ความลังเลในแววตาของนรมนไม่แน่ว่ารเมศจะเห็น
เขายิ้มแล้วพูด“บุริศร์เป็นคน ไม่ใช่เทพซักหน่อย เขาคิดไม่ถึงหรอกว่าพวกเราจะอยู่ในนี้ ผมว่าตอนนี้เขาคงควาญไปใต้พรมของโรงแรมอย่างบ้าคลั่งแล้วล่ะ รอให้เขาหาเสร็จก่อน พวกเราก็น่าจะไปแล้วล่ะ ดีจัง ไม่มีใครมาขวางเราได้อีกแล้ว ฟังผม มานั่งนี่ เรามานั่งคุยกัน จะได้ไปดีๆดีมั้ย”
นรมนรู้สึกอยากจะด่าพ่อล่อแม่ แต่ตอนนี้ต่อให้เธอโกรธแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์
เธอต้องคิดหาทางบอกบุริศร์เองใช่มั้ยว่าเธออยู่ที่นี่
นรมนตบประตูอย่างบ้าคลั่ง
รเมศเห็นเธอเป็นแบบนี้ อดรู้สึกปวดใจไม่ได้。
“ประตูนี้หนาสิบกว่าเมตร ต่อให้ทุบจนมือพัง ด้านนอกก็ไม่ได้ยินหรอก คุณเก็บแรงไว้เถอะ จะได้มีชีวิตต่ออีกหน่อย”
ได้ยินรเมศพูดแบบนี้ นรมนรู้สึกหมดหวังโดยสิ้นเชิง
หรือว่าจะต้องตายอยู่ที่นี่จริงๆ
พอคิดว่าตัวเองต้องกลายเป็นศพเย็นชืด ลูกๆต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่ เบบี๋ในท้องไม่มีแม้แต่โอกาสจะออกมาดูโลกก็ต้องจากไป นรมนก็รู้สึกปวดร้าวใจ
เธอรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณรเมศมาโดยตลอด แม้ว่ารเมศเคยทำเรื่องอะไรเกินเลยไปบ้าง หรือแม้กระทั่งเขาเคยจะลงมือกับเธอ นรมนก็ยังคงจดจำความดีของเขา เหลือพื้นที่ให้กับตระกูลวัชโรทัยของเขา แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจ
ความใจอ่อนในวันนั้นทำให้อับจนหนทาง นรมนไม่เข้าใจจริงๆ ใช่ว่าทุกคนพอเหลือพื้นที่ซึ่งกันและ
กัน แล้วจะมองหน้ากันติด
แต่ตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้ว
นรมนพิงบานประตู มองรเมศด้วยอาการหนาวสั่น รเมศช่างแปลกหน้า แปลกหน้าจนน่ากลัว
“นรมน ทำไมมองผมแบบนั้น”
“ฉันรู้สึกเสียใจ เสียใจที่เหลือพื้นที่ให้คุณในตอนแรก รเมศ ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติหน้า คุณจะไม่มีทางได้คู่กับฉัน รู้มั้ยทำไมฉันถึงรักบุริศร์ เพราะเขาไม่เคยสนใจตัวเอง ขอแค่ฉันอยู่ดี เขายอมลำบาก ต่อให้ต้องปล่อยมือ แต่คุณทำไม่ได้ไง!คุณบอกว่ารักฉัน แต่จริงๆก็คือคุณไม่สมใจ คุณไม่อยากแพ้ให้บุริศร์ คุณรู้สึกว่าตัวเองเลอเลิศ ไม่ได้ด้อยไปกว่าบุริศร์ ที่จริงคุณไม่มีอะไรที่เทียบเขาได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์หรือคุณธรรม รเมศ ฉันดูถูกคุณ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนก็ดูถูก ถ้ามีชาติหน้า ขอให้เราเดินคนละเส้นทาง ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันอีก”
คำพูดนรมนทำให้รเมศตื่นตัวขึ้น
“นรมน ผมไม่อนุญาต!ผมไม่ยอมให้เราเดินคนละเส้นทาง !ผมไม่สนว่าคุณจะมองผมยังไง ขอแค่ได้อยู่ด้วยกัน ตอนเป็นไม่อาจเคียงคู่ ตอนตายอยู่หลุมเดียวกันก็ยังดี”
“วางใจเถอะ ต่อให้พวกเราตาย ฉันก็ไม่ร่วมหลุมกับคุณ”
นรมนพูดจบจึงหุบปาก
เธอนั่งพิงประตู รู้สึกว่าความเหน็บหนาวถาโถมเข้ามาทิ่มแทงกระดูกจากทั่วทุกสารทิศ
นรมนลูบท้องตัวเอง ในใจแอบคิด“ลูกจ๋า ขอโทษนะลูก หม่ามี้ปกป้องลูกไม่ได้ แต่ว่ามีหม่ามี๊เดินทางไปกับลูกก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งใช่ไหม ขอแค่แดดดี๊ พี่ชาย พี่สาวของลูกเข้มแข็ง จะไม่เปลี่ยนไปเพียงเพราะพวกเราจากไป”
แววตาของเธอเป็นประกายเมตตาจากมารดา
ตอนนี้จะบอกรเมศไม่ได้ว่ามีเด็กอยู่ในท้อง ไม่งั้นทำให้รเมศยิ่งตื่นตัว เธอขอจากโลกนี้ไปกับลูกอย่างสงบดีกว่า
แค่เธอไม่สามารถอยู่กับบุริศร์ไปจนแก่เฒ่าแล้วแค่นี้เอง
ผู้ชายคลั่งรักคนนี้ไม่รู้ว่าจะรับเรื่องบาดใจได้หรือเปล่านะ
นรมนปวดใจเหลือเกิน แต่ก็อ่อนใจ
ขอโทษนะ ฉันประมาทเอง ฉันปกป้องดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องทำให้คุณเสียใจแล้ว ต่อไปคงไม่แล้วล่ะ ไม่อีกต่อไปแล้ว ถ้าตายไปแล้วสวรรค์มีจริง ฉันขอได้อยู่บนสวรรค์คอยคุ้มครองคุณกับลูกตลอดไป
นรมนพูดเงียบๆในใจ จากนั้นหลับตาลง
รเมศเห็นว่าตอนนี้นรมนดูศักดิ์สิทธิ์จะเข้าไปรุกล้ำไม่ได้ จึงรู้สึกงุ่นง่าน เขาอยากเข้าใกล้นรมนอีกนิด นรมนลืมตาขึ้น แววตาเยียบเย็นที่จ้องมองมาเย็นวาบกว่าน้ำแข็งในห้องน้ำแข็ง
เขาจึงได้แต่นั่งตรงข้ามนรมน มองเธออย่างเหม่อลอย มองผู้หญิงที่เขาหลงรักมาห้าปี มองดูผู้หญิงที่เขาค่อยๆผลักไสให้ออกห่างเองจากมือ
บุริศร์หาเบาะแสของนรมนอย่างคลุ้ทคลั่งด้านนอก คลุ้มคลั่งจนแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
ตอนที่นภดลกลับมา บุริศร์ถามอย่างเย็นชา“หวังว่าคงจะมาให้เบาะแสนะ”
“มีเบาะแสจริงๆ”
คำพูดของนภดลทำให้บุริศร์มีความหวัง
“เบาะแสอะไร”
บุริศร์ดูสดชื่นขึ้น
นภดลเปิดคลิปให้บุริศร์ดู พูดเสียงค่อย“มีคนเห็นรเมศไปสืบถามราคาค่าเช่าห้องเย็น”
“ห้องเย็นเหรอ”
บุริศร์นิ่งอึ้ง สีหน้าซีดหมองขึ้นทันที
“ไปสืบมา เขาเช่าห้องเย็นที่ไหน”
นภดลรีบพูด“รเมศไม่ใช่คนโง่ ถ้าเป็นแบบที่พวกเราคิด เขาคงไม่ใช้ชื่อตัวเองเช่าห้องเย็น อีกอย่างห้องเย็นทั้งเมืองมีเป็นร้อย ถ้าพวกเราสืบหาทีละอัน เกรงว่านายหญิง คงเป็นศพไปแล้ว”
“แกมีวิธีอะไร”
บุริศร์สับสนยุ่งเหยิงไปหมด
‘ถ้าบอกว่าอยู่ในโรงแรม เขาคงควบคุมสติได้ดีกว่านี้ แต่นี่ห้องเย็น บุริศร์จะสงบลงได้อย่างไร
ตอนนี้นรมนหายตัวไปสองชั่วโมงกว่าแล้ว ถ้าอยู่ในห้องเย็น บุริศร์ไม่อยากจะคิด
ชัยยศแค่คิดก็เข่าอ่อน
ถ้านรมนเป็นอะไรไป ไม่ต้องบุริศร์บอกหรอก เขาจะไปเป็นศพเป็นเพื่อนเอง ใครให้มาท้องเสียเวลา ทำงาน
ที่จริงนภดลก็ร้อนใจ แต่ตอนนี้คนที่ใจเย็นที่สุด ก็คงเป็นเขานี่แหละ
เขานิ่งคิดพูดขึ้น“เราไปตรวจสอบได้ วันนี้ใครที่ลางานกะทันหัน ฉันคิดว่า คนอย่างรเมศ คงจะวานให้คนในห้องเย็นทำงาน เขาไม่ออกหน้าเองหรอก ใช้เงินแก้ปัญหาก็พอ ไม่น่าจะเป็นอะไร”
บุริศร์ฟัง คิดว่ามีเหตุผล
“รีบให้คนไปตรวจสอบ”
“ตรวจสอบแล้ว คนที่ชื่อดวินลางานวันนี้ เห็นว่าเขาไปบ่อนพนัน ออกมือมากเกิน ฉันให้คนพาตัวมาแล้ว ห้องเย็นเขาอยู่ที่ไหน ฉันส่งคนไปแล้ว”
เห็นนภดลจัดการเรื่องได้ดี บุริศร์จึงชื่นชมอย่างมาก
“หาคนก่อน พาดวินมา ฉันตรวจสอบเอง”
“ได้”
นภดลเตรียมรถให้บุริศร์ พาดวินมาด้วย
ดวินยังไม่ได้สติคืนจากการเป็นคนรวยเมื่อคืน ก็โดนจับแล้ว แถมยังโดนยัดเข้ารถอีก ตอนนี้พอเห็นบุริศร์ ก็รู้สึกหวาดเกรงขึ้นมา
“คุณเป็นใคร จับผมทำไม ผมจะบอกให้ ตอนนี้สังคมมีกฏหมาย คุณจะมาทำตามอำเภอใจไม่ได้!”
สารรูปของดวินทำให้คนสะอิดสะเอียน คนแบบนี้ก็คงทำเรื่องชั่วๆพรรคนี้ได้
บุริศร์กระชากตัวเขามา พูดอย่างดุเดือด“รเมศอยู่ไหน เขาพาผู้หญิงเข้าไปในห้องเย็นใช่ไหม”
ดวินหน้าถอดสี
“ไม่เข้าใจว่าพูดอะไร”
“ไม่เข้าใจใช่ไหม”
บุริศร์กระชากคอดวิน แล้วผลักกระเด็นลงรถไปครึ่งตัวตอนที่รถวิ่ง
“ถ้าไม่บอก จะผลักลงรถจริงๆ”
ดวินเคยเจอเรื่องแบบนี้ที่ไหน ตกใจจนเข่าอ่อน กางเกงเปียกไปหมด
“อย่าๆๆๆ ผมพูดๆ เขาเข้าไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วบอกให้ผมล๊อคพวกเขาไว้ด้านใน แล้วให้เงินผมมาก้อนหนึ่ง เขาบอกพวกเขาเป็นแฟนกัน จะเข้าไปทำอะไรกันหน่อย ผมไม่ได้โกหกนะ”
บุริศร์ขมุ่นคิ้วเข้าด้วยกัน
รเมศไอ้ฉิบหาย!
จะแช่นรมนให้ตายงั้นหรือ!
บางทีอาจจะเพราะรังสีพิฆาตของบุริศร์หนักเกินไป ดวินจึงเป็นลมล้มพับไป
บุริศร์โยนเขาไปให้นภดลที่อยู่ด้านข้าง พูดเสียงเย็น“จอดรถข้างๆ ฉันขับเอง ส่งโลเกชั่นมา”
นภดลเข้าใจความรู้สึกของบุริศร์ในตอนนี้ จึงหยุดรถอยู่ด้านข้าง แล้วส่งโลเกชั่นให้บุริศร์
หลังจากแลกเปลี่ยนที่นั่งกันแล้ว ก็ขับพุ่งออกไปไวปานจรวด
ดวินกว่าจะฟื้น ก็ตกใจจนเป็นลมไปอีก ส่วนนภดลก็รู้สึกคลื่นไส้อย่างแรง พร้อมจะอาเจียนทุกเมื่อ
บุริศร์ฝ่าไฟแดงไปหลายไฟแดง จนรถข้างหลังกระหน่ำบีบแตรไล่ เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ในหัวมีแต่ภาพนรมนโดนแช่แข็ง
เป็นความผิดของเขาทั้งหมด เขาดูแลนรมนไม่ดีเอง ถึงทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา เพราะเขา
บุริศร์เหยียบคันเร่งไปที่ห้องเย็น
คนดูแลห้องเย็นอยากจะขวางเอาไว้ แต่เห็นท่าที่ไม่คิดชีวิตของบุริศร์ เพื่อชีวิตน้อยๆ เขาหลบดีกว่า
บุริศร์ขับรถไปอยู่หน้าห้องเย็น จากนั้นจึงกระชากดวินลงมา แล้วลากไปที่หน้าประตูห้องเย็นราวกับ ลากหมาตายตัวหนึ่ง
“เปิดประตู !”
ดวินอยากจะแกล้งตายต่อไป จึงโดนบุริศร์เตะเข้าที่ท้อง
“ถ้าไม่อยากตายจริงให้รีบลุกขึ้นมาเปิดประตู ไม่งั้นจะทำให้ตายทั้งเป็น”
ดวินรู้ว่าวันนี้ได้ล่วงเกินบุคคลสำคัญไป จึงรีบคลานขึ้นมา ไม่กล้าแม้แต่พูดว่าเจ็บ รีบกุลีกุจอไปเปิด ประตูห้องเย็น
จู่ๆไอเย็นที่ถ่ายทอดออกมาทำให้คนถอยผงะไม่ได้ ส่วนบุริศร์เองไม่ได้ก้าวถอย แต่สีหน้ายิ่งเย็นเยียบ
อุณหภูมิเย็นเฉียบขนาดนี้ ระยะเวลานานขนาดนี้ นรมนยังอยู่ดีมั้ย
ใจเขารู้สึกแปล๊บๆ
บุริศร์รีบวิ่งเข้าไป เห็นนรมนนอนขดตัวอยู่มุมหนึ่งของห้องเย็น บนตัวมีสะเก็ดน้ำแข็งเกาะเต็มไปหมดดูเหมือนเธอจะหลับไป แล้วก็เหมือน……
สองมือของบุริศร์ค่อนข้างสั่น
ไม่!
ไม่นะ
นรมนจะต้องไม่เป็นอะไร
บุริศร์ก้าวเดินเข้าไปทีละก้าวอย่างระมัดระวัง ในตอนที่เธออุ้มช้อนตัวนรมนขึ้น ความหนาวเยียบเย็นที่ถ่ายทอดออกมา ทำให้บุริศร์แทบอยากจะฆ่าคน