คิดแล้วก็ลงมือทำทันที
หลังนรมนกับคมทิพย์ออกจากบ้านตระกูลเชาวนภูติ หาเช่าห้องพักแห่งหนึ่งย่านชานเมือง
คมทิพย์อยากจะอยู่เป็นเพื่อนนรมน แต่นรมนใช้ให้เธอไปหาสปอนต์เซอร์ ส่วนตัวเองอยากจะออกไปเดินเล่นคนเดียว
คมทิพย์เป็นห่วง แต่เธอเปลี่ยนความคิดนรมนไม่ได้ จำต้องตอบตกลง
หลังนรมนออกจากห้องเช่า ก็โทรไปหาเนตราทันที
“เราเจอกันหน่อยเถอะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เนตราในตอนแรกอึ้งนิดหนึ่ง เหมือนไม่เชื่อนรมนจะเป็นฝ่ายโทรหาเธอ เมื่อได้ยินนรมนพูดเช่นนั้น เธอยิ้มเย็น “เธอกล้าดียังไงบอกจะนัดเจอแล้วฉันจะต้องทำตาม นรมน เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน”
“ฉันไม่ใช่ใครทั้งนั้น เธอจะไม่เจอฉันก็ได้ แต่ไม่รู้กล้าณรงค์ คนนี้พ่อแม่เธอรู้จักมั้ย”
สิ้นเสียงนรมน เนตราก็ร้อนใจทันที
“นรมน ถ้าเธอกล้าพูดกับพ่อแม่ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”
“ร้านกาแฟถนนพิงพวยฉันจะรอเธอที่นั่น”
พูดจบนรมนก็ตัดสายทันที
ตอนที่เนตรามาถึง นรมนมารออยู่ก่อนแล้ว
บอกว่าจะมาดื่มกาแฟ แต่ตรงหน้านรมนมีเพียงน้ำเปล่าเท่านั้น แววตาของเธอที่เหม่อมองนอกหน้าต่าง ไม่รู้กำลังคิดอะไร อารมณ์ค่อนข้างเศร้า
เศร้าหรือ
เนตรารู้สึกว่าตัวเองต้องตาฝาดแน่
เบื้องหลังของเธอมีบุริศร์ดูแลเอาใจใส่ และยังมีตระกูลทวีทรัพย์ธาดากับตระกูลพรโสภณคุ้มครอง เธอจะต้องเศร้าอะไรอีก
เนตราคิดถึงเรื่องครอบครัวของตัวเอง แล้วนึกถึงเรื่องที่เธอเป็นคุณหนูตระกูลธนาศักดิ์ธนแทนตัวเองตั้งนานหลายปี ในใจเนตรารู้สึกไม่มีความสุขมาก
“นัดฉันมาดื่มกาแฟ แต่เธอดื่มแค่น้ำเปล่านี่นะ นรมน เธอไม่จริงใจเอาซะเลย”
เมื่อได้ยินเสียงของเนตรานรมนถึงค่อยรู้สึกตัว แต่ความอ่อนล้าในสายตาและดวงตาบวมแดงทำให้เนตราถึงกับอึ้ง
“เธอร้องไห้เหรอ”
“แค่ฝุ่นเข้าตา เธอคิดว่าฉันมีเรื่องอะไรน่าร้องไห้หรือไง”
นรมนพูดเรียบๆ แล้วดื่มน้ำเปล่าตรงหน้ารวดเดียวหมด
เนตราก็รู้สึกว่าตัวเองถามคำถามงี่เง่า
ผู้หญิงที่เป็นดาวล้อมเดือนจะร้องไห้ได้ยังไง
อีกอย่างตอนนี้เธอท้อง เป็นผู้หญิงที่ตระกูลโตเล็กดูแลประคบประหงม
เนตราทำหน้าไม่ถูก
“พูดมาเถอะ เธอนัดฉันมาทำไมกันแน่ ถึงฉันไม่รู้ว่าเธอรู้จักกล้าณรงค์ ได้ยังไง แต่ฉันขอเตือนเธอนะ เธออย่าไปยุ่งกับเขาจะดีที่สุด ไม่งั้นตายยังไงเธอก็ยังไม่รู้ อย่าคิดว่ามีบุริศร์คอยคุ้มครองเธอแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้ นรมน ที่นี่คือเมืองBไม่ใช่เมืองชลธี”
คำพูดของเนตรามั่นอกมั่นใจมาก
ถ้าหากเป็นที่เมืองชลธีล่ะก็ นรมนจะต้องต่อว่าไปหลายคำแน่ แต่รู้ว่าเธอมี กล้าณรงค์หนุนหลัง จึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเนตรา
“บ้านตระกูลธนาศักดิ์ธนที่เมืองชลธีเธอขายไปเท่าไหร่ เอาเงินให้ฉัน บ้านนั้นฉันไม่ขาย”
นรมนพูดเป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ของตัวเองตรงๆ
รมิดามีบุญคุณกับเธอ นรมนย่อมไม่ปล่อยให้รมิดาถูกเนตราหลอกแน่
เมื่อรู้ว่านรมนต้องการเงินจากเธอเนตราก็โมโหทันที
“มันเป็นของเธอตอนไหน บ้านของพ่อแม่ฉันต่างหาก! นรมน เธอมีสำนึกหน่อยสิ พ่อแม่เลี้ยงดูเธอจนโต ให้การศึกษาอาหารการกินดีที่สุดกับเธอ ให้เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่มีอำนาจที่สุดในเมืองชลธี เธอไม่รู้จักบุญคุณยังพอว่า ตอนนี้เธอยังจะแย่งบ้านกับพ่อแม่อีกหรือ นรมน เธอยากจนขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ใช่ เอาเงินให้ฉัน”
นรมนขี้เกียจจะเถียงกับเธอ ท่าทีแข็งกร้าวยื่นมือให้เนตรา
เนตราถอยหลังก้าวหนึ่ง พูดอย่างระวังตัวและเย่อหยิ่ง “ไม่ให้! ฉันใช้เงินไปแล้ว ฉันไม่มีให้หรอก ถ้าต้องการชีวิต เธอก็หาทางเอาละกัน”
“เธอ!”
นรมนเคยคิดว่า จะเล่นวิธีไร้เหตุผล แต่นึกไม่ถึงจะไร้เหตุผลขนาดนี้
“ เธอยังไม่ได้รับอนุญาตจากฉันให้ขายบ้าน คนซื้อยังไม่ได้โฉนดกับหนังสือยินยอม เธอหลอกเขาหรือไง”
“งั้นเธอก็ไปยินยอมกับคนนั้น ทำเรื่องเปลี่ยนเจ้าของเองสิ”
เนตราพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา
นรมนรู้ดี ตัวเองพูดกับเธอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
“เนตราฉันให้เวลาเธอสามวันเอาเงินให้ฉัน หรือไม่ก็คืนคนซื้อบ้านไป ไม่อย่างนั้นเราเจอกันที่ศาล”
“ก็เอาสิ เธอไปฟ้องฉันเลย เดี๋ยวฉันจะไปบอกพ่อแม่ ลูกสาวคนดีที่พวกเขาเลี้ยงมาจะฟ้องฉันที่เป็นลูกแท้ๆ เธอคิดว่าพวกเขาจะทำยังไง”
เนตรามั่นใจ
นรมนมองหน้าเธอตอนนี้ ยิ้มเย็น “ความรู้สึกของฉันกับพวกเขาถูกเงินสิบล้านของบุริศร์ซื้อขาดแล้วไม่ใช่หรือ เธอคิดว่าพวกเขายังมีจุดยืนอะไรมาขอร้องฉันให้ทำอะไรอีกเนตราเป็นคนอย่าโลภมาก”
ได้ยินนรมนพูดอย่างนี้ สีหน้าเนตราบอกบุญไม่รับ
“ฉันไม่ให้ซะอย่าง เธอจะทำอะไรฉันได้ นรมน เธอมีเงินเยอะแยะ ทำไมต้องมาเอากับฉันให้ได้ เงินนั้นถือว่าชดเชยให้ฉันไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้! ไม่ถามก่อนเอาไปเองถือว่าขโมย เธอไม่เคยหารือกับฉัน ฉันไว้หน้าเธอ ถึงพูดกับเธอก่อน แต่ฉันให้เวลาแค่สามวัน ถ้าเธอมีคดีความจริงๆ ฉันคิดว่าการแข่งขันไวโอลินระหว่างเราก็คงไม่ต้องแข่งแล้ว ในเมื่อเธอคือคนที่ไม่ได้ร่วมแข่งใช่มั้ย”
“ฉันแค่เอาของที่เป็นของฉันคืน”
ได้ยินนรมนพูดเช่นนี้ สายตาของเนตราเคร่งขรึม
“เธออย่ารังแกคนอื่นมากไป”
นรมนพูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกมา
เนตรามองตามหลังเธอ สายตาลึกๆ มีแววที่มีความหมายไม่ชัดเจน
เดินออกมาจากร้านกาแฟ นรมนไม่รู้ว่าคมทิพย์เป็นยังไงบ้าง จึงโทรไปหาเธอ
คมทิพย์เล่าว่าเธอได้รับเชิญจากนักประพันธ์ อยากฟังเธอร้องเพลง นรมนดีใจมาก
เธอมารู้อีกที คลิปที่คมทิพย์ร้องเพลงที่บาร์ดังในอินเทอร์เน็ตแล้ว
“ส่งที่อยู่มา ฉันจะไปหาเธอ”
นรมนรู้สึกดีใจมาก
แม้ว่าเรื่องบุริศร์จะทำให้เธอเสียใจ แต่คมทิพย์ได้เริ่มต้นใหม่ก็เป็นเรื่องที่ควรจะดีใจ
คมทิพย์ส่งที่อยู่ให้นรมน
นรมนดูที่อยู่แล้ว ตั้งจีพีเอส เห็นว่าที่อยู่ไม่ไกล เธอไม่ได้เรียกรถ แต่เดินไปตามทางที่ปักหมุดในแผนที่
ตอนที่ผ่านสี่แยกไฟแดง ไฟคนข้ามถนนข้างหน้าเป็นสีเขียว นรมนก้าวเท้าจะเดินไป
ตอนนี้เอง รถยนต์คันหนึ่งจู่ๆ ฝ่าไฟแดง พุ่งตรงมาทางนรมน
“ระวัง!”
คนที่อยู่ใกล้ๆ ตะโกนเตือน แต่ตอนที่นรมนหันมาสายไปแล้ว
“โครม” ดังขึ้น เธอถูกชนกระเด็นลอยไปแล้ว
แย่แล้ว!
ก้นบึ้งหัวใจนรมนคิดอย่างนี้ มือสองข้างกุมท้องตามจิตใต้สำนึก แต่ตอนที่ร่วงหล่นพื้น เธอยังคงรู้สึกปวดไปทั้งตัว ท้องไส้ปั่นป่วนทันที ของเหลวอุ่นๆ ไหลออกมาหว่างขา
ลูก!
นรมนเสียใจมาก อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เลือดทะลักออกมา ทุกอย่างมืดมิดดับลง
คนรอบข้างรีบเข้ามามุงดู
คนขับรถที่ก่อเหตุเห็นเช่นนี้ ก็ขับรถหนีไปทันที
นรมนนอนอยู่ตรงกลางถนน เลือดค่อยๆ ไหลออกมาท่วมตัว ไม่นานก็แดงฉานจนทั่ว บาดตามาก
“โทร 120 เร็ว ไม่งั้นคนตายแน่”
“ใช่ๆๆ แจ้งตำรวจเถอะ”
คนที่มามุงดูไม่รู้คนไหนตะโกนขึ้น ก็มีคนรีบขยับอย่างรวดเร็ว และมีคนที่ใช้มือถือถ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอัปโหลดในเน็ต
คมทิพย์รออยู่นานก็ไม่เห็นนรมนมาเสียที โทรไปหานรมนก็ปิดเครื่องแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นนะ”
คมทิพย์ไม่สบายใจ
บุริศร์คุยสัญญากับ อรรณพที่คลับส่วนตัว เพราะรมิดารักษาให้นรมนรบกวนรมิดาพักผ่อนคุณชายอรรณพ ต้องการแก้ไขสัญญาน่าปวดหัวนิดหน่อย พวกเขาสองคนจึงให้ทนายความจากสำนักงานทนายมาดำเนินการที่นี่
ตลอดครึ่งวันเช้า บุริศร์คอยดูมือถือตลอด กลัวนรมนโทรมาแล้วเขาไม่ได้รับ แต่รออยู่นาน ก็ไม่มีเสียงโทรเข้าสักที
“คุณเอาแต่ดูมือถือทำไม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
อรรณพเห็นเขาเป็นอย่างนี้ ก็อดถามไม่ได้
“ไม่มีอะไรครับ”
บุริศร์ไม่พูดอะไรอีก แต่หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูโพสต์
ในเมื่อนรมนไม่โทรหาเขา ก็ลองดูโพสต์ของเธอละกัน
ผู้หญิงคนนี้เวลาอารมณ์ไม่ดีมักจะระบายในโพสต์
บุริศร์เปิดดูหน้าโซเชียลมีเดียของนรมน ก็ไม่เห็นนรมนอัปเดทวันนี้
เขากังวลทีเดียว
เขาเปลี่ยนมาดูโพสต์ของคนอื่นทันที ก็เห็นคลิปอุบัติเหตุ
บุริศร์หรี่ตาทันที
“เป็นอะไรไปครับ”
อรรณพ เกือบถูกไอเย็นของบุริศร์ที่แผ่ออกมาหนาวจนแข็ง
“ผมไปก่อน!”
บุริศร์ลุกขึ้นออกไปเลย
“เดี๋ยว สัญญายังไม่เสร็จนะ”
อรรณพคิดอยากจะรั้งบุริศร์ไว้ แต่บุริศร์วิ่งเร็วจี๋
“เห็นผีหรือไง ทำไมวิ่งเร็วขนาดนั้น หรือว่ามีใครเกิดเรื่องแล้ว”
อรรณพหยิบมือถือขึ้นมาดูบ้าง ทันใดนั้นก็เห็นนรมนนอนจมกองเลือดก็ตกตะลึง
“ทำไมถึงได้…”
อรรณพ รีบโทรไปหารมิดา
ตอนที่นรมนถูกส่งไปโรงพยาบาล สลบไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว ลมหายใจรวยริน
รมิดาได้รับข่าวแล้ว รีบไปโรงพยาบาลทันที ผ่าตัดให้เธอ ตอนที่เห็นเลือดที่ช่วงล่างของนรมน สองมือของ นรมนยังปกป้องท้องแน่น
ดวงตาของเธอมีน้ำตารื้นออกมา
ลูก คงจะไม่รอดแล้ว…
รมิดาเข็นนรมนเข้าห้องผ่าตัด
ตอนที่ไฟห้องผ่าตัดสว่าง บุริศร์ก็มาถึงพอดี
“คนไข้ล่ะ ภรรยาผมอยู่ไหน”
บุริศร์ทำให้คนที่อยู่รอบข้างตกใจ รีบชี้ไปทางห้องผ่าตัด
ตอนนี้บุริศร์เข้าไปไม่ได้แล้ว
เขาใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ชัยยศ ช่วยผมหาสถานที่คุณนายเกิดอุบัติเหตุ ใครชนเธอ ตอนนี้คนที่ขับรถชนอยู่ที่ไหน”
บุริศร์โทรไปหาชัยยศ
ชัยยศได้ยินข่าวนรมนเกิดเรื่อง ก็ตกตะลึง
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำนรมนออกไปตอนไหน
แต่ชัยยศก็รีบค้นหากล้องวงจรปิดตอนนั้น
“ประธานบุริศร์ เห็นหน้าคนก่อเหตุไม่ชัดครับ ป้ายทะเบียนรถก็ปลอม สืบรายละเอียดยังไม่ได้ ประธานบุริศร์ เรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ นี่เป็นฆาตกรรม!”
คำพูดของชัยยศทำให้ดวงตาของบุริศร์หรี่ลงทันที
ใครกัน
ใครกันกล้าขนาดนี้ ถึงขั้นกล้าทำร้ายนรมนอย่างเปิดเผยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น
“ไปสืบมา! ไม่ว่าต้องใช้คนเท่าไหร่ ผมต้องรู้ให้ได้คนนั้นคือใคร!”