ลูกน้องยังไม่ทันได้พูดจบประโยค ก็ถูกเชษฐ์ถีบเข้าทันที
“รีบเร่งมือ พวกเราจะออกไปจากที่นี่ ! พวกไร้ประโยชน์ !”
นิสัยของเขาก้าวร้าวมาก
มองดูนรมนที่สลบไสลทีหนึ่ง แล้วจู่ๆเชษฐ์ก็แสยะยิ้มออกมา
เขาเดินไปที่ระเบียง แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาหมายเลขหนึ่ง
เบอร์นั้นถูกโทรติดอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา
“ใครคะ ?”
“คิม นรมนอยู่ในมือฉัน”
เพิ่งจะสิ้นเสียงของเชษฐ์ คิมก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“เชษฐ์ ?”
“บังเอิญจังนะ พวกเราได้ติดต่อกันอีกแล้ว”
ประโยคนี้ของเชษฐ์ทำให้คิมหรี่ตาลงอีกครั้งทันที
“นายอยากจะทำอะไร ?”
“คิม เธอไม่รู้เหรอว่าฉันจะทำอะไร ? อ๋อ นั่นสิ เมื่อกี้ฉันพูดเรื่องบางอย่างกับลูกสาวเธอ ฉันคิดว่าเธอเองก็น่าจะรู้สึกสนใจเหมือนกัน นั่นก็คือร่างศพของชินทร เธออยากเห็นไหมล่ะ ?”
เพิ่งจะสิ้นเสียงของเชษฐ์ คิมก็เริ่มแตกตื่นขึ้นมาทันที
“ไอ้คนเลวทราม ! นายอยากจะพูดอะไรกันแน่ ? ยี่สิบกว่าปีก่อนฉันก็รู้แล้ว ว่านั่นไม่ใช่ศพของชินทร แต่ว่าตอนนั้นเครื่องมือในการทดสอบยังไม่พร้อม การสุ่มตัวDNAเลยมีความคลุมเครืออยู่เล็กน้อย แต่ผลทดสอบทางพันธุกรรมกลับตรงกับชินทรถึง80% หลายปีที่ผ่านมาฉันอยู่ที่ทูตชายแดนมาตลอด ก็เพื่อตามหาข่าวของชินทร เชษฐ์ นายเป็นคนเอาตัวเขาไปจริงๆด้วย”
คิมโกรธจนเจ็บหน้าอก ถึงแม้จะผ่านไปนานหลายปีมากแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถปล่อยวางได้
เชษฐ์พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเธอคอยไล่ตามอย่างไม่ลดละ ฉันก็คงไม่เร่งรีบหนีออกไปจากที่นี่หรอก แต่ก็โชคดีที่ได้การไล่ตามจากเธอในตอนนั้น เลยทำให้ฉันได้พัฒนาความสามารถของตัวเองในต่างแดน ศพของชินทร เธอจะเอาหรือไม่เอาล่ะ ?”
“เอา !”
“งั้นก็เอาของที่ฉันอยากได้มาแลกไปสิ จำไว้นะ ห้ามแจ้งตำรวจ ห้ามบอกบุริศร์ ยิ่งห้ามพาคนมาด้วย ไม่อย่างนั้นฉันไม่รู้ด้วยนะว่าจะทำอะไรกับลูกสาวของเธอบ้าง เธอต้องรู้ว่า ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องอยู่ เป็นคนที่เหมาะสมแก่การเป็นตัวทดลองที่สุด”
“นายกล้าเหรอ ! ถ้านายกล้าแตะต้องนรมน ฉันรับประกันได้เลยว่านายจะไม่มีทางได้อะไรไปทั้งนั้น”
เสียงของคิมขยับสูงขึ้นมาทันที
แต่เชษฐ์กลับหัวเราะแล้วพูดว่า “คิม อย่าพูดเหมือนตัวเองสูงส่งยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ถ้าเธอสูงส่งยิ่งใหญ่จริงๆ ของที่ฉันอยากได้ตอนนี้คงอยู่ที่ฝ่ายทหารแล้วสินะ ? หลายปีที่ผ่านมาเธอก็ยังไม่เคยมอบออกไปเลย เห็นได้ชัดเลยว่าเธอมีเจตนาแอบแฝงใช่ไหม ? ในเมื่อเป็นแบบนั้น พวกเรามาร่วมมือกันไม่ดีกว่าเหรอ ?”
“ฉันไม่มีทางร่วมมือกับนายหรอก อีกอย่างที่ฉันไม่ได้มอบออกไป ไม่ใช่เพราะว่าฉันมีเจตนาแอบแฝงจะทำอะไร แต่เพราะว่านั่นเป็นสิ่งที่ชินทรเหลือไว้ให้ฉันดูต่างหน้า ฉันก็แค่เก็บไว้เพื่อเป็นที่ระลึกก็เท่านั้น เชษฐ์ นายอย่ามาบีบบังคับฉัน”
“ใครบีบบังคับใครกันแน่ ? คิม ฉันจะส่งที่อยู่ไปให้เธอ เธอจะมาหรือไม่ก็ช่าง แต่ว่าฉันมีเวลาให้เธอแค่ชั่วโมงเดียว ถ้าเลยเวลาแล้วฉันอาจจะทำอะไรกับนรมนขึ้นมาจริงๆก็ได้ “
เชษฐ์พูดจบก็วางสายไปทันที
แววตาของคิมหมองหม่นลงทันที
สีหน้าของเธอย่ำแย่จนน่ากลัว
กมลเดินผ่านห้องนอนของเธอเข้าพอดี พอเห็นว่าเธอท่าทางไม่ค่อยสบายใจ ก็เลยถามขึ้นทันทีว่า “คุณยาย เป็นอะไรไปคะ ? ยายเห็นหม่ามี้ของหนูไหม ?”
คิดได้สติขึ้นมาทันที เลยยิ้มบางๆแล้วพูดว่า “เดี๋ยวยายจะไปรับตัวหม่ามี้ของเธอกลับมานะ”
“อ๋อ ได้ค่ะ สีหน้าของคุณยายไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายเหรอคะ ?”
“ไม่เป็นไร วันนี้ยายรู้สึกไม่ค่อยสบาย กมลไปเล่นคนเดียวก่อนได้ไหมคะ ?”
“ก็ได้ค่ะ”
กมลลุกขึ้นแล้วไปหากิจจา
คิมปิดประตูห้องทันที
เขาดึงกล่องใบหนึ่งออกมาจากใต้เตียง พอเปิดออกแล้ว ในนั้นก็มีสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นของชินทร
คิมกอดบันทึกเล่มนั้นเอาไว้แน่น แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ชินทร หลายปีที่ผ่านมานี้ฉันเห็นแก่ตัวมากเลยใช่ไหม ? ฉันคิดว่าถ้าฉันไม่มอบออกไป เก็บไว้เป็นที่ระลึกก็คงไม่เป็นไร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเชษฐ์จะยังไม่ยอมตายใจ ฉันน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว เขาแบกรับความเสี่ยงอันใหญ่หลวงกลับมาขนาดนั้น จะต้องไม่ใช่เพื่อข้อมูลทางพันธุกรรมของตระกูลโตเล็กแค่นั้นแน่ เพียงแต่ฉันยังเอาแต่เพ้อฝันมาตลอด เพ้อฝันว่าหลังจากที่เขามีเรื่องกับบุริศร์จะถูกบุริศร์จับตัวส่งเข้าห้องขัง ถ้าอย่างนั้นของชิ้นนี้ที่คุณเหลือเอาไว้ให้ฉันก็จะกลายเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว ฉันคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เดิมทีฉันคิดว่าจะเอาหนังสือเล่มนี้เข้าไปในกองเพลิงกับฉันด้วย พอถึงตอนที่ได้ลงไปที่เบื้องล่างแล้ว ฉันกับคุณก็จะได้พูดคุยเรื่องนี้กันต่อ น่าเสียดายที่ดูท่าว่าคงรอถึงวันที่ฉันจะสิ้นลมไม่ได้แล้ว”
เธอปัดฝุ่นที่อยู่บนหน้าปกออก จากนั้นก็กอดไว้ในอกอย่างระมัดระวัง
คิมเดินไปที่ห้องนอนของนรมน
หลายปีที่ผ่านมานี้ เธอไม่เคยได้ทำหน้าที่แม่ให้กับนรมนเลยแม้แต่น้อย ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะหนังสือเล่มนี้ เธอก็คงไม่ทิ้งนรมนเอาไว้ แต่ว่าตอนนี้กลับเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้ ที่ลากนรมนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้เธอได้รับอันตราย คิมรู้สึกว่าทั้งชีวิตนี้เธอได้ติดค้างลูกสาวคนนี้อยู่ตลอด
เธอเก็บบันทึกเอาไว้อย่างดี พอเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดูดีชุดหนึ่งแล้วก้เดินลงไปชั้นล่าง
พอคุณท่านตระกูลพรโสภณเห็นคิมทำท่าเหมือนจะออกไปข้างนอก ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“เธอจะไปไหนเหรอ ?”
“ไปหานรมน”
“เหลวไหล เธอรู้เหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน ? ทางบุริศร์ส่งข้อความมาแล้ว พวกเขากำลังตามหาอยู่ เธออย่าไปสร้างปัญหาเพิ่มดีกว่า ตอนนี้ร่างกายเธอไม่ค่อยแข็งแรงนัก อย่าได้……”
“ฉันรู้ว่าเชษฐ์อยู่ที่ไหน คุณพ่อคะ อย่ายุ่งกับฉันเลย ฉันเป็นแม่คนหนึ่ง ไม่มีทางทนดูลูกสาวเกิดเรื่องแล้วยังนิ่งเฉยได้หรอกค่ะ”
คำพูดของคิมทำให้คุณท่านตระกูลพรโสภณรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“ไม่ได้บอกว่าเธอนิ่งเฉยสักหน่อย เพียงแต่ตอนนี้เธอจะไปทำอะไรได้ ? ตอนนี้ร่างกายของเธอก็อ่อนแอจะแย่อยู่แล้ว บุริศร์กำลังไล่ตามอยู่ เชษฐ์ไม่มีทางต่อกรกับเขาได้หรอก ถึงแม้นรมนจะอยู่ในมือเขา แต่ด้วยฝีมือของบุริศร์ จะต้องช่วยนรมนออกมาได้แน่ เธอเชื่อฟังฉันแล้วคอยฟังข่าวอยู่ที่บ้านก็พอแล้ว”
“เชษฐ์นัดฉันไปเจอค่ะ”
จู่ๆคิมก็พูดขึ้นมา
คุณท่านตระกูลพรโสภณนิ่งอึ้งไปทันที
“เธอว่าอะไรนะ ?”
“คุณพ่อคะ มีเรื่องบางอย่างที่ฉันไม่ได้บอกคุณพ่อมาตลอด และตอนนี้ก็ไม่มีเวลาพูดแล้ว แต่หลังจากนี้อีกไม่นานคุณพ่อก็คงได้รู้เอง ไม่ว่าฉันจะเลือกทางไหน ฉันก็หวังว่าคุณพ่อจะสามารถมีชีวิตต่อไปให้ดีๆ ถ้าหากฉันไม่อยู่แล้ว ก็ขอให้คุณพ่อช่วยดูแลนรมนกับพวกเด็กๆด้วยนะคะ”
คุณท่านตระกูลพรโสภณหรี่ตาลงทันที
“เธอจะทำอะไร ?”
คิมยิ้มขึ้นมาทันที
หลายปีที่ผ่านมานี้ น้อยครั้งมากที่คุณท่านตระกูลพรโสภณจะได้เห็นคิมยิ้มอย่างโล่งใจขนาดนี้
เธอพูดว่า “ฉันอยากไปหาชินทรแล้วค่ะ หลายปีมาแล้ว ฉันอาจจะได้ไปยังโลกเบื้องล่างกับเขาได้แล้วจริงๆก็ได้”
“เธอกำลังพูดจาไร้สาระอะไร ? ชินทรตายไปตั้งนานแล้ว เถ้ากระดูกของเขาก็ถูกฝังอยู่ที่สุสานวีรบุรุษผู้สละชีพเพื่อชาติ นี่เธอป่วยจนเพี้ยนไปแล้วหรือไง ?”
“คุณพ่อ ฉันไม่พูดกับคุณพ่อแล้วค่ะ พ่อว่าวันนี้ฉันดูดีไหมคะ ?”
คิมหมุนตัวรอบหนึ่ง
วันนี้เธอสวมชุดที่ชินทรซื้อให้เธอในตอนนั้น คุยกันไว้แล้วว่าจะไปรับใบทะเบียนกันที่สำนักกิจการพลเรือน ใครจะรู้ว่าจู่ๆชินทรจะถูกคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเรียกตัวกลับไปที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา เลยทำให้ต้องแยกทางกันตั้งแต่นั้นมา
เขาไม่ได้แต่งงานชั่วชีวิต และไม่ได้เหลืออะไรไว้ให้ตัวเอง สิ่งเดียวที่เหลือไว้ให้ก็คือกระโปรงชุดนี้กับบันทึกที่อยู่ในอ้อมกอด
คุณท่านตระกูลพรโสภณเริ่มลนลานขึ้นมาทันที
“คิม เธออย่า……”
“คุณพ่อ อย่าส่งคนตามฉันไปนะคะ และไม่ต้องบอกบุริศร์ด้วย ฉันมั่นใจว่าจะสามารถพาตัวนรมนกลับมาได้ แต่ว่าเรื่องบางเรื่อง ฉันไม่อยากให้บุริศร์รู้ และไม่อยากให้คุณพ่อรู้ ให้ฉันได้เป็นลูกสาวที่น่าภาคภูมิใจสำหรับคุณพ่อต่อไปก็พอแล้วค่ะ สำหรับเรื่องอื่นๆ ให้ฉันฝังมันไว้ให้ลึกที่สุดเถอะค่ะ”
“คิม !”
“คุณพ่อคะ เดิมทีฉันก็เหลือเวลาอีกไม่นานอยู่แล้ว ถ้าได้เจอกับชินทรก่อนตาย ฉันก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่เสียเปล่าแล้วค่ะ”
คุณท่านตระกูลพรโสภณรู้สึกว่าวันนี้คิมแปลกประหลาดมาก
แต่คิมกลับไม่อธิบายอะไร
เธอห้ามไม่ให้คุณท่านตระกูลพรโสภณตามตัวเองมา แล้วขับรถออกจากบ้านด้วยตัวคนเดียว
คุณท่านตระกูลพรโสภณรู้สึกไม่ค่อยวางใจ เลยใช้ให้โตษินตามไป แต่โตษินที่ตามไปจู่ๆก็ละสายตาไปเสียอย่างนั้น
เขาส่งข่าวไปให้บุริศร์แล้ว พอบุริศร์รู้ว่าเชษฐ์นัดคิมไปเจอ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาทันที แต่เขาก็ยังสั่งระดมคนเพื่อค้นหาที่อยู่ของพวกเขา
ไม่รอให้ถึงตอนที่บุริศร์จะได้ข่าว คิมก็ขึ้นเรือไปเสียแล้ว ส่วนเรือของเชษฐ์ก็ออกจากท่าไปแล้ว
“ตามไป !”
บุริศร์หงุดหงิดเป็นที่สุด
“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าพวกเขาจะเอาเรือออกจากท่าภายใต้สายตาฉันได้ยังไง ? สั่งให้ปิดล้อมทางออกทั้งหมดไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ?”
บุริศร์เกรี้ยวกราดราวกับสายฟ้า
ชัยยศพูดเสียงต่ำว่า “คนของพวกเราเป็นคนขับเรือให้คิมเอง เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าคิมจะอยู่ด้วยกันกับเชษฐ์”
สีหน้าของบุริศร์ค่อนข้างย่ำแย่
คิมเป็นแม่บุญธรรมของเขา แต่ว่าวินาทีนี้เขาอยากจะต่อยคนจริงๆ
“คุณนายอยู่บนเรือหรือเปล่า ?”
“น่าจะอยู่ครับ”
สีหน้าของบุริศร์มืดมนเหมือนก้นกระทะที่ดำสนิท
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด พอเชษฐ์ออกจากท่าแล้วน่าจะตรงไปที่ทะเลหลวง รีบสั่งให้คนของพวกเราตามไป ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับกุมเขาให้ได้ก่อนที่จะไปถึงทะเลหลวง”
“ครับ”
ชัยยศรีบพาคนไล่ตามไปทันที
สายตาของนภดลเย็นยะเยือกเล็กน้อย
“แต่ฉันไม่รู้สึกว่าเขาจะไปที่ทะเลหลวง”
“พูดความคิดเห็นของนายมาสิ”
บุริศร์มองดูนภดล พยายามอดกลั้นเพลิงโกรธของตัวเองเอาไว้เต็มที่
นภดลพูดเสียงต่ำว่า “ตัวฉันเองก็เป็นผู้ทดลอง สถานที่อยู่ของพ่อแม่ฉันเองก็คล้ายๆกันกับฐานการวิจัยของเชษฐ์ ดังนั้นฉันเลยรู้ดีกว่าใครๆ ว่าบ้างานวิจัยต้องการอะไรเป็นที่สุด”
“นายอยากจะพูดอะไรกันแน่ ?”
“ที่ฉันอยากจะพูดก็คือ คุณนายกำลังตั้งท้องอยู่ ก็เหมือนคุณแม่ในตอนนั้น การทดลองจำนวนมากสำหรับผู้ใหญ่อาจไม่ได้ผลตามที่ต้องการ แต่ถ้าฉีดของเหลวทดลองในขณะที่ตัวอ่อนยังอยู่ในท้องแม่ อาจมีผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง อย่างเช่นฉันเอง”
คำพูดของนภดลทำให้สีหน้าของบุริศร์เปลี่ยนไปทันที
“นายจะบอกว่าเชษฐ์คิดจะใช้นรมนเป็นตัวอย่างที่มีชีวิต และใช้ลูกในท้องของเธอเพื่อทดลองงั้นเหรอ ?”
“ฉันเดาว่าอย่างนั้นนะ แต่ก็หวังว่าเขาจะไม่ทำอย่างนั้น แต่ถ้าหากเขาคิดจะทำแบบนั้นจริงๆ ถ้างั้นเขาก็ไม่มีทางไปที่ทะเลหลวงเด็ดขาด แต่จะกลับไปยังฐานที่มั่นของตัวเอง เพราะยังไงก็เป็นสถานที่ที่ตัวเองคุ้นเคย เขาถึงจะทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้ ดังนั้นฉันคิดว่า เป็นไปได้อย่างมากว่าเขาจะจอดเทียบท่าตรงท่าเรือบริเวณใกล้ๆ แล้วออกจากประเทศเราด้วยเฮลิคอปเตอร์ กลับไปที่ต่างแดน ว่ากันว่ากระต่ายเจ้าเล่ห์ย่อมมีถ้ำสามแห่ง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะมีฐานวิจัยอยู่เพียงแห่งเดียว”
พอฟังนภดลพูดแบบนี้แล้ว ใจของบุริศร์ก็เริ่มไม่สงบขึ้นมาทันที
ถ้าหากสิ่งที่เขาคาดเดามันถูกต้องทั้งหมด แล้วตัวเองจะไปช่วยพวกนรมนได้ทันไหม ?
บุริศร์เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา
ไม่ !
เขาไม่มีทางยอมให้ใครมาทำร้ายนรมนทั้งสองแม่ลูกได้ แม้ว่าจะเป็นเชษฐ์ก็ไม่มีทางยอม