แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 879

ตอนที่ 879

สำหรับเด็กวัยรุ่นที่จู่ ๆ ก็โผล่มาอย่างกวนประสาท นรมนรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก ในขณะที่เธอคิดจะทำอะไร ก็มองเห็นกานต์ลุกขึ้น มองวัยรุ่นตรงหน้าและถามอย่างไม่แยแส : “นายเป็นเจ้าถิ่นของที่นี่เหรอ?”

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่ก็รู้เรื่องไม่ใช่เล่น ในเมื่อรู้แล้วยังจะมาที่นี่ทำลายสนามของฉันอีก?นายรู้เอาไว้นะ ก่อนที่นายจะมา ฉันคือลูกพี่ของที่นี่”

เด็กวัยรุ่นพูดอย่างอวดดี

กานต์สวมเสื้อแจ็คเก็ตที่ถอดออกเพราะอากาศร้อนทันที จากนั้นหันไปพูดกับนรมนด้วยรอยยิ้มว่า: “หม่ามี้ พวกเราไปกันเถอะ”

“อืม จ้ะ”

นรมนคิดว่ากานต์จะหาเรื่อง คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่สนใจเด็กวัยรุ่นตรงหน้า

การกระทำเช่นนี้กระตุ้นเด็กวัยรุ่นอย่างเห็นได้ชัดเจน

“กลับเหรอ?ไม่ตอบรับการแข่งขันกับฉันก็ออกไปจากร้านเกมนี้ไม่ได้ ไม่เชื่อนายลองดูสิ”

เด็กวัยรุ่นไม่ยอมเลิกรา

คิ้วของกานต์ขมวดเข้าหากันแน่น

“หลีกไป!”

เขาตวาดอย่างเย็นชา

เด็กวัยรุ่นถูกเด็กน้อยเช่นนี้ทำให้เสียหน้า แน่นอนว่าไม่อาจยอมแพ้ได้

“โห นิสัยใจคอไม่เด็กเลยนะ นายเชื่อหรือไม่ว่าฉันจะ……”

ฝ่ามือของเขาเพิ่งจะยกขึ้นมา กานต์ยกเท้าขึ้นทันที เตะไปที่หัวเข่าของเขา เสียง “ โครม” ดังขึ้น เด็กวัยรุ่นคุกเข่าลงไปให้กานต์และคนอื่น ๆ ทันที

“ทำไมนายถึงคิดว่าทุกคนคู่ควรที่จะแข่งกับฉัน? สำนึกผิดก็ดีแล้ว ไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนี้หรอก ฉันกลัวอายุสั้น”

“แกรนหาที่ตายซะแล้ว!”

เด็กวัยรุ่นเคยถูกคนปฏิบัติแบบนี้ซะที่ไหน เขาโมโหจนยกเก้าอี้ด้านข้างทุ่มใส่กานต์โดยตรง

นรมนรีบถอยหลังออกมาสองก้าว ให้พื้นที่ว่างแก่กานต์ ส่วนตนเองไม่คิดจะลงมือ

นักเลงแบบนี้ กานต์สามารถจัดการได้อย่างสบาย ๆ เพียงแต่สายตาของผู้คนรอบ ๆ ที่มองเธอกลับมีการประณามเล็กน้อย

“คุณเป็นแม่ภาษาอะไร? ลูกชายของคุณจะถูกทำร้าย คุณยังถอยหลังหลบ?”

“ต้องเป็นแม่เลี้ยงแน่เลย แม่แท้ ๆ ที่ไหนจะพาลูกมาเล่นเกมที่ร้านเกมแบบนี้”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบ ๆ ทำให้นรมนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

กานต์หลบเก้าอี้จากวัยรุ่น เมื่อได้ยินเสียงผู้คนมากมายรอบข้างพูดถูกนรมนเช่นนี้ จึงรีบเอ่ยขึ้นมา

“เงียบนะ!หม่ามี้ของผมเป็นคนอย่างไรถึงตาที่พวกคุณต้องพูดเหรอ?”

“เด็กคนนี้แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้”

คนรอบข้างเริ่มประณามและวิพากษ์วิจารณ์รอบใหม่

กานต์โมโหเล็กน้อย

เด็กวัยรุ่นเห็นกานต์เพียงแค่หลบ ไม่โต้ตอบ คิดว่าเด็กคนนี้ท่าดีทีเหลว จึงออกแรงในมือเพิ่มขึ้นหลายเท่า

ในที่สุดนัยน์ตาของกานต์ก็เย็นชาลง

“ที่ฉันไม่ทำอะไรนาย ไม่ใช่เพราะฉันกลัวนาย แต่นายทหารครูฝึกบอกฉันว่า อย่าลงมือกับชาวบ้าน ในเมื่อนายก้าวร้าวมาก งั้นก็โทษฉันไม่ได้นะ”

นัยน์ตาของกานต์เยือกเย็น ฝีมือเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที

เด็กวัยรุ่นยังเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น กานต์ก็เตะเขาออกไป

เขาสูงกว่ากานต์ไม่น้อย กลับถูกคนที่ตัวเล็กกว่ามากเตะลอยไป ร่างกายกระแทกไปที่เครื่องเล่นเกม จากนั้น “โครม” หล่นลงบนพื้น

บริเวณโดยรอบเงียบกริบทันที เงียบราวกับว่ามีเข็มตกลงบนพื้นก็สามารถได้ยิน

พวกเขาต่างตกใจกับกานต์

กานต์ก้าวขึ้นมาข้างหน้า เหยียบที่หลังมือของเด็กวัยรุ่น เอ่ยถามอย่างเย็นชา: “นายกล้าขวางทางฉันเหรอ?”

เด็กวัยรุ่นไม่เคยเสียเปรียบแบบนี้มาก่อน ร้องโอดโอยเสียงดังอย่างเจ็บปวด

“แกไอ้เด็กเวร แกกล้าเตะฉัน แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?ฉันเป็นคนของพี่ภาริชนะโว้ย ฉันจะบอกแกให้นะ แกตายแน่ แกจบเห่แล้ว พี่ภาริชไม่ยกโทษให้แกหรอก!”

เด็กวัยรุ่นร้องโวยวาย คิ้วของนรมนกลับขมวดเบา ๆ

พี่ภาริช?

ตอนนี้เธอได้ยินคำว่าพี่ภาริช แล้วนึกถึงภาริช เพียงแต่ตอนนี้ภาริชถูกบุริศร์ควบคุมตัวอยู่ น่าจะก่อเรื่องวุ่ยวายอะไรมากไม่ได้ แต่เพื่อความปลอดภัย ในที่สุดนรมนจึงเอ่ยถามขึ้นมา

“พี่ภาริชอะไร?สมัยนี้แล้ว คนเขาเรียกกันว่าพี่หรือไง? ไม่มีชื่อเหรอ?”

เด็กวัยรุ่นตอบอย่างโมโห : “พี่ภาริชของพวกเรามีชื่อเรียก คือมกุฎราชกุมารของตระกูลโตเล็กแห่งเมืองชลธี”

นรมนกับกานต์สีหน้าเปลี่ยนทันที

“นายบอกว่ามกุฎราชกุมารของตระกูลไหนในเมืองชลธีนะ?”

เท้าของกานต์ออกแรงเล็กน้อย

“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บ ๆ ๆ !แกไอ้เด็กเวร! ตระกูลโตเล็กของเมืองชลธี แกเข้าใจไหม ?ตระกูลโตเล็กหนึ่งเดียวไม่สอง!พวกแกยั่วโมโหฉัน ฉันจะบอกพวกแกให้นะ ฉันจะทำให้พวกแกต้องรับผิดชอบถึงผลที่จะตามมา”

เด็กวัยรุ่นโวยวายไม่หยุด

จู่ ๆ นรมนก็หัวเราะขึ้นมา ส่งมือถือให้เขา

“นี่ ฉันให้โอกาสแกครั้งหนึ่ง โทรหาพี่ภาริชของแกตอนนี้ แล้วถามว่าเขาอยู่ที่ไหน สามารถมาช่วยแกจัดการพวกเราได้ไหม”

เด็กวัยรุ่นงงงวยเล็กน้อย

เขามองเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ของนรมนตรงหน้า รู้สึกไม่มั่นใจ แต่ยังรับมือถือมา

ส่วนกานต์ก็ถือโอกาสปล่อยเขาออก

เด็กวัยรุ่นรีบโทรหาภาริช

สายถูกรับอย่างรวดเร็ว

เด็กวัยรุ่นเหมือนมองเห็นผู้ช่วยชีวิต รีบร้องเสียงดัง: “พี่ภาริช ผมถูกคนกระทืบที่ร้านเกม พวกมันอวดดีเกินไป วางอำนาจบาตรใหญ่ในถิ่นของพวกเรา พี่ภาริช พี่ช่วยจัดการให้ผมทีเถอะ”

นรมนมองเห็นฉากตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกหวนคืนสู่สังคมเก่า

และเธอไม่ได้บังคับให้คนดีเป็นโสเภณี ถึงขนาดนี้เลยเหรอ

กานต์ก็มองเขาอย่างเหยียดหยาม ถ้าไม่ใช่ความต้องการของหม่ามี้ เขาจะกระทืบไอ้เวรนี้ให้เละไปเลย

หลังจากเด็กวัยรุ่นร้องโวยวายจบ ในที่สุดเสียงของภาริชก็ดังขึ้นมา

“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้แกจัดการไม่ได้ ยังต้องให้ฉันออกหน้าอีก แกเป็นหมูเหรอ?ฉันเป็นพี่หรือแกเป็นพี่กันแน่?เรื่องอะไรก็ต้องให้ฉันจัดการแทน ฉันจะมีแกไปเพื่ออะไรเนี่ย?”

“พี่ภาริช ไม่ใช่นะครับ ไอ้เด็กคนนี้มันฝีมือเก่งกาจเป็นพิเศษ ผมสู้ไม่ได้”

เด็กวัยรุ่นกล่าวอย่างกลุ้มใจ

ภาริชได้ฟังก็ยิ่งโมโห

“สู้ไม่ไหวก็ให้คนรุมกระทืบสิ? จะสู้ตัวต่อตัวกับคนอื่นทำไม?แกโง่หรือเปล่า?”

นรมนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินภาริชสามารถคุยโทรศัพท์ได้อย่างอิสระ ตอนนี้ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ จึงคิ้วขมวดอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ

“ภาริช ฉันเองนรมน คนที่เตะเขาคือกานต์ อะไรนะ? คุณอยากจะรุมกระทืบพวกเราเหรอ? คุณแน่ใจนะ?”

ทันทีที่นรมนพูดออกไป ทางฝั่งนั้นก็เงียบทันที ไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียว

ฮัลโหล พี่ภาริช พี่ยังอยู่ไหมเนี่ย

ทางฝั่งภาริชระเบิดขึ้นมาทันที

“แกเป็นบ้าอะไรเนี่ย?คนที่เตะแกคือหลานชายของฉัน คนที่พูดเมื่อสักครู่คือพี่สะใภ้ของฉัน แกให้ฉันแก้แค้นให้นาย?สมองของแกมีปัญหาหรือเปล่า?”

เด็กวัยรุ่นอึ้งไปทันที จากนั้นมองนรมนกับกานต์อย่างน่าเหลือเชื่อ

นรมนกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ภาริชกำแหงขนาดนั้น ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงเรียกเธอว่าพี่สะใภ้?

แท้จริงแล้วบุริศร์ทำอะไรกับเขา?

ส่วนเด็กวัยรุ่นก็เป็นคนที่ปรับตัวตามสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากอึ้งไปสักพักจึงทำหน้ายิ้มแย้ม พูดอย่างประจบประแจง: “พี่สะใภ้ นายน้อย ผมมันตาบอดเอง ขอโทษด้วยครับ”

นรมนเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แต่กานต์กลับคิ้วขมวดยิ่งกว่าเดิม

“เลียแข้งเลียขาให้มันน้อยหน่อย ใครเป็นพี่สะใภ้นาย?”

“ใช่ ๆ ๆ นางฟ้า คุณคือนางฟ้าของผม ทั้งสองคนได้โปรดเมตตา ยกโทษให้ผมด้วย ผมก็ว่าอยู่ คนธรรมดาทั่วไปที่ไหนจะมีฝีมือดีขนาดดี ที่แท้ก็คือนายน้อยนี่เอง ไม่มีผิด”

เด็กวัยรุ่นมีท่าทางแตกต่างจากก่อนหน้านี้

ผู้คนโดยรอบได้ยินว่าเป็นนรมนกับกานต์ จึงเริ่มมองและถ่ายรูปโพสต์ลงไปในวีแชทโมเมนต์ ในเมื่อสำหรับพวกเขาแล้ว คนอย่างบุริศร์ก็เทียบเท่ากับเทพเจ้า การจะได้เจอสักครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้สามารถได้เจอกับภรรยาและลูกชายของเขาก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง

นรมนเห็นคนที่นี่เริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จึงดึงมือของกานต์ กล่าวเสียงเบาว่า: “ พวกเรากลับกันเถอะ”

“ครับ”

กานต์ก็ไม่ค่อยชอบเป็นจุดสนใจของผู้คน

เห็นทั้งสองคนกำลังจะกลับ เด็กวัยรุ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ รอยสักรูปดอกป๊อปปี้บนแขนของเขากลับทำให้นรมนหยุดก้าวเดิน

“นางฟ้า คุณยังมีอะไรจะสั่งอีกเหรอครับ?”

เด็กวัยรุ่นใจคอเหี่ยวแห้งสุด ๆ

ไม่ได้จะกลับแล้วเหรอ?

ทำไมถึงหยุดเดินขึ้นมาอีก?

นรมนมองรอยสักบนแขนของเขา เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า: “รอยสักบนแขนของเธอคืออะไร?”

“อ่า? คือว่า ใครที่ติดตามพี่ภาริช ก็จะมีรอยสักแบบนี้ นี่เป็นสัญลักษณ์ของพวกเรา”

เด็กวัยรุ่นรีบตอบ

นัยน์ตาของนรมนแฝงไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ชัดเจน

แบบนี้แสดงว่าดอกป๊อปปี้มีความเกี่ยวข้องกับภาริชจริง ๆ

และไม่รู้ว่าทางฝั่งบุริศร์ถามอะไรบ้าง

เธอชื่อว่าอะไร

อยู่ดี ๆ นรมนก็ไถ่ถามชื่อของเด็กวัยรุ่น ทำเอาเขาตกใจ แต่ยังรีบตอบว่า: “ ผมชื่อเทวิน”

“เอาเบอร์มือถือมาให้ฉัน มีเรื่องอะไรฉันจะเรียกเธอ แต่ทางที่ดีเธอห้ามออกไปจากเมืองชลธี เธอเข้าใจใช่ไหม ฉันไม่ให้เธอไป เธอก็ไปไม่ได้

นรมนเอ่ยอย่างไม่แยแส”

เทวินรีบพยักหน้า

“ครับ ๆ ๆ นางฟ้าว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น”

เทวินรีบให้เบอร์ของตนเองแก่นรมน

หลังจากนรมนบันทึกลงไปก็พากานต์ออกมาจากร้านเกม

กานต์มองนรมน ถามเสียงเบาว่า: “หม่ามี้ หม่ามี้จะตรวจสอบเรื่องในบ้านของน้าคมทิพย์ใช่ไหมครับ?”

“ใช่แล้ว ไม่แก้ปัญหาเรื่องนี้ ระหว่างหม่ามี้กับน้าคมทิพย์ก็ยังคงมองหน้ากันไม่ติด แต่นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ ลูกไม่จำเป็นกังวล”

นรมนลูบศีรษะของกานต์

กานต์โตแล้วจริงๆ วิธีการจัดการเรื่องเมื่อสักครู่ทำให้นรมนปลื้มใจมาก

“ครับ ตรงไหนที่ผมช่วยได้ผมจะช่วย กลับบ้านไปผมจะตรวจสอบเรื่องดอกป๊อปปี้ให้ ดูว่าเป็นสัญลักษณ์ของแก๊งอะไร หรือพวกหม่ามี้อาจจะมีทิศทางการตรวจสอบแล้ว”

“ได้”

นรมนพากานต์ออกไปหาอะไรกินเล็กน้อย จากนั้นจึงกลับบ้านตระกูลโตเล็ก

เพียงแต่เมื่อพวกเขากลับมา ได้ยินเสียงรถที่ประตูบ้าน ดูไม่ค่อยคุ้นเคย

ในบ้านมีแขกมาเหรอ?

ทำไมถึงไม่มีคนโทรบอกเธอ?

หลังจากนรมนจอดรถ จึงจูงมือกานต์เดินเข้าไปในห้องรับแขก

“ป้าหวาน มีแขกมาเหรอคะ?”

ธิดาอยู่โรงพยาบาลคอยดูแลเด็ก ๆ นาวินทำธุระอยู่ข้างนอก บุริศร์ไม่วางใจให้นรมนอยู่คนเดียว จึงจ้างพนักงานพาร์ทไทม์กลับมาหนึ่งคน เพิ่งจะมีเริ่มงานได้หนึ่งวัน ได้ยินนรมนเรียกเธอ จึงรีบวิ่งออกมา

“คุณนาย มีสามีภรรยาคู่หนึ่งบอกว่าเป็นพ่อแม่ของคุณ พาผู้หญิงคนหนึ่งมา ฉันบอกว่าจะโทรหาคุณ พวกเขาบอกว่าไม่ต้องโทร รอคุณกลับมาก็พอ ตอนนี้ฉันจัดให้ไปดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกค่ะ”

คำพูดของป้าหวานทำให้นรมนนิ่งไปสักพัก

สามีภรรยาคู่หนึ่ง? พ่อแม่?

หรือว่าพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนกลับมาจากการท่องเที่ยวแล้ว?

ใบหน้าของนรมนปรากฏรอยยิ้มผลิบานทันที รีบจูงมือกานต์เดินเข้าไปในห้องรับแขก

พ่อแม่ กลับมาแล้วเหรอ

เธอเปิดประตูห้องรับแขกทันที ฉากตรงหน้ากลับทำให้รอยยิ้มของเธอแข็งทื่ออยู่บนหน้า

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท