“ไม่รู้สิ ไว้ฉันจะให้ชัยยศไปตรวจสอบดู”
บุริศร์เก็บสีหน้าแววตาของตนกลับมา พูดเสียงต่ำ
นรมนเองก็ไม่ได้อยากจะรู้มากนัก ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้บุริศร์ก็จะจัดการให้เรียบร้อยได้ เธอก็จะไม่ถามแล้ว
“ง่วงแล้ว นอนกัน”
“นอนเถอะ”
บุริศร์ตบบ่าของนรมน มองดูเธอหลับลึกไปแล้ว ถึงค่อยหลับตาลง
ในตอนที่พระอาทิตย์ออกมาในวันรุ่งขึ้น นรมนยังคงนอนอยู่ บุริศร์ก็ลุกขึ้นมา
เขาออกไปที่ช่องว่างด้านนอกอย่างมือเบาเท้าเบา โทรศัพท์หาชัยยศ
“ตรวจสอบดูหน่อยว่าพวกที่มาปิดล้อมรถฉันเมื่อวานมาจากไหน? ทะเบียนรถฉันจำได้ แต่น่าจะเป็นทะเบียนปลอม ตรวจสอบให้ละเอียด”
“โอเค ประธานบุริศร์”
หลังจากวางสายไปแล้ว บุริศร์ก็ไปที่ระเบียง จุดบุหรี่หนึ่งมวน
เป็นใครกันแน่นะ?
คนที่อยู่เบื้องหลังชัยยศคือใคร?
ทำไมถึงมุ่งเป้าไปที่ตระกูลเจริญไชย?
แล้วทำไมถึงลงมือกับตน?
คำถามหนึ่งชุดผ่านเข้ามาในสมองของบุริศร์ แต่กลับหาคำตอบที่ถูกต้องไม่ได้
ในตอนที่นรมนตื่นขึ้นมาก็มองเห็นบุริศร์ยืนสูบบุหรี่อยุ่ที่ระเบียง
เขาไม่ได้สูบบุหรี่มานานแล้ว วันนี้เห็นได้ว่าอารมณ์ไม่ค่อยดี
นรมนอยากที่จะไปปลอบโยนเสียหน่อย แต่โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
เธอก้มศีรษะลงมอง เป็นรมิดา
นรมนรู้สึกแปลกใจ
รมิดาวันนี้มีผ่าตัดไม่ใช่หรอ? ต่อให้ดูขาให้ปัญญ์ก็ต้องรอถึงตอนเย็น โทรมาหาตนแต่เช้าแบบนี้หมายความว่ายังไง?
ไม่ว่ามีข้อสงสัยอะไร นรมนก็ยังกดปุ่มรับสายไป
“รมิดา?”
ทั้งสองต่างถูกชะตากัน เป็นธรรมดาที่จะกลายเป็นเพื่อนกันได้
“มีเวลาไหม? ไปกินข้าวเช้ากัน?”
รมิดาพูดอย่างตรงไปตรงมา
นรมนชะงักเล็กน้อย เหลือบมองบุริศร์ที่อยู่ด้านนอก พูดขึ้นอย่างลังเล “เธอไม่อยู่กับสามีลูกสาว?”
“ลูกสาวฉันถูกเขาพาไปแล้ว อีกเดี๋ยวฉันจะไปโรงพยาบาล แล้วแต่เธอ ถ้าเธอไม่มีเวลาก็ไม่เป็นไร”
ขณะที่พูดรมิดาก็จะวางสาย
นรมนรีบพูดขึ้น “กินที่ไหน?”
“ล่างตึกเธอ ร้านซาลาเปาตรงข้ามโรงแรม”
“อีกเดี๋ยวเจอกัน”
นรมนแม้จะไม่รู้ว่ารมิดามาหาตนทำไม แต่นี่เป็นครั้งแรกที่รมิดาชวนตน เธอยังอยากที่จะไปตามนัด
เพียงแต่สำหรับทางด้านบุริศร์แล้วนรมนรู้สึกขอโทษเล็กน้อย
บุริศร์เห็นว่านรมนตื่นแล้ว ถึงดับบุหรี่ลง จากนั้นก็หยุดอยู่ซักพัก แล้วถึงเข้าไปในห้องนอน
“ตื่นแล้ว?”
“อื้ม”
คิ้วตาของนรมนยิ้มให้ ท่าทางที่อ่อนโยนนั้นมองบุริศร์อย่างเอาแน่เอานอนไม่ได้
“มีเรื่องจะขอร้องฉัน?”
บุริศร์ยิ้มบางๆ
นรมนกระแอมทีนึงแล้วพูด “ไม่เชิงขอร้อง เพียงแค่รมิดาชวนฉันลงไปกินข้าวเช้าข้างล่าง ฉันเลยกินข้าวเช้ากับนายไม่ได้แล้ว”
บุริศร์ซึมเศร้าเล็กน้อย
ทำไมมีแต่คนมาแย่งภรรยาของเขา?
“ฉันไปด้วยไม่ได้?”
นรมนเห็นท่าทางน้อยอกน้อยใจของบุริศร์ ก็รู้สึกขำขึ้นมาทันที
“ระหว่างพวกเราหญิงสาวมีความลับส่วนตัวนิดหน่อย นายอยู่ด้วยจะไม่เหมาะสม อีกอย่างนายดูสิคุณชายอรรณพก็ไม่ได้มาด้วย”
“ฉันเทียบกับเขาได้หรอ? อรรณพเป็นไอ้บื้อคนนึง ปล่อยภรรยาดีๆไปไม่รู้จักรักษาไว้ เธอคอยดูเถอะ จะมีตอนที่เขาร้องไห้”
การประเมินอรรณพของบุริศร์นรมนไม่ได้ออกความเห็น
“นายก็ ทำไมพูดถึงเพื่อนพ้องของตัวเองแบบนี้? เอาล่ะ รู้ว่านายน้อยใจ กลับมาฉันจะไปเดินเล่นที่เมืองBกับนาย ฉันจัดแจงตัวเองก่อนแล้วจะลงไป ข้าวเช้านายจัดการเอง นะ?”
นรมนลูบใบหน้าของบุริศร์ราวกับปฏิบัติต่อเด็กน้อย
เย็นนิดหน่อย
เห็นได้ว่าเขาอยู่ด้านนอกไม่ใช่เวลาสั้นๆ
“มีเรื่องอะไรรังควานใจถ้าจัดการได้ก็จัดการไป จัดการไม่ได้ก็ปล่อยไป ถึงยังไงไม่เร็วก็ช้าต้องแก้ไขได้ อย่ากังวลมากล่ะ”
นรมนทิ้งประโยคนี้ไว้ก็เข้าห้องน้ำไป
บุริศร์ชะงักเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนเติบโตขึ้นมากแล้ว
เขายิ้ม จากนั้นก็ส่ายหัว
หลังจากนรมนจัดแจงตัวเองเสร็จแล้ว ก็ลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว มองเห็นรมิดาที่แต่งตัวกลางๆในร้านซาลาเปาตรงข้าม
“เธอตื่นเช้าขนาดนี้เลย?”
นรมนรีบนั่งลงอย่างรวดเร็ว สั่งเกี๊ยวหนึ่งชุด โจ๊กหนึ่งชาม
รมิดากินไปพูดไป “อีกเดี๋ยวมีธุระนิดหน่อย จำเป็นต้องตื่นเช้า เจ็ดโมงครึ่งฉันยังต้องทำการผ่าตัด ดังนั้นพวกเราต้องรีบแล้ว”
“พวกเรา?”
นรมนใบหน้าสงสัย
รมิดาพยักหน้า เร่งให้เธอรีบกินข้าว
นรมนก็ไม่กล้าล่าช้า ไม่รู้ว่ารมิดาจะทำอะไร แต่ก็ถูกเธอพูดเกินจริงจนรู้สึกประหม่า
กินข้าวเช้าหมดด้วยความรวดเร็ว รมิดาออกเงิน จากนั้นก็พานรมนออกมาบนถนน เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งทันที
“ฉันมีรถนะ”
นรมนนึกว่ารมิดาคำนึงถึงตน จึงรีบเอ่ยปากขึ้น
รมิดาส่ายหน้าพูด “ไม่ไม่ไม่ ในเวลานี้ขับรถเองไม่สะดวก”
คำพูดเหล่านี้พูดออกมายิ่งทำให้นรมนไม่เข้าใจ
แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร มักจะรู้สึกว่ารมิดาไม่เอาตนไปขายหรอก ดังนั้นเธอจึงนั่งพิงรถหลับตาลงอย่างสบาย
รมิดามองท่าทางนี้ของเธอ อดไม่ได้ที่จะพูดยิ้ม “เธอไม่กลัวฉันพาเธอไปขายหรอ?”
“ไม่กลัว”
นรมนตอบอย่างตรงไปตรงมา
“เพราะอะไร? พวกเราเหมือนพึ่งเจอกันแค่ครั้งสองครั้งเอง เธอก็เชื่อใจฉันขนาดนั้นแล้วหรอ?”
ในตอนนี้นรมนถึงลืมตาขึ้น พูดยิ้ม “คนคนนึงมีใจมุ่งร้ายหรือไม่ สายตาสำคัญที่สุด ฉันดูนิสัยของเธอออกจากแววตาเธอ ฉันเลยไม่กลัว อีกอย่างตอนที่ฉันออกมาก็บอกสามีฉันไว้แล้ว ว่าอยู่กับเธอ ถ้าเธอเอาฉันไปขายจริงๆ สามีฉันก็จะไปตามหาถึงที่ ดังนั้นฉันจะกลัวทำไมล่ะ”
ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ รมิดาก็โค้งรอยยิ้มออกมาโดยสมบูรณ์
“เธอเหมาะที่จะทำธุรกิจจริงๆ”
“ขอบคุณสำหรับคำชม”
หญิงสาวทั้งสาวหัวเราะยิ้มแย้มตลอดทาง กลายเป็นว่าทำให้ความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นไม่น้อย
รถจอดลงตรงหน้าตรอกเล็กๆ
นรมนเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “ที่นี่ที่ไหน?”
“ซอยหางหมา”
คำพูดของรมิดาทำให้นรมนชะงักเล็กน้อย
“นี่มันชื่ออะไรเนี่ย?”
“ชื่อสถานที่ ที่นี่ค่อนข้างแคบ รถเข้าไปไม่ได้ เธอเดินไปกับฉันแล้วกัน ไม่ไกลแล้ว”
รมิดาพูดแล้วก็ลงจากรถ
นรมนเองก็ลงจากรถตามไป ไม่ได้ถามอะไร ก็เดินตามรมิดาเข้าไปในตรอกแบบนั้น
อาคารที่นี่ดูมีอายุหลายปีแล้ว ดูแล้วให้ความรู้สึกเก่าแก่ อีกอย่างก็ไม่มีรถเข้ามา ให้ความรู้สึกสงบเงียบแบบหนึ่ง
นรมนเห็นรมิดาหันมองไปรอบๆตรอก จากนั้นก็หยุดลงข้างหน้า
“ทำไมหรอ? ถึงแล้ว?”
นรมนเดินตามเข้าไป อยากที่จะพูดอะไรอีก แต่ถูกรมิดาดึงไปที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เปิดประตูบ้านเข้าไปอย่างเบาไม้เบามือ
ท่าทางแบบนี้ดูเป็นโจรยังไงไม่รู้
นรมนมีความสงสัย แต่ก็ยังตามเข้าไป
ทั้งสองเดินตามลานเข้าไปในบ้าน รมิดามองหาที่ที่นึงลากนรมนเข้าไปหลบ
“ทำไม……”
“ชู่ว์……”
รมิดาส่งสัญญาณให้นรมนเงียบปาก
ในเวลานี้ นรมนรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัว แต่ก็ปิดปากอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่นาน ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังสวนมา จากนั้นประตูบ้านด้านในก็มีเสียงเอี๊ยดเปิดออก
“เนตราออกมาเดี๋ยวนี้!”
นรมนคิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอบูรณ์ที่นี่ ที่ยิ่งคิดไม่ถึงก็คือจะได้ยินชื่อของเนตรา
ชื่อเดียวกันนามสกุลเดียวกันคนละคนกัน?
นรมนปลอบใจตัวเอง
แต่ในตอนที่เนตราเดินออกมาจากห้อง นรมนก็ตกตะลึงโดยสิ้นเชิง
เนตราทำไมมาอยู่ที่นี่
อีกอย่างอาคารที่นี่ก็พูดได้ว่ามีราคา หรือว่าเธอมีเงินซื้อบ้านที่นี่?
ถ้านี่เป็นบ้านของเนตรางั้นทำไมพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนถึงต้องขายบ้าน?
หรือว่านี่เป็นบ้านที่เธอเอาเงินจากการขายบ้านมาซื้อ?
ในสมองของนรมนมีคำถามผ่านเข้ามาเป็นชุด
เนตราแค่ดูก็รู้ว่าพึ่งตื่น ในตอนที่เห็นบูรณ์โมโหฉุนเฉียว ก็พูดอย่างไม่พอใจ “นายทำอะไร? เช้าขนาดนี้มาโวยวายที่นี่ ทำไมไม่ปล่อยให้คนนอน”
“เธอยังมีอารมณ์นอนอีก? ตอนนี้ฉันถูกคนแบนแล้ว”
บูรณ์ยิ่งคิดยิงโมโห อดไม่ได้ที่จะส่งเสียง
เนตรารีบปิดปากของเขาไว้ เหลือบมองเข้าไปในห้องนอน พูดเสียงต่ำ “นายอยากตายหรอ? เขายังนอนอยู่ ถ้าไปทำให้เขาตื่น นายจะยิ่งไม่ได้ผลอะไร”
คำพูดนี้ทำให้บูรณ์หยุดลง
เขาจ้องเขม็งไปที่เนตราอย่างดุร้าย จากนั้นก็ปัดมือเธอออก
“เนตราฉันเกือบตายเพราะเธอ”
“อย่าพูดไร้สาระ ฉันบริสุทธิ์ใจกับนาย ฉันไปทำอะไรให้นาย?”
เนตราหาวหนึ่งทีใบหน้าไม่ใส่ใจ
บูรณ์พูดอย่างอารมณ์เสีย “เธอไม่ได้ทำอะไรฉัน? เธอไม่ใช่หรอที่บอกให้ฉันมุ่งเป้าไปที่คมทิพย์? เธอไม่ใช่หรอที่บอกให้ฉันส่งหล่อนไปสู่ความตาย จะไม่มีใครมาออกหน้าให้หล่อน?”
“อะไรนะ? หรือว่านายยังฝังอยู่ในมือของคมทิพย์ผู้หญิงคนนั้นอยู่? งั้นนายก็ไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว พ่อของคมทิพย์บ้าไปแล้ว แม่ตายไปแล้ว น้องชายคนเดียวก็พิการไปแล้ว แฟนกลายเป็นผักไปแล้ว แค่ผู้หญิงคนเดียวนายยังจัดการไม่ได้? ตอนนี้ยังมีหน้ามาโวยวายที่นี่ บูรณ์ นายยังเป็นผู้ชายอยู่?”
“แม่งเอ้ย! ที่เธอพูดมาพวกนี้ฉันรู้หมด แต่ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าคมทิพย์กับคุณนายบุริศร์สนิทกัน? แล้วคุณนายบุริศร์ยังรู้จักกับคุณชายอรรณพอีก? ฉันทำผิดต่อคมทิพย์ ตอนนี้คุณนายบุริศร์โกรธแทนหล่อน คุณชายอรรณพแบนฉันออกจากสายอาชีพทั้งหมด หลังจากนี้ฉันไม่มีรายได้ เมียกับลูกฉันจะเอาอะไรกิน? ฉันไม่สน เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเธอ ฉันจะพบเขา ไม่ว่าจะพูดยังไง พวกเธอจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนให้ฉัน คิดบัญชีให้ฉัน”
บูรณ์พูดจบก็จะพุ่งเข้าไปด้านใน แต่กลับถูกเนตราหยุดยั้งเอาไว้
หน้าอกของเธอกระเพื่อม พูดอย่างคนพาล “นายลองก้าวเข้ามาเข้ามาอีกก้าว ฉันจะบอกเขาว่านายไม่เคารพฉัน!”
คำพูดนี้ทำให้บูรณ์ชะงักไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าแม้แต่น้อย กระทั่งถอยหลังไปสองก้าว
“เนตราเธอมันหน้าด้านเกินไปแล้ว”
“แล้วจะทำไม ใครให้ฉันเป็นผู้หญิงล่ะ?”
เนตราไม่รู้สึกเสียหน้าเลยแม้แต่น้อย กลับพูดอย่างภูมิใจ
“พอแล้ว เรื่องนี้อีกเดี๋ยวฉันจะให้เขาจัดการให้นาย ไม่กี่วันนี้นายกลับไปรอชั่วคราว อย่าเอาแต่มาหาพวกฉัน ถ้าพวกนรมนรู้ถึงความสัมพันธ์ของนายกับพวกฉัน เปิดโปงเขาแล้ว เรื่องที่นายต้องระวังก็จะไม่ใช่เรื่องเมียกับลูกนายไม่มีเงินกินข้าวแล้ว”
คำพูดนี้เนตราพูดอย่างเยือกเย็น ทำให้บูรณ์ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนทันที
นรมนแอบฟังเรื่องพวกนี้อยู่ไม่ไกล ก็แปลกใจขึ้นมาทันที
เขาที่อยู่ในบทสนทนาของพวกเขาคือใครกันแน่?
หรือว่าอยู่ในบ้านหลังนี้?
แล้วเนตรากับเขาคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกัน?
ชุดคำถามพัวพันนรมนไว้ ทำให้เธอหาคำตอบไม่ได้