“บีบคั้นพวกคุณจนตายหรือ ดิฉันมีความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นด้วยหรือคะ”
เมื่อเจ็บปวดเพราะความผิดหวังจากเบื้องลึกของจิตใจจริงๆขึ้นมา นรมนก็พูดจาโดยไม่เกรงใจอีกแล้ว
“วันนี้ฉันเพียงต้องการแค่ถูกหรือผิด ถ้าหากว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ของพฤกษ์เกี่ยวข้องกับเนตราจริงๆ ไม่ว่าพวกคุณจะพูดอะไร จะตายหรือมีชีวิตอยู่ ฉันล้วนไม่สนใจ จะต้องมีคนที่จ่ายค่าตอบแทนให้กับเรื่องนี้!”
สายตาของนรมนทำให้เนตราหวาดกลัวเล็กน้อย
“คุณพ่อคุณแม่ พวกเราไปเถอะค่ะ อย่าไปถือสาหาความกับยายบ้านี่เลย”
เนตราเอ่ยจบแล้วก็ดึงบิดามารดาตระกูลธนาศักดิ์ธนจากไป
คมทิพย์มองนรมน ตบไหล่เธอเบาๆ พลางเอ่ยว่า “เสียใจเพราะคนที่ไม่รักและทะนุถนอมตัวเองนั้นไม่คุ้มค่า”
“ฉันรู้ ก็แค่รู้สึกว่าน่าขบขันมากเกินไป เธอรู้ได้อย่างไรกันว่าบุริศร์มอบเงินให้พวกเขาสิบล้าน ตอนที่ฉันไม่อยู่นั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
นรมนมองไปที่คมทิพย์อย่างต้องการคำตอบ
คมทิพย์เกลี่ยเส้นผมที่ยาวของเธอไปทัดไว้หลังใบหูแล้วเอ่ยยิ้มๆว่า “ต้องรู้ชัดเจนในทุกๆเรื่อง เธอไม่รู้สึกว่ามันเหนื่อยบ้างหรือ”
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะได้รู้ ฉันก็อยากรู้เช่นกันว่าพวกเขาวางฉันไว้ในตำแหน่งอะไร”
เมื่อได้ยินนรมนเอ่ยเช่นนี้ คมทิพย์ก็ถอนหายใจ เอ่ยขึ้นว่า “หลังจากที่เนตราถูกเชษฐ์นำตัวไป พวกเขาก็ไปขอร้องบุริศร์ ให้เขาช่วยเนตรากลับมา”
“เรื่องนี้ฉันรู้ ในภายหลังยังมีเรื่องอื่นต่อ?”
“ใช่”
คมทิพย์ถอนหายใจเสียงเบา เอ่ยว่า “ตอนที่เชษฐ์ถูกจับในครั้งแรก ความจริงแล้วเนตรากลับไปที่บ้านแล้ว แต่ว่าหลังจากมีข่าวที่กวินทร์ไม่รับเธอเป็นศิษย์ แม่เธอก็ไปโวยวายที่บริษัทบุริศร์ด้วยตัวเอง”
“อะไรนะ เพราะอะไรฉันถึงไม่รู้เรื่องนี้กัน”
นรมนประหลาดใจเล็กน้อย
คมทิพย์เอ่ยยิ้มๆ “บุริศร์ปิดข่าวเอาไว้ แม่เธอใช้การตายมาบีบบังคับ บังคับให้เธอออกหน้าไปช่วยขอร้องให้กวินทร์รับเนตราเป็นศิษย์ ในตอนนั้นเธอถูกเชษฐ์พาตัวไป เป็นตายก็ยังไม่รู้ แม่เธอกลับไม่ถามอะไร บุริศร์บอกว่า ตอนนี้เธอจะเป็นหรือตายก็ยังไม่รู้ อันตรายเป็นอย่างมาก รอเธอกลับมาแล้วค่อยว่ากัน แต่แม่เธอยืนยันที่จะให้บุริศร์ไปบีบบังคับให้กวินทร์รับศิษย์ ถ้าบุริศร์ไม่รับปาก เธอจะตายอยู่ที่หน้าประตูบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัด บอกว่าจะให้เธอโทษบุริศร์ไปชั่วชีวิต
“ทำไมเธอถึงได้ทำแบบนี้กัน”
เมื่อนรมนคิดว่าบุริศร์เคยถูกแม่ตัวเองบีบบังคับเช่นนี้เพราะตัวเอง ในใจก็มีความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
“นี่ยังไม่จบนะ พ่อของเธอก็ประกาศไปทั่วว่าเธอเป็นคนอกตัญญู ใช้อำนาจกดขี่เนตรา จนไม่เหลือเส้นทางรอดชีวิตให้กับตระกูลธนาศักดิ์ธน บุริศร์ใช้ประชาสัมพันธ์ของบริษัทจัดการเรื่องนี้ แต่เขาก็กลัวว่าหลังจากที่เธอรู้เรื่องนี้แล้วจะเศร้าเสียใจ จึงมอบเงินให้กับพวกเขาสิบล้าน กำหนดให้พวกเขาย้ายออกไปจากเมืองชลธีภายในหนึ่งเดือน และไม่อนุญาตให้กลับมาอีกในชั่วชีวิตนี้ และยิ่งไม่อนุญาตให้ไปสร้างความวุ่นวายให้เธอ”
เมื่อได้ยินคมทิพย์เอ่ยเช่นนี้แล้ว นรมนก็รู้สึกเหมือนว่าทั้งร่างตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง
บิดามารดาที่เคยเลี้ยงดูเธอมาอย่างดีขนาดนั้น ตอนนี้กลับทุ่มเทสุดกำลังเพื่อลูกสาวแท้ๆของตัวเอง จนถึงขั้นหน้าตาก็ไม่ต้องการ แล้วจะมาสนใจอะไรกับความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกระหว่างยี่สิบกว่าปีนี้กัน?
นรมนเศร้าเสียใจ แต่กลับเข้าใจว่าหลังจากนี้ตัวเองควรจะทำอย่างไร
“ฉันรู้แล้ว ขอบคุณเธอที่บอกเรื่องพวกนี้กับฉัน”
“เป็นเพื่อนกัน ฉันก็ไม่ได้อะไร”
คมทิพย์โบกมือไปมา
นรมนมองเธอ เอ่ยเสียงเบา “ตอนนี้เธอต้องการเงิน ไม่สู้ให้ฉัน…”
“สองแสนก็พอแล้ว มากพอที่จะให้ฉันหางานและเลี้ยงดูพวกเขาให้มีชีวิตต่อไปได้ เธอก็อย่ากังวลเพราะฉันเลย ฉันเป็นเพื่อนเธอ เป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของเธอ เธอวางใจเถอะ ฉันจะไม่ทำให้เธอขายหน้าหรอก จะต้องมีสักวันหนึ่งที่ฉันสามารถยื่นข้างกายเธอได้อย่างสง่าผ่าเผย ให้ทุกคนได้อิจฉาพวกเรา”
สายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของคมทิพย์ทำให้นรมนซึ้งใจเป็นอย่างมาก
เธอมักจะเข้มแข็งแบบนี้เสมอ แม้ว่าฟ้าจะถล่มลงมาก็ยังล้มความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นของเธอไม่ได้
“พยายามเข้าล่ะ ฉันจะรอวันนั้น”
“ได้”
สองคนสบตากันแล้วหัวเราะออกมา
ด้านนอกฝนตกพรำๆ เจือไปด้วยความหนาวเย็น
เธอมองไปรอบๆ ตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอคนเดียว เส้นทางหลังจากนี้ยังต้องพาคนพิการอีกสามคนเดินไปด้วยกัน เส้นทางนี้เดินไม่ง่าย แต่เธอก็จำเป็นต้องเดิน
ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ น้องชาย หรือว่าพฤกษ์ ล้วนเป็นคนที่เธอไม่อาจปล่อยมือได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็กัดฟันเดินต่อไป
เธอเชื่อว่า หลังจากพายุฝนมักจะเห็นสายรุ้งที่งดงาม
คมทิพย์สูดหายใจเข้าไปเต็มปอด ตัดใจเรียกรถแท็กซี่ไม่ลง จึงเดินฝ่าฝนอยู่บนถนนคนเดียว
เธอค้นหาบริษัทที่ต้องการรับคนทำงานไม่หยุด แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่ปรารถนาสักเท่าไร
ตอนนี้เธอจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ งานปกติแทบจะไม่สามารถแบกรับสิ่งเหล่านี้ได้
ทำอย่างไรดี
หรือว่าจะต้องไปพวกสถานที่พลอดรักกันจริงๆ?
ไม่!
คมทิพย์ไม่อนุญาตให้ตัวเองทำเช่นนั้น และไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ผู้หญิงที่พฤกษ์รักจำเป็นต้องเป็นหญิงสาวที่สะอาดและบริสุทธิ์ เธอไม่อาจทำให้พฤกษ์เสียความน่าเชื่อถือได้
คมทิพย์ลูบใบหน้า มองเห็นกลุ่มตัวประกอบที่กำลังถ่ายละครอยู่ไม่ไกลนัก นัยน์ตาเธอเป็นประกายขึ้นมาทันที
เดินในเส้นทางบันเทิงอาจจะลำบากมาก แต่ถ้าหากประสบความสำเร็จขึ้นมาจริงๆ ค่ายารักษาของคุณพ่อ น้องชายและพฤกษ์ก็มีแล้ว
ดูเหมือนว่าคมทิพย์จะพบหนทางขึ้นมาได้กะทันหัน
เธอเดินไปทางกลุ่มตัวประกอบอย่างรวดเร็ว
“ไม่ทราบว่ากองถ่ายของพวกคุณยังต้องการคนไหมคะ”
เสียงของคมทิพย์ไม่ดัง แต่กลับเจือไปด้วยความสดใส จึงทำให้คนรู้สึกได้เปิดหูเปิดตาอย่างเสียมิได้
ผู้กำกับเหลือบมองคมทิพย์ แต่ก็ถูกประกายใต้ก้นบึ้งนัยน์ตาของคมทิพย์ดึงดูดเอาไว้ทันที
“คุณมาสมัครงานหรือ”
“ใช่ค่ะ”
คมทิพย์ไม่เคยทำอาชีพนี้มาก่อน แต่ว่าตอนนี้เธอจำเป็นต้องทำเช่นนี้
ผู้กำกับกวักมือ
“คุณมานี่ พวกเราต้องการศพร่างหนึ่ง แต่เป็นเพราะเวลานานเกินไป อาจจะต้องแกล้งทำเป็นตายอยู่ครึ่งชั่วโมงท่ามกลางสายฝน คุณทำได้ไหม”
“ฉันทำได้ค่ะ!”
คมทิพย์รู้ว่าสายฝนในตอนนี้หนาวเย็นมาก ครึ่งชั่วโมงนั้นจะต้องหนาวจนตัวแข็งทื่อ จนอาจจะเป็นหวัดแน่นอน แต่เธอยังมีทางอื่นให้เดินอีกหรือ
ไม่มี!
แม้ว่าเบื้องหน้าจะเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่เธอก็ต้องเดินต่อไป
เห็นความเด็ดเดี่ยวหนักแน่นและความดื้อดึงในแววตาคมทิพย์แล้ว ผู้กำกับก็ให้คนพาคมทิพย์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่คมทิพย์เดินผ่านข้างกายเขาไป ผู้กำกับก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ถ้าหากว่าคุณสามารถยืนหยัดได้ถึงครึ่งชั่วโมง วันนี้ผมจะให้คุณสามร้อยหยวน!”
สามร้อยหยวน!
ตัวเลขนี้ทำให้คมทิพย์มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
“ฉันจะต้องทำได้อย่างแน่นอนค่ะ!”
“ไปดื่มน้ำขิงก่อน”
ผู้กำกับไม่ได้สนใจมองคมทิพย์อีก ออกคำสั่งกับผู้ช่วยทันที
คมทิพย์ถูกพาตัวไปดื่มน้ำขิง ร่างกายอุ่นขึ้นเล็กน้อย ถึงได้ถอยออกไป
สายฝนที่หนาวยะเยือกกระทบลงบนร่างจนเจ็บ แต่คมทิพย์ก็นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นคล้ายกับว่าตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง กระทั่งนัยน์ตาก็ไม่ค่อยขยับ
เวลาครึ่งชั่วโมงนั้นไม่นานและไม่สั้น แต่กลับมากพอที่จะทำให้เด็กสาวที่สวมเพียงแค่เสื้อตัวเดียวหนาวจนตัวแข็งทื่อได้
รอจนถ่ายทำเสร็จแล้ว ผู้กำกับก็พอใจมาก
“ดีมาก! รีบไปดึงคนขึ้นมา ให้เงิน และขอเบอร์โทรศัพท์เธอเอาไว้ด้วย นักแสดงแบบนี้มีไม่มากแล้ว ครั้งหน้ามีงานอีกจำเอาไว้ว่าให้เรียกเธอ”
มีประโยคนี้ของผู้กำกับ คมทิพย์ก็วางใจแล้ว
ผู้ช่วยมอบเงินสามร้อยหยวนให้กับคมทิพย์ และขอเบอร์โทรศัพท์เธอเอาไว้เรียบร้อยแล้วถึงได้จากไปพร้อมกับคนอื่นๆ
คมทิพย์หนาวจนตัวสั่น จามออกมาไม่หยุด
เธอลูบจมูกตัวเอง มองเงินสามร้อยหยวนที่เปียกชื้นเล็กน้อยในมือ มุมปากก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเบาบาง
ความหวังยังคงมีอยู่ใช่หรือไม่
นี่ก็ได้เงินมาสามร้อยหยวนแล้วไม่ใช่หรือ
ถ้าหากว่าทุกวันล้วนมีเงินสามร้อย หนึ่งเดือนก็หนึ่งหมื่นแล้ว แม้ว่าจะเป็นเงินจำนวนน้อยนิด แต่ก็ยังสามารถมองเห็นความหวังได้อยู่
เธอลุกขึ้นยืนอยู่ที่เดิม ยกขากระโดดขึ้นสูงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็หมุนตัวจากไป
คมทิพย์เดินไปได้ไม่ไกลเท่าไร ก็เห็นรถคันหนึ่งจอดขวางทางอยู่ด้านหน้าเธอ
เธอตะลึงไปเล็กน้อย
คนคนนี้เธอรู้จัก เป็นผู้ช่วยของผู้กำกับคนเมื่อครู่นี้
“ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
คมทิพย์เอ่ยถามอย่างมีมารยาท
ผู้ช่วยเปิดกระจกรถ เอ่ยเสียงเบา “ผู้กำกับของพวกเราชื่นชมคุณมาก คืนวันนี้มาที่นี่ ผู้กำกับรับประกันว่าคุณสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆได้โดยไม่เปลืองแรง”
เอ่ยจบแล้ว เขาก็มอบบัตรใบหนึ่งให้กับคมทิพย์
คมทิพย์ก้มหน้าอ่านแล้วก็มีสีหน้าทะมึนขึ้นมาทันที
บัตรใบนี้เป็นบัตรห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง
นี่หมายความว่าอะไร คมทิพย์ชัดแจ้งแก่ใจ
“ขอโทษด้วยค่ะ ดิฉันไม่ทำเรื่องพวกนี้”
คมทิพย์โยนบัตรใบนี้กลับไปทันที
ผู้ช่วยเห็นคมทิพย์มีท่าทางเช่นนี้ก็โมโหขึ้นมาทันที
“ผู้หญิงอย่างคุณไม่รู้จักดีชั่ว? ผมจะบอกคุณให้นะว่า พลาดช่วงเวลานี้ไป ก็จะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว คุณรู้ไหมว่าผู้กำกับของพวกเราเป็นใคร คนที่เข้าแถวรอให้เขาเลือกมีจำนวนนับไม่ถ้วน นี่เป็นเพียงโอกาสเดียวของคุณ”
“ดิฉันไม่ขายตัวค่ะ”
คมทิพย์เอ่ยจบก็หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่มีความลังเลใดๆ
ตอนที่ตัดสินใจจะเข้าสู่วงการบันเทิง เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองจะต้องพบเจอเรื่องที่ไม่สะดวกราบรื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องพวกนี้จะมาเร็วขนาดนี้ เธอก็เป็นเพียงแค่นักแสดงตัวประกอบคนหนึ่งเท่านั้นเอง
แต่เมื่อนึกถึงครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ที่ตัวเองสวมเพียงแค่เสื้อผ้าบางๆตัวหนึ่ง เมื่อถูกสายฝนกระทบลงบนร่างกาย เปิดเผยเรือนร่างของเธอออกสู่สายตาของผู้อื่นอย่างเต็มที่ คมทิพย์ก็รู้สึกอับอายขึ้นมาเล็กน้อย
เส้นทางนี้จะเดินต่อไปหรือไม่
นี่เป็นการหาเงินในช่วงระยะเวลาสั้นๆได้ดีที่สุด
เธอต้องการเงิน!
คุณพ่อต้องการ น้องชายต้องการ พฤกษ์ก็ต้องการเช่นกัน!
งานธรรมดาทั่วไปไม่สามารถแบกรับความกดดันมากมายขนาดนี้ไว้ได้ เธอทำได้เพียงแค่กัดฟันเดินต่อไป
แต่เธอก็ไม่มีทั้งพลังและไร้ซึ่งอำนาจ การที่จะทำงานอยู่ในวงการบันเทิง จะสามารถปกป้องความบริสุทธิ์ของตัวเองได้นานเท่าไรกัน
คมทิพย์ทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
เธอกลับบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดแล้ว ก็ยังรู้สึกคัดจมูกอยู่เล็กน้อย เธอรีบต้มน้ำขิงดื่ม และกินยา
เมื่อดูเวลาก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว เธอจึงออกมาทำอาหารให้กับปัญญ์
ปัญญ์เห็นคมทิพย์ท่าทางไม่ค่อยดี ก็ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “พี่ พี่เป็นหวัดหรือเปล่า เมื่อครู่ตอนออกจากบ้าน พี่ไม่ได้พกร่มไปด้วยหรือ”
“ไม่เป็นไร ทำเรื่องของเราไปเถอะ พี่ได้ยินมาว่าเราเป็นนักแปลที่บริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดหรือ”
“อืม”
ปัญญ์พยักหน้า
คมทิพย์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ดีมาก อย่าโหมเกินไปล่ะ มีพี่อยู่”
“ผมเป็นผู้ชายในครอบครัวโอเคไหม”
ปัญญ์เศร้าใจอยู่บ้าง
แรงกดดันของคมทิพย์มากเกินไปแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชาย ก็ยังรู้สึกรับไม่ไหวอยู่บ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคมทิพย์ที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าหาตัวพี่สาวกลับมาไม่ได้เป็นเรื่องที่ดี ถ้าหากว่าตระกูลเจริญไชยของพวกเขาไม่ได้พาตัวคมทิพย์กลับมา บางทีตอนนี้ชีวิตของคมทิพย์ก็คงจะไม่เหมือนกัน
“พี่…”
“พอแล้ว พี่ยืมเงินจากนรมนมานิดหน่อย เดี๋ยวพี่จะติดต่อคุณหมอที่ตรวจขาของเราในครั้งที่แล้ว พี่มักจะรู้สึกว่ายังมีทางช่วย”
เมื่อได้ยินคมทิพย์เอ่ยเช่นนี้ ปัญญ์ก็ปฏิเสธออกมาตรงๆ
“ผมไม่รักษาแล้ว สองแสนมากพอที่จะให้พวกเราใช้ชีวิตที่ดีได้แล้ว ถ้าหากว่าผมใช้มัน ก็ไม่แน่ว่าจะช่วยได้ ถ้าหากว่าไม่สำเร็จ เงินนี้ก็เสียเปล่าโดยไม่ให้ผลลัพธ์อะไร”
“ก็ยังต้องรักษา เรื่องนี้พี่พูดแล้วเราต้องฟัง”
คมทิพย์เอ่ยพูดอย่างแน่วแน่ ทำให้ปัญญ์หน่วยตาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที