แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 811

ตอนที่ 811

“คนพวกนี้จับตาดูพวกเราตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?”

นรมนรับประทานไปถามไป

สายตาของบุริศร์เย็นชา

“คุณกินของคุณไปเถอะ เรื่องนี้ผมจัดการเอง”

หลังจากทั้งสองพูดจบ ก็มีคนสองสามคนเข้ามารุมล้อม

ชายรูปร่างสูงใหญ่หนึ่งในนั้นเหยียบลงบนเก้าอี้ทันที จากนั้นเท้าสะเอวและเอ่ยถามอย่างดุร้าย: “มาจากที่อื่นเหรอ? รู้ไหมถนนเส้นนี้ใครคุม?”

บทสนทนาคลาสสิกเช่นนี้ทำให้นรมนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

“แหม่ นังนี้ยังจะหัวเราะอีก?เอาเงินออกมาซะ!ถ้าวันนี้ไม่ได้ถึงล้าน แกต้องอยู่กับฉันที่นี่แหละ!”

บุริศร์สีหน้าเปลี่ยนทันที

“แกพูดใหม่อีกครั้งสิ”

“ฉันจะพูดใหม่อีกครั้งทำไม?ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันทำจริงนะ แกจะทำอะไรได้?”

ในระหว่างที่พูด มือของผู้ชายยื่นไปตรงหน้านรมนอย่างเลวทราม คิดจะลูบไล้ใบหน้าของเธอ

ดวงตาของบุริศร์เยือกเย็น ยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว คว้าข้อมือของผู้ชายคนนั้น และพลิกกลับ จนเกิดเสียงดังก๊อบขึ้น เขาร้องโหยหวนออกมาทันที

“โอ๊ย ๆ ๆ ข้อมือฉัน!”

สีหน้าของบุริศร์กลับไร้ความรู้สึกใด ๆ เอ่ยถามว่า : “ใครส่งพวกแกมา?”

“ฉันไม่รู้ว่าแกพูดเรื่องอะไร รีบปล่อยฉันซะ ไม่อย่างนั้นแกได้โดนดีแน่!”

บุริศร์ถีบเขากระเด็นออกไปทันที

นรมนรับประทานอาหารเสร็จอย่างสวยงาม มองเห็นฉากตรงหน้า จึงส่ายหัวและถอนหายใจออกมา

“เฮ้อ พวกแกมันน่าสมเพชจริง ๆ มาขวางพวกเราโดยไม่รู้เรื่องอะไรของพวกเราเลย รู้ไหมคำว่าตายสะกดยังไง?”

ผู้ชายคนอื่น ๆ เห็นบุริศร์เก่งกาจเช่นนี้ จึงขี้ขลาดตาขาวขึ้นมาทันที ต่างคนต่างถอยหลัง

“เห้ย พวกแกอย่าไปนะ!”

ผู้ชายคนที่ถูกถีบกระเด็นร้องโหยหวนอยู่บนพื้น มองดูคนของตนเองวิ่งหนีไป อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา

บุริศร์ขี้เกียจสนใจพวกเขา เห็นนรมนกินข้าวเสร็จแล้ว ถึงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน: “ กินอิ่มแล้วเหรอ?”

“ค่ะ พวกเราไปกันเถอะ”

นรมนลุกขึ้น บุริศร์ประคองเธอเดินไปที่หน้ารถ จึงพบว่าล้อรถถูกคนเจาะลมยาง

บุริศร์ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

นรมนกลับขวางเขาเอาไว้และกล่าวว่า: “เอาเถอะ เมื่อสักครู่ลงมือยังไม่ทันได้กินอะไร รีบกินเถอะ”

ในขณะที่พูด เธอนำอาหารที่ตนเองใส่กล่องมาส่งให้บุริศร์

บุริศร์กล่าวเสียงเบาว่า: “กินไม่ลง เดี๋ยวผมจะไป ร้าน4Sแถวนี้ซื้อรถอีกคัน”

“ไม่ต้องซื้อแล้ว ซื้ออีกคันก็ถูกคนเจาะลมยางอีก คุณมองไม่ออกเหรอ?คนเหล่านี้ตั้งใจขัดขวางไม่ให้เราไปที่ตระกูลจันทรวงศ์ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใคร แต่เดาว่าพวกเขาขัดขวางพวกเราตลอด”

คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์นิ่งไปสักพักหนึ่ง จากนั้นจึงถามเสียงเบาว่า: “ งั้นพวกเราจะไม่ไปแล้วเหรอ?”

“ไปสิ แต่ไม่ต้องขับรถไปที่นั่น พวกเราสามารถเรียกรถไป หรือจะไปโดยรถประจำทางก็ได้ เพียงแต่สำหรับคุณคงจะเป็นประสบการณ์ใหม่ใช่ไหม?”

มองเห็นหน้าตาทะเล้นของนรมน บุริศร์อารมณ์ดีมากขึ้นมาทันที

“ตามใจคุณเลย”

บุริศร์รับประทานอาหารที่นรมนใส่กล่องมาให้ตนเอง ถึงแม้จะเป็นบะหมี่ธรรมดา ๆ ก็รับประทานอย่างเอร็ดอร่อย

หลังจากทั้งสองรับประทานเสร็จ จึงพักผ่อนสักพักหนึ่ง และทิ้งรถเอาไว้ที่นี่ จากนั้นทั้งสองจึงโบกรถไปตระกูลจันทรวงศ์

พวกเขาติดรถคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งไป มองเห็นนรมนกับบุริศร์มีความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้ หญิงสาวจึงเอ่ยด้วยความอิจฉาอย่างยิ่ง: “ต้องตั้งท้องอย่างเดียวใช่ไหมผู้ชายถึงจะปฏิบัติต่อผู้หญิงเช่นนี้?”

นรมนมองบุริศร์ ตอบด้วยรอยยิ้มว่า: “เขาก็เป็นอย่างนี้เสมอแหละ นี่ฉันท้องสองแล้วนะ”

“หา? ท้องสอง? พี่สาว พี่กล้าหาญเกินไปหรือเปล่า?”

สีหน้าตกใจของหญิงสาวทำให้นรมนทำตัวไม่ถูก

ชายหนุ่มเห็นท่าทางของนรมน จึงรีบเอ่ยกับหญิงสาวข้างกายว่า: “พจนา ให้พี่สาวพักผ่อนเถอะ อย่าไปรบกวนเลย”

“โอ้”

หญิงสาวยื่นมือให้นรมน

“พี่สาวสวัสดีค่ะ ฉันชื่อพจนา นี่แฟนของฉัน เขาชื่อขัยแสง”

นรมนกำลังจะพูดว่าตนเองชื่ออะไร เพียงแต่นึกถึงสถานะที่มีความละเอียดอ่อนของตนเองกับบุริศร์ในตอนนี้ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างห้ามไม่ได้: “ฉันชื่อชลลี่ นี่คือสามีของฉัน”

“พี่ชลลี่ พวกพี่พักผ่อนเถอะ ถึงแล้วฉันจะเรียกพวกพี่เอง”

“ได้”

นรมนจบบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม

สำหรับท่าทีโต้ตอบของนรมน บุริศร์ไม่พูดอะไรสักคำ

เขานั่งอยู่ข้างกายนรมนตลอด

มีบุริศร์อยู่ นรมนรู้สึกปลอดภัยไปโดยปริยาย

เธอเอนศีรษะพิงลงบนไหล่ของบุริศร์ กล่าวเสียงเบาว่า: “ ฉันของีบหน่อยนะ”

“อืม มีผมอยู่ด้วย นอนไปเถอะไม่ต้องกังวล”

มีประโยคนี้ของบุริศร์ นรมนสูดกลิ่นกายที่คุ้นเคยของบุริศร์และเข้าสู่ความฝัน

หลังจากสั่นสะเทือนสักพักหนึ่ง นรมนจึงตื่นขึ้น มองเห็นท้องฟ้ามืดสลัว เธอขยับตัวเล็กน้อย

“ตื่นแล้วเหรอ?”

บุริศร์รีบถาม

อืม ทำไมรถถึงหยุดลง ?พจนาพวกเขาล่ะ?”

“ไปเข้าห้องน้ำ”

บุริศร์ถอดเสื้อโค้ตของตนเองออก คลุมลงบนไหล่ของนรมน

“อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว เอาคลุมไว้ คุณอยากไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า?”

“ค่ะ”

นรมนดึงเสื้อคลุม ลุกขึ้นและลงจากรถ

ลมด้านนอกค่อนข้างเย็น

นรมนกระชับเสื้อโค้ตให้แน่นขึ้น จากนั้นเดินไปที่ห้องน้ำสาธารณะที่ในละแวกนั้น เพียงแต่เธอยังไม่ทันได้เข้าไป เสียงของขัยแสงจากด้านในก็ดังออกมา

“พจนา เธอจะบอกชื่อจริงของพวกเราให้พวกเขาฟังทำไม?”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?ฉันไม่จำเป็นต้องปกปิดชื่อจริงนามสกุลจริง ทำไมถึงต้องหลอกคนอื่นด้วย?”

พจนาพูดอย่างเปิดเผยสุด ๆ

ขัยแสงตอบอย่างจำใจ: “พวกเขาหลอกพวกเรา เธอยังจะซื่อสัตย์ไปทำไม?ฉันจะรอดูข้างหน้า หาข้ออ้างให้พวกเขาลงจากรถ”

“นายพูดอะไร ?พี่ชลลี่กำลังท้องอยู่นะ นายให้พวกเขาลงจากรถจะไม่ไร้คุณธรรมไปหน่อยเหรอ”

ขัยแสงถอนหายใจและกล่าวว่า: “หล่อนบอกว่าท้องเธอก็เชื่อเหรอ?ใครจะรู้ว่าหลอกพวกเราหรือเปล่า ฉันจะบอกเธอให้นะ ผู้หญิงคนนี้น่าจะชื่อว่านรมน ไม่ได้ชื่อชลลี่”

คิ้วของนรมนขมวดขึ้นมาทันที

คาดไม่ถึงว่าขัยแสงคนนี้จะรู้จักตนเอง?

เห็นได้ชัดว่าพจนาก็แปลกใจมาก

“นายรู้จักชื่อของเธอได้ยังไง?”

“ฉันพูดความจริงกับเธอนะ เมื่อวานฉันไปหาคุณอามา”

“คุณอาของนายคือรเมศใช่ไหม?”

คำพูดของพจนาทำให้นรมนเข้าใจขึ้นมา

รเมศกับ ขัยแสง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นอากับหลาน!

ห้าปีที่อยู่ในตระกูลวัชโรทัย นรมนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเครือข่ายวงค์ตระกูลของตระกูลวัชโรทัยใหญ่แค่ไหน รู้แค่เพียงรเมศคือลูกชายคนเล็กสุดของคุณนาย และยังมีพี่ชายสี่คนกับพี่สาวอีกสองคน เพียงแต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงคือ เรื่องนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับรเมศ

บางทีตั้งแต่ตอนแรกที่รเมศบอกกานต์ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับนภดล เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลวัชโรทัย

ตระกูลวัชโรทัยเล็งเป้าหมายมาที่เธอกับบุริศร์เพราะอะไร?

เพราะบุริศร์โจมตีตระกูลวัชโรทัย?

หรือเพราะเหตุผลอื่น?

เธอกับบุริศร์รู้จักรเมศดี เนื่องจากห้าปีก่อนรเมศสามารถลงมือกับกมลที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วจะสนใจความผูกพันพ่อลูกในห้าปีที่ผ่านมาได้อย่างไร มีความเมตตาต่อกานต์เหรอ?

หัวใจของนรมนเย็นชาขึ้นมาทันที

ในขณะนี้ ขัยแสงกล่าวเบา ๆ ว่า: “ฉันจะบอกเธอนะ แต่ก่อนนรมนคนนี้อยู่กับคุณอาของฉัน พวกเขาอยู่ด้วยกันห้าปี จนมีลูกด้วยกัน เพียงแต่คุณย่าของฉันไม่เห็นด้วยที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกัน จึงไม่มีงานแต่งงาน ต่อมานรมนคนนี้กลับประเทศ ไม่รู้ว่าไปพัวพันกับบุริศร์ในปัจจุบันได้อย่างไร และถีบส่งคุณอาของฉัน นี่ไม่ต้องพูดถึงว่า เธอร่วมมือกับบุริศร์ขัดขวางการเพิกถอนร้านที่จะล้มละลายของตระกูลวัชโรทัย ผู้หญิงคนนี้ถูกพวกเราตระกูลวัชโรทัยใส่เข้าบัญชีดำ คุณย่าส่งรูปภาพให้พวกเราหมดแล้ว ถึงแม้จะกลายเป็นขี้เถ้าฉันก็จำได้ เมื่อวานฉันไปบ้านของคุณอา คุณอากำลังสั่งให้คนขัดขวางไม่ให้พวกเขามาที่เมืองD ฉันคิดว่าคุณอายังมีเยื่อใยให้เธออยู่ ดังนั้นข้างหน้าหาที่จอดให้พวกเขาลง ฉันไม่ลงมือกับพวกเขาก็ถึงว่ามีมารยาทแล้ว”

นรมนรู้สึกว่าตนเองกำลังจะโมโหแทบบ้าแล้ว

ใครเป็นคนปล่อยข่าวลือนี้?

คิดไม่ถึงว่าจะพูดว่าเธอคือผู้หญิงใจง่าย!

เธออยู่กับรเมศเมื่อไหร่?

นี่ต้องเป็นคุณนายตระกูลวัชโรทัยที่ต้องการปกป้องชื่อเสียงตระกูลวัชโรทัยจึงได้พูดแบบนี้กับลูก ๆ

เพียงแต่นรมนก็ไม่ใช้อารมณ์ รู้ตัวตนของขัยแสง เธอกับบุริศร์ก็ควรจะเตรียมพร้อมเช่นกัน ถึงแม้เขาจะไม่ให้ตนเองลงจากรถ เธอก็จะลงจากรถอยู่ดี

หลังจากพจนาฟังขัยแสงพูดจบจึงกล่าวว่า: “มองไม่ออกเลยนะเนี่ย นรมนคนนี้มีฝีมือมากขนาดนี้ ทำไมพวกเขาต้องไปเมืองDด้วยเหรอ?เธอรู้เรื่องที่นายกับคุณอามาเมืองD ไหม?คิดจะโจมตีตระกูลวัชโรทัยของพวกนายหรือเปล่า?ทำไมพวกเราไม่ทำให้พวกเขาสลบแล้วส่งกลับไปที่เมืองชลธีล่ะ?พวกเขาน่าจะเป็นคนจากเมืองชลธี?”

“ไม่ต้องหรอกคุณอามีอำนาจในตระกูลวัชโรทัยของพวกเรามาก ฉันกลัวทำให้นรมนลำบาก คุณอาจะสร้างความเดือดร้อนให้ฉัน พวกเราทำเป็นไม่เจอพวกเขาก็พอ”

หลังจากขัยแสงพูดจบ นรมนถอยหลังกลับอย่างเงียบ ๆ

บุริศร์เห็นเธอกลับมา จึงรีบถามว่า : “ทำไมไปนานจัง?”

“พวกเราออกไปเถอะ นั่งในรถคันนี้คุยไม่ได้”

“เกิดอะไรขึ้น?”

บุริศร์ไม่สบายใจ

นรมนเล่าสิ่งที่เพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่ให้บุริศร์ฟังคร่าว ๆ

คิ้วของบุริศร์ขมวดขึ้นมา

“ตระกูลวัชโรทัยยังคงหน้าไม่อายจริง ๆ ”

“เอาล่ะ ไม่ต้องคิดเรื่องของพวกเขาแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากรู้คือ ในเมื่อรเมศให้กานต์บอกพวกเราว่าเกิดเรื่องขึ้นกับนภดล แล้วทำไมต้องส่งคนมาขัดขวางพวกเราไม่ให้พวกเราไปตระกูลจันทรวงศ์กลางคันด้วย?คุณไม่รู้สึกว่ามันขัดแย้งกันเหรอ?”

บุริศร์ได้ยินนรมนถามเช่นนี้ จึงรีบกล่าวว่า: “ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก แค่รู้เอาไว้ก็พอ ทิ้งเงินเอาไว้ให้พวกเขาสักหน่อย ทำเหมือนไม่รู้อะไร”

“อืม”

นรมนกับบุริศร์เก็บสิ่งของตนเอง วางค่ารถจำนวนหนึ่งไว้บนเบาะ และจากรถคันนี้ไป

เมื่อขัยแสงและพจนากลับมาไม่เห็นพวกเขา เห็นเพียงแค่ค่ารถวางอยู่บนเบาะ

“เห็นพวกเราเป็นคนขับรถแท็กซี่จริง ๆ เหรอเนี่ย?”

พจนามองเงินจำนวนนั้นอย่างเหยียดหยาม

“ช่างเถอะ พวกเขาไปก็ดีแล้ว พวกเราจะได้ไม่ต้องลำบาก ไปเถอะ เรื่องวันนี้ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ห้ามบอกคุณอาของฉันเด็ดขาด”

“เข้าใจแล้ว”

ทั้งสองคนทิ้งเรื่องนี้ไป และออกเดินทางต่อ

หลังจากนรมนกับบุริศร์ออกมา จึงหาร้านกาแฟนั่ง

บุริศร์สั่งน้ำอุ่นในนรมนแก้วหนึ่ง

นรมนถามเสียงเบาว่า: “คุณคิดว่าพจนาเป็นคนตระกูลจันทรวงศ์หรือเปล่า? คุณรู้จักตระกูลจันทรวงศ์มากแค่ไหน?”

“ไม่มาก ผมรู้แค่เพียงพ่อแม่ของฉัตรยาเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียง ส่วนภูมิหลังของตระกูลไม่ได้แตะ คุณคิดจะพูดอะไรเหรอ?”

บุริศร์ฟังออกว่านรมนมีความนัยที่แฝงอยู่

“เดิมทีฉันบังเอิญเจอรเมศที่ประตูบ้านตระกูลจันทรวงศ์ นอกจากนี้ตอนแรกรเมศช่วยฉันทำศัลยกรรม ทำไมถึงได้บังเอิญออกมาคล้ายคลึงกับฉัตรยาแบบนี้?แต่ก่อนไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้มักจะรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ว่ามีแผนการร้ายที่พวกเราไม่รู้อยู่ในนั้น ถ้าพจนาเป็นคนตระกูลจันทรวงศ์ ขัยแสงเป็นคนตระกูลวัชโรทัย พวกเขามีความสัมพันธ์เป็นคู่รักกัน หรือว่าเป็นคู่สมรสกัน?แต่ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยได้ยินวงศ์ตระกูลของตระกูลจันทรวงศ์มาก่อน อาจเพราะวงศ์ตระกูลอยู่ในเมืองD ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชัดเจนจึงพูดออกมาไม่ได้”

นรมนกล่าวเสียงเบา

บุริศร์รีบหยิบมือถือออกมาโทรหานาวิน

“ช่วยฉันตรวจสอบตระกูลจันทรวงศ์ ใช่ ตระกูลจันทรวงศ์นั้นของดร.ฐานทัต”

หลังจากวางสาย บุริศร์เห็นนรมนยังหน้านิ่วคิ้วขมวด จึงกล่าวอย่างอ่อนโยน: “เอาล่ะ เลิกคิดได้แล้ว จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวพวกเราก็จะได้รู้เอง ตอนนี้คุณไม่ควรกังวลมากเกินไป เรื่องเหล่านี้ส่งมาให้ผมเถอะ”

“อืม”

ทั้งสองรออยู่สักพักหนึ่ง นาวินก็โทรมา

“ประธานบุริศร์ เจอแล้วครับ”

“ว่ามา”

บุริศร์เปิดลำโพง เพื่อให้นรมนฟังได้ถนัด

นาวินกล่าวเสียงเบา: “ตระกูลจันทรวงศ์นับว่าเป็นวงศ์ตระกูลที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ตระกูลหนึ่ง ว่ากันว่าในช่วงปลายราชวงศ์ชิงยังคงเป็นวงศ์ตระกูลใหญ่ แต่แตกสลายในสมัยสาธารณรัฐจีน ต่อมามีคนหนึ่งในตระกูลจันทรวงศ์ รวบรวมคนของตระกูลจันทรวงศ์เข้าด้วยกัน แต่พวกเขาจัดการอย่างเงียบ ๆ สถานการณ์ทั่วไปในตระกูลจันทรวงศ์คือเด็กผู้หญิงกระจายอำนาจออกไป”

“กระจายอำนาจออกไปหมายความว่าอะไร?”

นรมนรีบถาม

นาวินนิ่งไปสักพัก เพียงแค่คิดว่าถ้าไม่มีการอนุญาตจากบุริศร์ นรมนคงไม่สามารถนั่งฟังอยู่ด้านข้างได้ จึงพูดต่อว่า: “กระจายอำนาจออกไปหมายความว่าไม่ต่างจากชะตากรรมของผู้หญิงในสมัยโบราณ หรือแต่งงานกับผู้มีตำแหน่งสูงในท้องที่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลจันทรวงศ์ถึงแม้จะดูเป็นวงศ์ตระกูลไม่ใหญ่ อำนาจไม่เยอะ แต่ในกรณีที่ใช้เส้นสายจริง ๆ พอจะพูดได้ว่าที่ไหนก็มี การเมือง การค้า การทหาร ต่างมีหมด”

บุริศร์กับนรมนสบตากัน แววตามีความจริงจังสุด ๆ

“เจออย่างอื่นอีกไหม?”

“มีครับ”

นาวินเงียบไปชั่วคราว จากนั้นจึงกล่าวว่า: “เรณุกาคุณนายตระกูลโตเล็กของพวกเรา ก็เป็นลูกสาวของตระกูลจันทรวงศ์ และผมยังตรวจสอบได้ว่า ภรรยาน้อยของพรรษา ธัญญากับน้องชายของเธอมินทร์ เป็นญาติพี่น้องห่าง ๆ ของตระกูลจันทรวงศ์ ไม่ค่อยมีความสำคัญนัก ส่วนสถานการณ์เฉพาะภายใน ผมตรวจสอบไม่เจอ พูดได้แค่เพียงตระกูลจันทรวงศ์มีเบื้องหลังที่ลึกซึ้งมาก”

นรมนประหลาดใจอีกครั้ง

คิดไม่ถึงว่าเรณุกากับธัญญาและมินทร์จะเป็นครอบครัวเดียวกัน!

อาศัยกฎเกณฑ์ของตระกูลจันทรวงศ์ ผู้หญิงของตระกูลพวกเขาจะถูกกระจายอำนาจออกไป หรือว่าธัญญาแต่งงานกับพรรษาก็คือแผนการอย่างหนึ่ง?

หรือว่าตระกูลจันทรวงศ์คิดจะกระทำการครั้งใหญ่อะไร?

นึกถึงสถานการณ์ตอนนี้ของเจตต์ นรมนรู้สึกกังวลไม่น้อย

บุริศร์รู้ดีว่านรมนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจับมือของนรมน กล่าวเสียงเบาว่า: “เดี๋ยวผมจะพูดกับเจตต์เอง”

“อืม”

นรมนพยักหน้า

นาวินเห็นพวกเขาไม่ได้สนใจว่ามีตนเองอยู่ด้วย จึงไอออกมาอย่างอดไม่ได้และกล่าวว่า: “ประธานบุริศร์ คุณนาย ทางฝั่งผมยังพบเรื่องสำคัญอีกอย่าง”

“ว่ามา”

บุริศร์รีบเร่ง เขาคิดไม่ถึงว่าตระกูลจันทรวงศ์ที่ไม่อยู่ในสายตา จะก่อให้เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้!หรือว่าการตายของมินทร์มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจันทรวงศ์?คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้คือคนของตระกูลจันทรวงศ์?

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท