แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 838

ตอนที่ 838

“คุณท่านตระกูลพรโสภณ คุณทำแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่มั้งคะ?”

สีหน้าของนรมนเริ่มขุ่นมัว

คุณท่านตระกูลพรโสภณมองมาที่เธอ จากนั้นก็หัวเราะ “ทำไมล่ะ? ไม่เรียกคุณตาแล้วเหรอ?”

“ฉันยังไม่รู้ว่าคุณใช่คุณตาของฉันจริงๆหรือเปล่า เอาแบบนี้แล้วกัน ตอนนี้แม่ฉันไม่อยู่ แต่ว่าคุณน้าเทย่าอยู่ ให้ฉันเรียกเธอมายืนยันสถานะของคุณดูเป็นไง?”

ในตอนที่นรมนพูดถึงเทย่า รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณท่านตระกูลพรโสภณก็พลันหายไป เปลี่ยนมาเป็นสีหน้าโกรธๆ

“อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้น เธอไม่ใช่คนของตระกูลพรโสภณ”

“คุณท่านตระกูลพรโสภณ จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะคะ เธอคือน้องสาวแท้ๆของแม่ ในเมื่อคุณบอกว่าคุณเป็นพ่อของแม่ฉัน แล้วทำไมคุณจะไม่ใช่พ่อของเธอล่ะ?”

นรมนย้อนถาม

สีหน้าของคุณท่านตระกูลพรโสภณยิ่งบูดบึ้งมากกว่าเดิม

“หึ!มีแม่คนเดียวกันกับแม่แก แล้วจำเป็นต้องมีพ่อคนเดียวกันด้วยเหรอ? แกไม่คิดดูล่ะ ถ้าเธอเป็นคนของตระกูลพรโสภณ ฉันจะปล่อยให้เธอระหกระเหินอยู่ข้างนอกทำไม?”

“หมายความว่ายังไงคะ?”

เวลานี้นรมนเริ่มงุนงง

แม่คนเดียวกัน แต่ไม่ใช่พ่อคนเดียวกัน นี่หมายถึงอะไร? หรือว่าความหมายของคุณท่านตระกูลพรโสภณก็คือคุณยายมีชู้งั้นเหรอ? เทย่าไม่ใช่ลูกของคุณท่านตระกูลพรโสภณ?

ดูเหมือนคำตอบจะมีแค่แบบนี้ถึงจะเข้าท่า แต่ไม่ว่ายังไงนรมนก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี

ในยุคนั้น จะมีผู้หญิงกล้าคบชู้ได้ยังไง? อีกอย่างคนลักษณะอย่างคุณท่านตระกูลพรโสภณ ก็ไม่เหมือนคนที่จะยอมให้คนรักมีชู้ง่ายๆ ในเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แล้วเก็บสองแม่ลูกเอาไว้ทำไมตั้งหลายปี?

แน่นอนว่านรมนไม่ได้เอ่ยถามข้อสงสัยเหล่านี้ออกไป เธอเพียงแค่สงสัยข้างในใจเท่านั้น

คุณท่านตระกูลพรโสภณไม่กลัวว่านรมนจะหัวเราะเยาะเมื่อได้ฟัง จึงเริ่มเล่าทุกอย่างออกมาอย่างโมโหว่า “ตอนนั้นฉันออกไปปฏิบัติภารกิจเป็นเวลาสามปี หลังจากกลับมาก็พบว่าเธอตั้งครรภ์ ไหนแกลองบอกมาซิ ฉันไม่อยู่บ้าน แล้วเธอท้องกับใคร? ไม่ว่าฉันพยายามถามเท่าไหร่ เธอก็ไม่ยอมบอก แถมไม่ปฏิเสธด้วยว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของฉัน ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะฉันห่วงชื่อเสียงของฉัน ฉันไม่มีทางเก็บสองแม่ลูกนั้นไว้หรอก ต่อมาเธอก็เป็นฝ่ายขอหย่าก่อน เงื่อนไขในการหย่ามีแค่อย่างเดียวคือเธอขอแค่เด็กคนนั้น เธอไม่ต้องการทุกอย่างในตระกูลพรโสภณ แม้กระทั่งลูกของเธอกับฉัน ผู้หญิงแบบนี้ยังต้องพูดอะไรดีๆด้วยอีก ลูกคนนั้นของเธอก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีตรงไหน ฉัน ตนุวรคนนี้ไม่จำเป็นต้องลงทุนโกหกแกหรอกนะ”

นรมนรู้สึกว่าพูดอะไรออกไปตอนนี้ก็คงไม่ดีเท่าไหร่ จึงเลือกที่จะเงียบ

เมื่อเห็นนรมนเงียบ คุณท่านตระกูลพรโสภณก็เอ่ยถามเสียงเย็นว่า “ทำไมไม่พูดล่ะ? ไม่ถามแล้วเหรอ? หรือว่ายอมทำตามที่ฉันบอกแล้ว?”

“คุณกับเรณุการเป็นอะไรกัน? ทำไมต้องอยากช่วยเธอด้วย? ถ้าคุณติดตามฉันมาตลอด คุณก็น่าจะรู้ว่า ระหว่างฉันกับเธอบาดหมางกันมาตั้งเท่าไหร่ อีกอย่างคุณไม่รู้จริงๆเหรอว่าเธอชักนำให้ตระกูลจันทรวงศ์ทำอะไร? ในเมื่อคุณอาศัยอยู่ที่นี่ ก็ต้องเคยเป็นวีรบุรุษที่อุทิศตัวเพื่อที่นี่ ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมคุณยังจะทำแบบนี้อยู่อีก?”

“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกแกว่าทำไปเพื่ออะไร และแกก็ไม่จำเป็นต้องรู้ แกแค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอแล้ว”

คุณท่านตระกูลพรโสภณไม่คิดจะพูดอะไรกับนรมนให้มากความ

นรมนกลับส่ายหัวแล้วพูดว่า “คุณรู้จักบุริศร์ แล้วทำไมไม่ไปเจอเขาเองล่ะคะ?”

“นิสัยของไอ้หมอนั่นแข็งกระด้างอย่างกับหินใครไปคุยด้วยก็ไม่สะทกสะท้านหรอก แต่แกคือข้อยกเว้น หมอนั่นทั้งรักทั้งหลงแกเข้ากระดูกขนาดนั้น แกคงยังไม่รู้ล่ะสิ? บุริศร์น่ะโอนทรัพย์สินที่มีทั้งหมดเป็นชื่อแกหมดแล้ว ตอนนี้แกคือคนที่รวยที่สุดในโลกรู้ตัวไหม? ตอนนี้เขาก็กำลังทำงานให้แก”

“ว่าไงนะ?”

นรมนอึ้งกิมกี่

ไม่ใช่ว่าให้เธอแค่ส่วนหนึ่งเหรอ? จะเป็นทุกส่วนเลยได้ยังไง?

เมื่อคุณท่านตระกูลพรโสภณเห็นท่าทางของนรมน ก็พูดกลั้วยิ้ม “หมอนี้ก็คลั่งรักเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องความสัมพันธ์ของวงศ์ตระกูล ไม่แน่ป่านนี้เขาคงไปได้ดีกว่านี้ แต่ก็ช่างเถอะ ชีวิตใครชีวิตมัน เอาเป็นว่าแกจะตอบตกลงไหม?”

“ฉันไม่สามารถตกลงได้ค่ะ!”

ความแน่วแน่ของนรมนทำให้ใบหน้าที่กำลังยิ้มอยู่ของคุณท่านตระกูลพรโสภณพลันนิ่งค้าง

“แกว่าไงนะ? เผื่อฉันฟังไม่ชัด!”

