เดิมทีนรมนไม่ได้ใส่ใจเสียงเอะอะข้างนอก ตั้งใจจะนอนลงงีบ แต่เสียงคุณนายใหญ่วัชโรทัยดังออกขนาดนั้น ถึงไม่อยากได้ยินก็ได้ยินอยู่ดี
”นรมร นรมนออกมานะ!ผู้หญิงลืมบุญคุณ!ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านวัชโรทัย ห้าปีก่อนแกตายไปแล้ว ตอนนี้ทำกับพวกเราแบบนี้ ไม่ละอายหรือไง”
คุณนายใหญ่วัชโรทัยแหกปากตะโกน
ปาณีฟังออกเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างนรมนกับคุณนายใหญ่วัชโรทัย จึงขมุ่นคิ้ว บอกบอดี้การ์ดว่า“รออะไรอีกล่ะ รอคุณบุริศร์กลับมาจัดการพวกนายหรือไง หรือรอให้คุณนายโมโหจนล้ม รีบเอาออกไปสิ!”
เพราะคำพูดของปาณี บอดี้การ์ดสองสามคนจึงเดินขึ้นหน้า คนหนึ่งหนึ่งอุดปากคุณนายใหญ่วัชโรทัยไว้ อีกคนยกขาแบกออกไป
นรมนคิดออกไปดู แต่ไม่ได้ยินเสียงข้างนอกแล้ว เธอชะงัก ปาณีผลักประตูเข้ามา
“คุณนายคะ จะทำอะไรน่ะ ไปห้องน้ำหรือคะ ฉันประคอง”
พูดพลาง รีบถลาเข้าไปใกล้นรมน
นรมนส่ายหน้า ถามเสียงค่อย“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่หญิงชราเอะอะโวยวาย อย่าใส่ใจเลย รีบพักผ่อนเถอะค่ะ”
ปาณีประคองนรมนให้นอนลง
นรมนมองเธอ ถาม“เธอรู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างฉันกับเขาหรือเปล่า”
“ไม่ทราบค่ะ แต่คุณเป็นนายหญิงของฉัน ฉันต้องคิดถึงสุขภาพคุณเป็นหลัก สภาพร่างกายคุณไม่เหมาะรับแขก โดยเฉพาะแขกที่เอะอะโวยวาย คุณต้องการการพักผ่อนค่ะ”
นรมนได้ยินดังนั้น ยิ้มแล้วพูด“ต่อไปคนที่ไม่ได้เรื่องก็กันให้ฉันหน่อยแล้วกันนะ”
“ได้ค่ะ คุณนาย จะพักหรือยังคะ”
“ตกลง”
นรมนพูดจบจึงเอนกายหลับตา
ปาณีสาละวนอย่างเบาไม้เบามือ ทำความสะอาดห้องน้ำ ตอนที่จะออกไป เปิดประตูไปเจอนภดลเข้า“คุณมามีอะไรคะ”
ตอนที่ปาณีมองนภดล แววตาเป็นประกาย
นภดลรู้สึกตัวเองเหมือนเนื้อก้อนโต ที่โดนหมาป่าจ้องอยู่ ความรู้สึกนั้นชวนขนลุกโดยแท้ เขาถึงขนาดรู้สึกเสียใจ
“คุณนายนอนหรือยัง”
“นอนแล้ว เพิ่งนอน มีธุระกับคุณนายหรือคะ”
ตำพูดปาณีทำให้นภดลเซ็ง
ทำไมเวลามาหานรมนต้องเจอยัยนี่ทุกที
“ไม่มีไร เมื่อกี้เธอจัดการดีมาก ขอบใจ”
นภดลเตรียมหันหลังกลับ
ปาณีชะงัก
“เดี๋ยว หมายความว่าไง คุณดูแลความปลอดภัยคุณนายเหรอคะ”
มือของปาณีกำมือนภดลแน่น
นภดลขมุ่นคิ้ว พูดเสียงเย็น“ปล่อยมือ!”
“ไม่ปล่อย นอกจากคุณจะบอกฉัน คุณดูแลเรื่องอะไร ตอนนี้ยังไงฉันก็เป็นคนสนิทของคุณนาย ไม่รู้ว่าคุณทำอะไร ต่อไปฉันจะจัดการยังไง”
“เธอจะจัดการยังไงก็เรื่องของเธอ ถ้ายังไม่ปล่อยมือ ฉันจะหักมือเธอ เชื่อมั้ย”
นภดลมีแต่รังสีสังหาร
ปาณีตกใจ ตะลึง และถือโอกาสนี้ชักมือกลับไป
“นี่ คุณหน้าตาก็ดี ทำไมไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย ฉันเป็นแค่เด็กสาวนะ!คุณจะตีฉันเหรอ”
“อย่ายั่วโมโหฉัน ไม่งั้นฉันไม่สนว่าเธอจะเป็นเด็กสาวหรือไม่ ในสายตาฉันมีแต่คนเป็นกับคนตาย”
นภดลพูดจบจึงเดินจากไป
ปาณีเซ็งมาก
คนอะไรเนี่ย!
ทั้งๆที่เขามายั่วโมโหตัวเองก่อน
ปาณีมองขยะเป็นนภดลแล้วโยนลงถัง และก็ไม่อยู่ข้างนอกนาน รีบกลับเข้าห้องผู้ป่วย
เธอเห็นนรมนหลับอยู่ จึงระมัดระวังให้เสียงเบาที่สุด แล้วนวดขาให้นรมนเบาๆ
ตอนที่บุริศร์กลับมา ปาณีรีบลุกขึ้นยืน รายงานเสียงเบา จากนั้นจึงออกไป
ได้ยินว่าคุณนายใหญ่วัชโรทัยมารบกวนการพักผ่อนนรมน แววตาบุริศร์จึงเย็นเฉียบ
เขาเห็นนรมนนอนอยู่ ตัวเองจึงออกจากห้องไป เห็นปาณีนั่งเล่นนิ้มมืออย่างเบื่อหน่ายอยู่บนเก้าอี้
“ปาณี ไปเรียกนภดลมา”
“นภดล?ใครกันคะ?”
ปาณีงงเล็กน้อย
บุริศร์หยิบรูปนภดลให้ปาณีดู
ปาณีมองดู ยิ้มขึ้นมา
“ที่แท้เขาชื่อนภดลเหรอเนี่ย!แหม ทำทีไม่บอกเรา แต่ฉันก็รู้ชื่อคุณจนได้”
ปาณีหัวเราะคิกคักเดินออกไป
บุริศร์หันกลับเข้าห้องผู้ป่วย
เขาเห็นว่านรมนตื่นแล้ว
“ตื่นเมื่อไหร่กัน”
“เมื่อกี้เอง ทำไมเพิ่งมาคะ”
นรมนอ่อนเพลียเล็กน้อย บุริศร์รีบพยุงเธอขึ้น
“ซื้ออะไรมากินคะ”
“ตอนนี้คุณยังกินอะไรไม่ได้ ผมเลยซื้อโจ๊ก คุณกินหน่อยเถอะ รอสองวันค่อยกินของอร่อย”
“แต่ฉันอยากกินเนื้อนี่นา”
นรมนออดอ้อนน่าสงสาร บุริศร์อดยิ้มไม่ได้
“คุณกินไม่ได้”
“ลูกอยากกิน”
ได้ยินนรมนเอาลูกเป็นข้ออ้าง บุริศร์จึงยิ้ม
“โตขนาดนี้แล้ว อายมั้ยเนี่ย”
“อยากกินทำไงได้”
“อย่างมากให้กินโจ๊กไข่เยี่ยวม้า อย่างอื่นกินไม่ได้”
เห็นบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนถอนหายใจ
“ก็ได้ งั้นรอสองวัน”
“เชื่อฟัง!”
บุริศร์ลูบหัวนรมน รู้สึกอบอุ่นและมีความสุข
นรมนพิงหัวเตียง ยิ้มแล้วถาม“คุณออกไปนานขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่ซื้อโจ๊กมั้ง”
“อืม ทำธุระ”
“เรื่องบ้านวัชโรทัยเหรอคะ”
นรมนมองบุริศร์
บุริศร์ชะงัก มองนรมนแล้วถาม“จะขอร้องแทนพวกเขาเหรอ ได้ยินว่าคุณนายใหญ่มา หล่อนพูดอะไรกับคุณ”
“เปล่าค่ะ ปาณีขวางไว้ แล้วให้คนลากออกไป ฉันไม่ได้เจอ และไม่ได้คิดจะขอร้องแทน”
นรมนชี้ไปที่แอปเปิล
บุริศร์หยิบมา นั่งลงปอกแอปเปิลข้างนรมน
นรมนยิ้มแล้วพูด“คุณคิดว่าฉันจะขอร้องแทนเขาเหรอ”
“อืม”
บุริศร์เสียงค่อย เห็นได้ว่าเซ็ง
นรมนรู้ว่าเขาคิดอะไร แต่ก็แค่อยากแหย่เล่น
“ถ้าฉันจะขอร้องแทนล่ะ คุณจะปล่อยบริษัทวัชโรทัยมั้ย”
บุริศร์มือค้าง
“ถ้าหากเหรอ หมายความว่าไง คุณจะขอร้องแทนเธอเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่ได้ คุณคิดดู ห้าปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะคุณนายใหญ่ ฉันกับลูกคงตายแล้ว ดังนั้นบุญคุณนี้ใหญ่เท่าฟ้า ตอนนี้คุณจะฆ่าหมดบ้าน ข่าวลือออกไปคงไม่ดี”
นรมนยิ้มซุกซน เสียดายบุริศร์ไม่เห็น
“ไม่ดีก็ไม่ดีสิ ผมบุริศร์ไม่ได้ต้องการชื่อเสียง อีกอย่าง เรื่องนี้ผมทำ ไม่เกี่ยวกับคุณ คนอื่นไม่ว่าคุณหรอก”
“ว่าคุณฉันก็ไม่แฮปปี้นี่นา ฉันถามคุณ ถ้าฉันเอ่ยปากขอร้อง คุณจะปล่อยไหม”
คำถามนรมนทำให้บุริศสับสนอยู่นาน
เธอเองก็ไม่ได้เร่งรัดคำตอบจากบุริศร์ แต่หยิบแอปเปิลมาจากมือ แล้วปอกเอง จากนั้นกินเอง
เสียงกรอบของแอปเปิ้ลดังกังวานในหูบุริศร์ เขามองดูท่าทางนรมน ถอนหายใจ พูดอ่อนใจ“ถ้าคุณจะขอร้องแทนพวกเขาให้ได้ ผมจะทำอะไรได้อีก คุณไม่ถือสา แล้วผมจะกัดไม่ปล่อยได้ไง”
พูดพลางหยิบมือถือโทรหาพฤกษ์ ให้เขาหยุดทุกอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่านรมนกำมือถือเขาไว้
นรมนสีหน้าตึงเครียด เธอมองบุริศร์แล้วถาม“ทำไม ต่อให้คุณโกรธแค่ไหน เพียงแค่คำขอร้องของฉัน คุณก็จะหยุดทุกอย่างที่วางแผนไว้เหรอ”
บุริศร์ยิ้มอ่อน สีหน้าอ่อนโยน
“คุณคือทุกอย่างของผม ขอแค่คุณอยู่ดี คุณอยากให้เป็นยังไง ต่อให้เอาโลกทั้งโลก ผมก็จะหามาประเคน แต่ถ้าอารมณ์ส่วนตัวผมทำให้คุณไม่สบายใจ หรือรู้สึกแย่ ผมก็ยอมทน”
ได้ยินบุริศร์พูด นรมนน้ำตารื้น
“ตาบ้าเอ๊ย!ดูสิคนแบบคุณเนี่ยจะเป็นเจ้าพ่อเมืองชลธีได้ไง คนพวกนั้นมีสมองมั้ยนะ ขนาดตาทึ่มแบบคุณยังเอาชนะไม่ได้”
“ตาทึ่มก็ตาทึ่มสิ มีคุณ ทุกวันเป็นวันฟ้าใส”
บุริศร์ยิ้มพร้อมขยี้หัวนรมน
นรมนกัดแอปเปิลคำสุดท้าย พอโยนลงถังขยะ ครุ่นคิดแล้วพูด“บ้านวัชโรทัย ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์หรอก”
“อะไรนะ”
บุริศร์ประหลาดใจ
ในใจเขา นรมนเป็นคนใจดี ถึงขนาดซื่อบื้อก็ว่าได้ ไม่ต้องพูดอย่างอื่นหรอก พูดแค่เรื่องบุญคุณบ้านวัชโรทัยที่ช่วยเธอเมื่อห้าปีก่อน เขาก็รู้สึกว่านรมนจะต้องร้องขอให้คุณนายใหญ่วัชโรทัยแน่นอน และนี่ก็เป็นสามารถที่เขาไม่พังบ้านวัชโรทัยให้ราบเป็นหน้ากลอง เพราะเขากลัวว่าตอนที่นรมนขอร้อง เขาจะทำทุกอย่างกลับคืนไม่ได้ ก็เลยทำให้แค่ตระกูลวัชโรทัยล้มละลาย แล้วเขากว้านซื้อแค่นั้น
ตอนนี้ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ บุริศร์จะไม่แปลกใจได้อย่างไร
“ได้ยินไม่ชัดเหรอคะ”
นรมนยังคงยิ้ม แต่บุริศร์เห็นความอบอุ่นในรอยยิ้มนั้น
“รเมศยั่วโมโหคุณถึงขีดสุดแล้วเหรอ”
บุริศร์ถามเสียงแผ่ว
นรมนพยักหน้า
“บ้านวัชโรทัยมีบุญคุณกับฉัน แต่สิ่งที่รเมศทำกับฉัน ก็มากพอที่จะลบบุญคุณห้าปีนั้นแล้วล่ะ คราวที่แล้วรเมศทำอะไร คุณ ฉัน รเมศรู้ดีแก่ใจ คุณให้โอกาสเขาครั้งหนึ่งแล้ว ถือว่าตอบแทนไปแล้ว ถ้าพวกเขาเดินถูกทาง ไม่เกินห้าปี ตระกูลวัชโรทัยจะกลับมารุ่งเรืองดังเดิม เสียดาย ทำชั่วไม่ควรมีชีวิตอยู่ ฉันใจดีได้ ตอบแทนได้ แต่ฉันให้คนอื่นใช้บุญคุณมาล้างแค้นไม่ได้ ใช้บุญคุณทำร้ายฉันตลอดเวลา ทำร้ายครอบครัวฉัน ในเมื่อพวกเขาไม่สนใจความเป็นตายของฉัน ฉันจะต้องสนใจความเป็นตายพวกเขาทำไม คุณจะทำอะไร ก็ทำไปเถอะ วางใจได้ ฉันจะไม่ขอร้องเพื่อใครทั้งนั้น เพื่อฉันยังมีคนที่ต้องปกป้อง ฉันจะใช้ความใจดีและใจอ่อนมาทำให้พวกเขาโดนทำร้ายไม่ได้”
คำพูดนรมนทำให้บุริศร์ประหลาดใจ
จู่ๆเขาค้นพบว่า หลังจากผ่านความยากลำบาก นรมนเติบโตขึ้น หลักแหลมขึ้น สวยขึ้น น่าหลงใหล
ขึ้น
“คุณอยากปกป้องใครเหรอ”
บุริศร์พูดออกมาคำหนึ่ง แววตานรมนมองกลับมา แววตาที่อ่อนโยนดุจสายน้ำนั้นแทบจะทำให้คนละลายตรงหน้า