นจมูกลูบศีรษะตัวเอง พูดขึ้นอย่างน้อยใจนิดหน่อย
บุริศร์สูดหายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองว่าเจ้าเด็กซนตรงหน้าคือลูกแท้ๆ ของตน ลูกแท้ๆ ลูกแท้ๆ
ธรรศเห็นบุริศร์ยังไม่กลับมานานมาก อดไม่ได้ที่จะพานรมนออกมาดูสักหน่อย เมื่อเขาเห็นกานต์ก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้
“เธอกลับมาได้ยังไง?”
“ผมนั่งรถกลับมา ขอลากับหัวหน้าแล้ว”
กานต์เห็นธรรศ ก็รีบยืนตัวตรงทันที จากนั้นก็ทำท่าวันทยหัตถ์
“สวัสดีครับหัวหน้า!”
“สวัสดี รีบวางลง นี่ที่บ้าน ไม่ต้องทำแบบนี้”
เมื่อนรมนเห็นกานต์ก็ดีใจมาก
“กานต์? รีบมาให้หม่ามี้ดูหน่อย เจ้าเด็กแสบ ไม่รู้จักโทรหาหม่ามี้ คิดถึงหม่ามี้แทบตายแล้วไหม!”
“หม่ามี้ ผมคิดถึงหม่ามี้มากอ่า”
กานต์รีบวิ่งไปหานรมน กอดเธอเอาไว้แน่น
“หม่ามี้ คุณบุริศร์รังแกผม!”
กานต์รีบฟ้องทันที
นรมนชะงักทันที ถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”
“เจ้าเด็กแสบนี่จุดพลุนอกประตู และไม่บอกเราสักคำ มันไม่ได้ทำให้คุณตกใจกลัวเหรอ? ฉันก็แค่มะเหงกหน้าผากเขาหนึ่งที”
บุริศร์รีบเล่าเรื่องให้ฟังหนึ่งรอบ
แต่กานต์พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยยอมรับเท่าไรนัก “ผมแค่อยากเฉลิมฉลองให้หม่ามี้กับน้องในท้อง”
ขณะที่พูด กานต์ก็มองนรมนด้วยความน้อยใจอย่างยิ่ง น้ำใสในดวงตาล่องลอย
นรมนสงสารอ่า ไม่ได้เห็นกานต์ตั้งนาน ไม่รู้ว่าเธอคิดถึงลูกชายมากแค่ไหน ตอนนี้เห็นลูกชายมองตนแบบนี้ ก็รีบจ้องบุริศร์
“คุณก็เหมือนกัน กานต์เด็กมาก เขาจะไปรู้อะไร ยังไงเขาก็เจตนาดี พลุสวยมาก หม่ามี้ชอบมากเลย! มา หม่ามี้ขออุ้มหน่อย!”
นรมนพูดขณะย่อตัวลงไปจะอุ้มกานต์ กานต์ก็อ้าแขนรอนรมนมาอุ้มตน
ในขณะนี้ บุริศร์และธรรศเดินมาข้างหน้าในเวลาเดียวกัน
“นรมน คุณอย่าขยับ”
“นรมน เธอห้ามอุ้มเขา! สุขภาพร่างกายของเธอจะอุ้มเขาได้ยังไง?”
ท่าทางประหม่าของชายทั้งสองคนทำให้กานต์ตกใจ
“หม่ามี้ คุณเป็นอะไร?”
นรมนรู้สึกว่าชายสองคนนี้ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว
“แม่ไม่เป็นอะไร ก็แค่ท้อง พวกคุณอย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม? ห้าปีก่อนฉันท้องกานต์กับกมล ฉันทำสามงานต่อวัน พวกเขาก็เกิดมาได้ไม่ใช่เหรอ?”
ขณะที่พูด นรมนก็ไม่มองพวกเขาเลย อุ้มกานต์ขึ้นมาทันที พูดขึ้นอย่างสุขใจ “หม่ามี้ทำอะไรอร่อยๆ ให้หนูกินดีไหม?”
“ดีครับ”
“กลับมาแล้วต้องไปอีกไหม?”
“อืม ลาหยุดแค่วันเดียว”
กานต์กับนรมนคุยไปยิ้มไปขณะที่เดินเข้าไป ไม่มองบุริศร์และธรรศชายทั้งสองคนเลย
ชายสองคนเห็นว่าตัวเองโดนเพิกเฉยอย่างสมบูรณ์ อดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่าย ยิ้มอย่างหมดหนทาง จากนั้นก็แจกบุหรี่ให้คนละตัว
“ห้าปีก่อนตอนนรมนท้อง ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเธอลำบากแค่ไหน ตอนนี้ก็ไม่เคยคิดจะไปสืบ เพราะฉันกลัว กลัวว่าสืบแล้วฉันจะยิ่งเกลียดตัวเอง แต่เมื่อกี้ตอนได้ยินนรมนพูดแบบนั้น ฉันก็ตระหนักได้ว่า ชีวิตนี้ฉันไม่ได้พลาดแค่การเกิดของพวกลูกๆ เท่านั้น ยังพลาดช่วงการตั้งท้องของนรมนทั้งหมดด้วย เดี๋ยวฉันจะให้คนไปสืบสักหน่อย ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันต้องรู้ว่าห้าปีก่อนเธอประสบอะไรมาบ้าง”
คำพูดบุริศร์ทำให้ความโกรธที่พุ่งออกมาเมื่อครู่นี้ของธรรศสงบลงไม่น้อย
“ห้าปีก่อนหลานสาวฉันต้องเป็นทุกข์เพราะนายมากขนาดนั้น ชีวิตนี้ถ้านายทำให้เธอทุกข์ใจอีก ฉันจะบอกนายไว้ให้ ถึงแม้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะต้องพยายามทำทุกอย่าง ก็ต้องทำให้นายชดใช้ อย่าคิดว่านรมนของครอบครัวเราจะให้นายรังแกได้ตามใจชอบ”
“รู้แล้วครับ อาสาม”
บุริศร์และธรรศกำลังสูบบุหรี่อยู่ข้างนอก นรมนอุ้มกานต์กลับไปที่ห้องโถงใหญ่
“กานต์ ทำไมอยู่ที่กองทัพตลอดเลยล่ะ? ไม่คิดจะกลับมาเหรอ?”
นรมนยังอยากให้ลูกชายอยู่เคียงข้าง ห้าปีที่ผ่านมาเจ้าเด็กน้อยก็อยู่เป็นเพื่อนตนมาตลอด ตอนนี้กลับมาแล้ว แต่กลับไม่เห็นเงากานต์เลย นรมนไม่ชินเป็นอย่างมากจริงๆ
กานต์โอบคอนรมน กล่าวอย่างค่อนข้างออดอ้อน “หม่ามี้ ผมชอบค่ายทหารสีเขียวมากๆ คุณตาสามบอกว่าผมเป็นลูกครอบครัวทหาร สามารถเรียนประถม มัธยมต้นและมัธยมปลายที่เขตทหารได้ สามารถเรียนโรงเรียนทหารได้ทันทีเลยด้วย หม่ามี้ ผมอยากอยู่ที่นั่น ได้ไหม?”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กานต์แสดงถึงความปรารถนาและความรักที่มีต่อเขตทหาร คราวก่อนเพราะเรื่องอื่นๆ เขาตั้งใจจะเรียนแพทย์ แต่การฝึกแพทย์ทหารครั้งนี้ เขายิ่งพบว่า ตัวเองเหมาะสมกับค่ายทหารสีเขียว
นรมนเห็นสายตาจริงจังของลูกชาย จะใจร้ายปฏิเสธได้อย่างไร?
ก็แค่เด็กเล็กต้องไปฝึกที่ค่ายทหารอยู่ห่างจากพ่อแม่ ในอนาคตเป็นไปได้อย่างมากว่าจะอยู่ในสนามรบเหมือนพ่อตัวเอง นรมนก็ไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ต้องอยู่ค่ายทหารด้วยเหรอ? เราไปเที่ยวกันช่วงวันหยุดฤดูหนาวกับฤดูร้อนก็ได้ ปกติอยู่ข้างๆ หม่ามี้ไม่ดีเหรอ?”
“อยู่ข้างๆ หม่ามี้ดีอยู่แล้ว แต่ข้างๆ หม่ามี้มีกิจจา มีกมล เดี๋ยวก็จะมีน้องชายหรือน้องสาวอยู่กับหม่ามี้แล้ว อีกอย่าง ถ้าผมคิดถึงหม่ามี้ ผมก็กลับมาหาหม่ามี้ตอนช่วงวันหยุดฤดูหนาวกับฤดูร้อนโอเคไหม? คุณไม่รู้ ในค่ายทหารมีครูทหาร ทักษะคอมพิวเตอร์เขาอยู่ในระดับดีมาก ผมทำลายรหัสไม่ได้เลย ผมอยากเรียนกับเขา”
กานต์เป็นเด็กที่มีความคิดเป็นของตัวเอง จุดนี้นรมนก็รู้
เห็นลูกชายมุ่งมั่นแบบนี้ ถึงแม้นรมนจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่อยากขัดอุดมการณ์ของลูกเหมือนกัน
เธอลูบศีรษะกานต์แล้วพูดว่า “หม่ามี้สัญญากับลูก แต่ลูกก็ต้องสัญญากับหม่ามี้เหมือนกัน ถ้ามีวันหยุดต้องกลับมาเยี่ยมหม่ามี้นะโอเคไหม? ถึงข้างๆ หม่ามี้จะมีกิจจา มีกมล หรือในอนาคตจะมีน้องชายหรือน้องสาวของลูก แต่สำหรับหม่ามี้ ทุกคนสำคัญมาก พวกเขาแทนที่ลูกไม่ได้ ลูกคือลูกชายที่หม่ามี้รักมากที่สุดในหัวใจ รู้ไหม?”
“รู้แล้ว ผมก็รักหม่ามี้ รักมากๆ!”
กานต์แนบศีรษะเล็กของตัวเองกับหน้านรมน ออดอ้อนอย่างน่ารัก ทำให้นรมนหัวเราะอย่างต่อเนื่อง
เมื่อบุริศร์และธรรศเข้ามา ก็เห็นคุณแม่จิตใจดีกับคุณลูกกตัญญู
ทันใดนั้นธรรศก็ลูบจมูกพูดขึ้น “สิ่งที่นายพูดยังทำตามสัญญาไหม?”
“คำพูดไหน?”
บุริศร์ทำหน้าอึ้ง
นี่ธรรศกำลังพูดถึงอะไร?
ธรรศจ้องมองเขา พูดขึ้นเสียงทุ้ม “นายบอกว่าจะให้พนักงานหญิงทั้งหมดในบริษัทนายลิสต์รายชื่อเพื่อนสนิทมาให้ฉันนัดบอดไม่ใช่เหรอ? ฉันก็อยากแต่งงาน ไม่สิ พูดให้ถูกคือ ฉันก็อยากมีลูกชายของตัวเองเหมือนกัน”
บุริศร์มองธรรศเหมือนคนบ้า ขี้เกียจคุยกับเขาแม้แต่ประโยคเดียว เดินมาข้างๆ กานต์กับนรมนทันที
“เจ้าเด็กแสบ ลูกรีบลงมา ตอนนี้สุขภาพร่างกายหม่ามี้ทรมานอุ้มลูกไม่ไหวแล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันชอบให้ลูกชายสนิทสนมกับฉัน”
นรมนยิ้มเล็กน้อย
กานต์ถึงสังเกตเห็นสีหน้าประหม่าของบุริศร์ ก็ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย “หม่ามี้ คุณท้องเด็กน้อยแล้วอุ้มผมไม่ได้เหรอ?”
“อุ้มได้ ตอนนี้หม่ามี้ยังอุ้มลูกได้ แต่อีกไม่กี่เดือนก็อุ้มไม่ได้แล้ว หม่ามี้ก็เลยทำอุ้มลูกให้เต็มที่เลย”
นรมนหยอกล้อกานต์ และมองบุริศร์ข้างๆ จนอกสั่นขวัญแขวน
ธรรศเห็นภาพนี้ ก็พูดขึ้นทันที “ฉันไปห้องครัวทำอาหารให้พวกเธอกินดีกว่า”
“อาสาม คุณอยู่กองทหารในทีมพ่อครัวใช่ไหม?”
ธรรศจ้องบุริศร์ทันที พูดขึ้น “นายอย่ามาเอาเปรียบแล้วอวดฉลาด ต่อไปนายต้องทำอาหารให้มากขึ้น”
“งั้นฉันก็จะมีความสุขมาก ฉันทำอาหารให้ภรรยาตัวเอง ฉันก็พอใจ”
ธรรศสำลักคำพูดจนรู้สึกค่อนข้างหดหู่ หันตัวเดินไปที่ห้องครัว
นรมนเห็นภาพนี้ก็หัวเราะทันที
“นี่คุณอย่าทำให้อาสามโกรธแบบนี้ทุกวันได้ไหม?”
“ฉันหวังดีกับเขานะ ให้เขาจำเอาไว้เสมอว่าตัวเองคนแก่ที่โสด แต่งงานตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะไม่ทำให้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาผิดหวัง”
คำพูดบุริศร์ทำให้กานต์หัวเราะคิกคัก
“เขาถูกเรียกว่ายมบาลกล้าตายในกองทหาร เข้มงวดมาก อยู่ที่บ้านยังดี ถ้าให้เด็กๆ พวกนั้นรู้ว่าเขาคือคุณตาสามของผม ไม่รู้ว่าจะเห็นอกเห็นใจผมมากแค่ไหน”
ได้ยินลูกชายพูดถึงธรรศแบบนี้ นรมนก็รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย
“ไม่มั้ง?”
“จริงแท้แน่นอน หม่ามี้ ผมจะให้คุณดูของดี ผมซื้อมาให้คุณโดยเฉพาะเลย”
กานต์หยิบแผ่นหยกแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าอย่าลึกลับให้กับนรมน
“เป็นไงครับ?”
แต่เมื่อบุริศร์เห็นแผ่นหยกนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ได้อันนี้มาจากไหน?”
“มีคนหนึ่งขายของโบราณที่ริมถนน ผมเห็นแผ่นหยกอันนี้มันสวยมากก็เลยซื้อมา ใช้เงินหนึ่งพันหยวนของผม เงินสำรองผมไม่มีเงินแล้ว”
กานต์พูดยืดยาว แต่กลัวนรมนเสียใจ จึงรีบยิ้มขณะพูดขึ้น “แต่ไม่เป็นไรนะ หม่ามี้ชอบก็พอ”
“แม่ชอบมาก ขอบคุณนะลูกชาย!”
นรมนรับแผ่นหยกในมือกานต์มา ไม่คิดว่าจะถูกบุริศร์แย่งเอาไปทันที และยังดึงกานต์มาพูดว่า “พาพ่อไปหาคนที่ขายแผ่นหยกนี้ให้กับลูก เร็วเข้า!”
“เกิดอะไรขึ้น? บุริศร์ คุณอย่าทำให้ลูกตกใจกลัว!”
นรมนเห็นสีหน้าบุริศร์แปลกๆ ก็รีบถามขึ้น น่าเสียดายที่บุริศร์ไม่มีเวลาคุยอะไรกับเธอมาก พากานต์ออกไปจากตระกูลโตเล็กทันที