“ฉันบอกว่าฉันไม่สามารถตกลงได้ เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือเป็นใคร บุริศร์ก็ไม่ยอมทำตามหรอกค่ะ อีกอย่างเรณุกาก็สมควรได้รับโทษ คุณเองก็น่าจะรู้ดี ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งๆที่คุณรู้ว่าเธอไม่สมควรได้รับการเว้นโทษ แล้วทำไมถึงอยากให้ปล่อยเธอออกมาทำร้ายคนอื่นอีกล่ะคะ? อีกอย่างฉันหาเหตุผลในการพูดโน้มน้าวบุริศร์ให้ปล่อยตัวเรณุกาไม่เจอเลยแม้แต่ข้อเดียว คดีที่ติดตัวเธอมีเยอะมากเกินไป ไม่ใช่ว่าคำพูดแค่คำเดียวไม่สืบสวนอะไรเลยก็ทำได้แล้ว เพราะฉะนั้นคุณท่านตระกูลพรโสภณ เรื่องนี้ฉันไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆค่ะ”

นรมนพูดจบก็ลุกขึ้นเตรียมตัวเดินออกไป ทว่ากลับได้ยินเสียง คุณท่านตระกูลพรโสภณปาแก้วน้ำชาลงบนพื้น

น้ำชากระเด็นไปทั่วพื้น นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่มันนิสัยคนแก่ขี้โวยวายชัดๆ!

แต่เธอก็ไม่คิดจะยอมแต่อย่างใด หลังจากหยุดนิ่งสักพักเธอก็ก้าวขาเดินต่อ แต่กลับได้ยินเสียงพูดเย็นๆของคุณท่านตระกูลพรโสภณดังขึ้นมาว่า “ถ้าแกไม่ยอมตกลง แล้วก้าวขาออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ฉันรับรองว่าชาตินี้แกไม่มีทางได้เจอแม่แกอีกแน่!”

“คุณพูดอะไร?”

นรมนหยุดเดินในทันที เธอหันกลับไปมองคนสูงอายุอย่างไม่อยากจะเชื่อ

คุณท่านตระกูลพรโสภณไม่ได้มีท่าทีล้อเล่นเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขาเปิดวิดีโอหนึ่งขึ้นมาแล้วโยนไปให้นรมน

ในวิดีโอ คิมกำลังถูกขังอยู่ในห้อง รอบข้างมีแต่คนเฝ้าเอาไว้ ต่อให้เธอพยายามออกไปแค่ไหนก็ออกไปไม่ได้

บริเวณข้างนอกห้อง นรมนเห็นรูปร่างที่คุ้นเคยของใครบางคน

มิลิน!

มิลินไปอยู่ที่นั่นกับคิมได้ยังไง?

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมดูคุ้นๆ แต่ทว่าในตอนนี้คิดยังไงก็คิดไม่ออก

คุณท่านตระกูลพรโสภณเห็นท่าทางของเธอ ก็พูดอย่างเย็นชาว่า “คิดไม่ออกล่ะสิว่าคือที่ไหน? ยังจำเรื่องที่แกเห็นมิลินในหมู่บ้านเล็กๆที่ยูนนาน แล้วแกก็วิ่งตามเธออยู่นานแต่สุดท้ายก็ตามไม่ทันได้ไหม?”

ทันใดนั้นนรมนก็นึกขึ้นมาได้

คุณท่านตระกูลพรโสภณพูดต่อว่า “วันนั้นมิลินออกไปซื้ออาหารให้แม่แก จนบังเอิญไปเจอแกพอดี เลยกลัวว่าจะหลุดเบาะแสอะไรออกไป ถึงได้วิ่งหนีแก แต่ไม่คิดเลยว่าแกจะตามมาติดๆ ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนช่วยเอาไว้ ป่านนี้เธอคงโดนแกตามทันแล้ว ตอนนี้พอจะนึกออกบ้างหรือยัง?”

ชั่วขณะหนึ่งนรมนก็ไม่สามารถบรรยายความอึดอัดในใจออกมาได้

ที่แท้เธอก็เคยอยู่ใกล้กับแม่แค่นี้ อยู่ใกล้กับคิมแค่นี้เอง!

ถ้าตอนนั้นเธออดทนอีกสักนิด ถ้าเธอพยายามค้นหาอีกสักหน่อย เธอก็คงช่วยแม่ออกมาได้แล้วใช่ไหม?

แต่ว่าตอนนี้จะทำอะไรได้?

แม่ของเธออยู่ไกลตั้งยูนนาน เธอไม่สามารถช่วยได้!

ดวงตาของนรมนพลันรื้นไปด้วยน้ำตา

“ทำไมล่ะ? เธอเป็นลูกของคุณนะ!เป็นลูกแท้ๆ!ทำไมถึงทำกับลูกตัวเองถึงขนาดนี้เพียงเพราะเรณุกาคนเดียว?”

“นั่นก็เพราะว่าเธอดื้อรั้นเหมือนแกไม่ใช่หรือไง? ถ้าเธอเชื่อฟังฉัน ยอมทำตามที่ฉันบอกตั้งแต่แรก คงไม่เป็นเหมือนอย่างตอนนี้หรอก ตอนแรกฉันไม่เห็นด้วยเรื่องที่เธอชอบพอกับคนตระกูลทวีทรัพย์ธาดา แต่เธอก็ดื้อดึงจะทำตามใจตัวเองให้ได้ สุดท้ายตัวเองก็เจ็บสาหัส จนต้องไปรักษาตัวที่ต่างประเทศคนเดียวตั้งหลายปี ฉันก็นึกว่าเธอจะคิดได้ แต่พอกลับมาที่เมืองชลธีก็ไม่เคยมาหาฉันเลยสักครั้ง ขนาดตอนจะไปก็ไม่โทรมาบอกฉันเลยสักสายเดียว แถมยังไม่ยอมบอกแกด้วยว่าฉันมีตัวตน นี่เหรอคือสิ่งที่ลูกควรทำ?”

คุณท่านตระกูลพรโสภณเองก็โกรธ ยิ่งพูดถึงคิมก็ยิ่งโกรธ

นรมนมองมาที่เขาอย่างถากถาง แล้วพูดว่า “ถ้าคุณทำหน้าที่ได้สมฐานะพ่อ ทำไมแม่ของฉันจะไม่ยอมกลับเข้าบ้านล่ะ? ทำไมจะไม่ยอมบอกว่าคุณยังมีชีวิตอยู่? แม่ของฉันเป็นคนรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก เป็นผู้หญิงที่มองทุกอย่างในทุกๆมุม เธอไม่ยอมเชื่อฟังคุณทุกเรื่องเพียงเพราะคุณเป็นพ่อของเธอ ฉันเองก็เหมือนกัน ดังนั้นคุณเลยคิดจะกักขังฉัน เหมือนที่ทำกับแม่งั้นสิ?”

“ถ้าแกไม่เชื่อฟัง ฉันก็คงต้องทำอย่างนั้น”

คุณท่านตระกูลพรโสภณไม่ปิดซ่อนเจตนาของตัวเองเลยสักนิด

นรมนรู้สึกว่าคิมช่างน่าอดสู

เสียมารดาไปตั้งแต่ยังเด็ก พ่อคนเดียวในชีวิตนี้ก็อวดดีและหัวแข็ง แถมยังไม่มีเหตุผล เธอใช้ชีวิตผ่านมาได้ยังไงตั้งหลายปี?

นรมนคิดถึงคิมมากกว่าเดิม

“ได้ ถ้าคุณท่านจะขังฉัน ก็เอาฉันไปขังไว้กับแม่สิ”

คำพูดของนรมนทำให้คุณท่านตระกูลพรโสภณกรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก

“แกยอมให้ฉันจับขังดีกว่ายอมตอบตกลงใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ!”

“ได้ ฉันจะทำให้แกสมหวังเอง!แต่แกคิดเหรอว่าถ้าขังแกแล้ว ฉันจะทำอะไรไม่ได้? ตอนนี้แกท้องลูกของบุริศร์อยู่ ถึงแกไม่ยอมขอร้อง แต่ตราบใดที่แกอยู่ในกำมือฉัน ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าไอ้หมอนั่นจะไม่ยอมทำตามเงื่อนไขของฉัน!”

เมื่อได้ยินที่คุณท่านตระกูลพรโสภณพูดมาแบบนี้ นรมนก็เข้าใจในทันที

“คุณคิดจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือข่มขู่เขาเหรอ?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ถ้าแกยอมตกลง แกจะยังเป็นหลานที่ดีของฉัน ทุกเรื่องเราสามารถคุยกันดีๆได้ แต่ถ้าไม่ ฉันก็คงทำได้แค่บีบบังคับให้บุริศร์ตกลง เพราะไม่ว่ายังไง เรณุกาก็ต้องได้ออกมา!”

คำพูดของคุณท่านตระกูลพรโสภณทำให้นรมนต้องส่ายหัวอย่างขมขื่น

“ทำไมคนที่คอยทำร้ายและบีบบังคับฉันต้องเป็นญาติของฉันทุกทีเลยล่ะ? พวกคุณคิดว่าแค่มีสายเลือดเดียวกัน ฉันก็ต้องยอมจำนน ต้องยอมฟังพวกคุณอย่างนั้นใช่ไหม? หรือพวกคุณคิดว่าแค่มีสายเลือดเดียวกันแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ? พวกคุณเอาแต่หลอกใช้ความดีของฉัน หลอกใช้ความใจอ่อนของฉันบีบบังคับให้ฉันทำเรื่องที่ไม่อยากจะทำ ปากก็บอกว่าฉันเป็นคนในครอบครัว แต่ทุกเรื่องที่ทำล้วนแล้วแต่ทำร้ายฉันทั้งนั้น พวกคุณยังมีหน้ามาขอให้ฉันช่วยอีกเหรอ?”

คุณท่านตระกูลพรโสภณหน้าม้านับคำพูดของนรมน

“ฉันเพิ่งขอเจอแกครั้งแรก!”

“ใช่ค่ะ เพิ่งครั้งแรก แต่ก็บังคับฉันถึงขนาดนี้ ขนาดที่ว่าคิดจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือบังคับให้บุริศร์ไปทำเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร คุณท่านคิดว่ามันเหมาะสมไหมล่ะคะ?

“ ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเหมาะหรือไม่เหมาะ ขอแค่เรณุกาได้ออกมาก็พอ ใช่สิ ฉันลืมบอกแก อย่างหนึ่ง ฉันให้คนไปประกันตัวธัญญากับชณะพลออกมาแล้ว แต่น่าเสียดายที่ลูกชายของพวกเขาโง่เง่า บังอาจตามสืบเรื่องของฉัน ฉันก็เลยจำเป็นต้องให้หมอนั่นไปนอนโรงพยาบาลสักคืนสองคืน แต่แกไม่ต้องห่วงหรอกนะ เขาไม่ตายหรอก เพราะถ้าเขายังอยู่ ธัญญาก็จะยอมเชื่อฟัง ถ้าแกยังไม่ยอมตอบตกลงอีก เพื่อนรักของแกจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่รู้ด้วยนะ”

นรมนโกรธในที่สุด

เธอเดินพรวดพราดเข้าไป ใช้สายตากรุ่นโกรธจดจ้องคุณท่านตระกูลพรโสภณ แล้วพูดเน้นออกมาทีละคำว่า “คุณทำฉันได้ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณกล้าทำร้ายคมทิพย์แม้แต่นิดเดียว ฉันไม่จบกับคุณแน่”

คุณท่านตระกูลพรโสภณพูดจบ ก็บีบข้อมือของนรมนเอาไว้ทันที

นรมนรู้สึกชาไปทั้งแขน ออกแรงไม่ได้เลยสักนิด

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท